จักรรัตนะ ๑ ในมหารัตนสมบัติสมบัติแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ

เล่ากันว่า พระราชาทรงบำเพ็ญจักรวรรดิวัตร ๑๐ ประการอันใด ทรงสนานพระเศียรในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำอันเป็นวันอุโบสถ ทรงรักษาอุโบสถเสด็จไปยังเบื้องบนปราสาทอันประเสริฐ ประทับนั่งระลึกถึงศีลทั้งหลายอยู่
พอรุ่งเช้าก็สละพระราชทรัพย์หนึ่งแสน ถวายมหาทาน สนานพระเศียรด้วยคันโธทกครั้งละ ๑๖ หม้อ เสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว ทรงเฉวียงบ่าด้วยผ้าขาวบริสุทธิ์ นั่งขัดสมาธิบนพระที่บรรทมอันมีสิริชั้นบนปราสาท ประทับนั่งรำพึงถึงกองบุญ คือทาน ความข่มใจและความสำรวมของพระองค์
นี้เป็น(กิจวัตร)ธรรมดาของ(ผู้เป็น)พระเจ้าจักรพรรดิทั้งปวง
พระราชาทรงบำเพ็ญจักรวรรดิวัตร ๑๐ ประการอันใด ทรงสนานพระเศียรในวันเพ็ญ ๑๕ ค่ำอันเป็นวันอุโบสถ ทรงรักษาอุโบสถเสด็จไปยังเบื้องบนปราสาทอันประเสริฐ ประทับนั่งระลึกถึงศีลทั้งหลายอยู่ ทิพยจักรรัตนะอันมีบุญกรรมมีประการดังกล่าวแล้วเป็นปัจจัย มีฤดูเป็นสมุฏฐาน มีลักษณะคล้ายกับก้อนแก้วมณีสีเขียว ก็ปรากฏขึ้นดุจแหวกพื้นน้ำมหาสมุทรขึ้นมาทางปาจีนทิศดุจพระจันทร์เพ็ญและดุจพระอาทิตย์ อุปมาดังจะทำห้วงนภากาศให้งดงาม เพราะจักรรัตนะนั้นเป็นทิพย์ประกอบไปด้วยอานุภาพอันเป็นทิพย์
จำเดิมแต่จักรรัตนะบังเกิด ชื่อว่าเทวสถานอื่น ย่อมไม่มี
จักรในที่นี้ คือ ลักษณะการเคลื่อนไหวและการทำงานที่คล้ายกับการหมุนของจักร ที่ชื่อว่า จักรรัตนะ เพราะเป็นจักรและเป็นทั้งรัตนะ
เมื่อพวกมนุษย์บริโภคอาหารมื้อเย็น ตามปกติเสร็จแล้วนั่งบนอาสนะที่เขาปูไว้ บนประตูเรือนของตนๆ สนทนากันอยู่ถึงเหตุการณ์เรื่องราวตามที่เป็นไป เมื่อหมู่ทารกผู้ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป (รุ่นเยาว์) กำลังเล่นอยู่ในถนนและทางสี่แพร่งเป็นต้น ทิพยจักรรัตนะนั้นแล ก็เดินทางมุ่งหน้ามายังราชธานี ประดุจเข้าไปส่งเสริมความงาม กิ่งไม้ยอดไม้ เพิ่มบรรยากาศจนสุดบริเวณในไพรสณฑ์ ชวนให้หมู่สัตว์เงี่ยโสดสดับด้วยเสียงอันไพเราะ ฟังได้ไกลถึง ๑๒ โยชน์ ชวนให้มองโดยมีแสงสีรุ่งเรืองเป็นเหตุให้เกิดรัศมีมีประการต่างๆเห็นได้ไกลโยชน์หนึ่ง ถึง ๓ โยชน์ ดุจประกาศบุญญานุภาพแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ
ครั้นจักรรัตนะนั้นส่งสำเนียงไปทั่วป่านั่นเอง คนเหล่านั้นครุ่นคิดอยู่ว่า เสียงนี้มาแต่ไหนหนอ ต่างก็แหงนดูไปทางทิศบูรพา ต่างคนต่างพูดกันอย่างนี้ว่า ท่านผู้เจริญทั้งหลาย จงดูสิ่งอัศจรรย์ทุกๆ คืนพระจันทร์เพ็ญขึ้นดวงเดียว แต่วันนี้ขึ้นสองดวง ก็ดวงจันทร์ทั้งคู่นี้ เคลื่อนคล้อยขึ้นไปสู่นภากาศโดยมุ่งไปทางทิศบูรพา อุปมาเหมือนพญาหงส์ทั้งคู่ ร่อนอยู่ในนภากาศฉะนั้น อีกพวกหนึ่งกล่าวค้านว่า สหายท่านพูดอะไร พระจันทร์สองดวงขึ้นพร้อมกันท่านเคยเห็นที่ไหนบ้าง นั่นคือพระอาทิตย์ผู้ทรงไว้ซึ่งรัศมีอันแผดกล้า มีสีแดงเหลืองโผล่ขึ้นมาแล้วมิใช่หรือ อีกพวกหนึ่งกล่าวถากถางเยาะเย้ยพวกนั้นว่า ท่านเป็นบ้าไปแล้วหรือ พระอาทิตย์เพิ่งจะตกไปเดี๋ยวนี้เองมิใช่หรือ พระอาทิตย์นั้นจะขึ้นตามพระจันทร์เพ็ญดวงนี้ได้อย่างไร แต่นี่จะต้องเป็นวิมานของท่านผู้มีบุญคนหนึ่ง จึงรุ่งเรืองไปด้วยแสงสว่างแห่งรัตนะมิใช่น้อย คนเหล่านั้นแม้ทั้งหมดต่างฝ่ายต่างเห็นไปคนละอย่าง คนพวกหลังจึงกล่าวอย่างนี้ว่า พวกท่านทั้งหลายพูดเพ้อเจ้อให้มากเรื่องไปทำไม นั่นไม่ใช่พระจันทร์เพ็ญ ไม่ใช่ดวงอาทิตย์ ไม่ใช่วิมานของเทพ ที่แท้สิริสมบัติเห็นปานนี้ มิได้เกิดขึ้นเพื่อสิ่งเหล่านั้น แต่สิ่งนั้นชะรอยจักเป็นจักรรัตนะ
เมื่อการเจรจาโต้เถียงยังดำเนินไปอยู่เช่นนี้ จักรรัตนะนั้นก็ละจันทมณฑล(ระดับการโคจรของดวงจันทร์เมื่อสัเกตการณ์จากพื้นโลก)มุ่งตรงมา แต่นั้นเมื่อคนเหล่านั้นพูดกันว่า จักรรัตนะนี้บังเกิดขึ้นเพื่อใครหนอแล ก็มีผู้พูดขึ้นว่า จักรรัตนะนี้มิได้เกิดขึ้นแก่ผู้ใดใครอื่น มหาราชของพวกเราทั้งหลายทรงบำเพ็ญความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิสมบูรณ์แล้ว จักรรัตนะนี้บังเกิดเป็นคู่บุญบารมีของพระองค์แน่นอน
ลำดับนั้น ทั้งมหาชนกลุ่มนั้น ทั้งคนอื่นๆ ที่มองเห็น ทุกๆ คนก็เดินตามจักรรัตนะไปเรื่อยๆ แม้จักรรัตนะนั้นก็เวียนรอบพระนครไปจนสุดกำแพงทีเดียวเจ็ดรอบ เหมือนหนึ่งจะประกาศให้คนทั่วไปรู้ข้อที่ตนลอยมาเพื่อเป็นสมบัติของพระราชาพระองค์เดียว กระทำประทักษิณภายในพระราชวังของพระราชาแล้ว ประดิษฐานอยู่ในที่คล้ายสีหบัญชรด้านทิศอุดรของพระราชวัง ลอยอยู่ในที่ไม่สูงเกินไป ไม่ต่ำเกินไป ลอยเด่นอยู่ ประดุจไม่ไหวติง ในที่อันสมควร เหมือนถูกไม้สลักขัดไว้ เพื่อให้มหาชนบูชาด้วยเครื่องสักการะมีของหอมและดอกไม้เป็นต้นได้โดยสะดวก
เมื่อทิพยจักรรัตนะนั้นตั้งอยู่(ลงจอด)ด้วยประการฉะนี้แล้ว พระราชาธิบดีเห็นกองรัศมี มีพระทัยปรารถนาที่จะทอดพระเนตรชมจักรแก้วที่เข้าไปทางช่องแห่งสีหบัญชร กระทำให้ภายในปราสาทรุ่งเรืองด้วยรัศมีแก้ว ก่อให้เกิดความยินดีมีประการต่างๆ แม้หมู่ชนที่ห้อมล้อมก็พากันกราบทูลมูลเหตุแห่งจักรรัตนะนั้น ด้วยถ้อยคำล้วนแต่น่ารัก กาลนั้น พระราชาธิบดีมีพระวรกายท่วมล้นไปด้วยปิติปราโมทย์อย่างแรงกล้า มีพระอุตสาหะละเสียซึ่งบัลลังก์ ทรงอุฏฐานการจากอาสนะ เสด็จไปสู่ที่ใกล้สีหบัญชร ทอดพระเนตรเห็นจักรแก้วแล้ว จึงทรงจินตนาการว่า ก็เราได้ยินคำโบราณท่านเล่ามาว่า ฯลฯ ดังนี้เป็นอาทิ. เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวว่า ครั้นทอดพระเนตรเห็นแล้วจึงทรงมีพระดำริว่า ฯลฯ เราพึงได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแน่นอนดังนี้
ถามว่า พระราชาย่อมเป็นพระเจ้าจักรพรรดิด้วยเหตุไร?
ตอบว่า ด้วยเหตุเพียงจักรรัตนะเหาะขึ้นสู่อากาศ เพียงองคุลีหนึ่งก็ได้ สององคุลีก็ได้(คือ ผู้ใดที่ทำให้จักรรัตนะลอยขึ้นมาได้แม้เพียง๑-๒องคุลีก็ตาม ผู้นั้นย่อมได้รับการยอมรับจากจักรรัตนะให้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้ว)
พระราชาทรงลุกจากอาสนะที่ประทับนั่งเสด็จมาใกล้จักรรัตนะ ทรงยกสุวรรณภิงคาร มีช่องคล้ายงวงช้าง ทรงจับเต้าน้ำด้วยพระหัตถ์ซ้าย (ทรงหลั่งรดจักรแก้วด้วยพระหัตถ์ขวา) รับสั่งว่า จงพัดผันไปเถิดจักรแก้วผู้เจริญ จงมีชัยชนะอย่างผู้ยิ่งใหญ่เถิดจักรแก้วผู้เจริญ ในขณะที่พระราชาทรงหลั่งน้ำ มุ่งความเป็นพระเจ้าจักรพรรดิแล้วรับสั่งว่า จงมีชัยชนะอย่างผู้ยิ่งใหญ่เถิดจักรแก้วผู้เจริญนั่นแหละ จักรแก้วก็ลอยขึ้นสู่เวหาส เปล่งเสียงไพเราะ ดุจดนตรีประกอบด้วยองค์ห้า พัดผันไป
พระราชานั้นย่อมได้ชื่อว่าเป็นพระเจ้าจักรพรรดิตลอดเวลาที่จักรแก้วพัดผันไป(ตราบใดที่จักรแก้วยังคงทำงานก็เป็นการยืนยันถึงการมีอยู่ของเจ้าจักรพรรดิ) เมื่อจักรแก้วพัดผันไปแล้ว พระราชาผู้กำลังติดตามจักรแก้วนั้นไปเรื่อยๆ ก็เสด็จขึ้นสู่ยานอันประเสริฐของพระเจ้าจักรพรรดิ เหาะขึ้นสู่เวหาสด้วยประการฉะนี้
เพราะเหตุไร พระเจ้าจักรพรรดิ ๒ พระองค์จึงไม่ทรงอุบัติขึ้นในจักรวาลเดียวกัน?
๑.เพราะจะตัดการวิวาท คือ เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิ ๒ องค์อุบัติขึ้น การวิวาทก็จะพึงเกิดขึ้นว่า พระราชาของพวกเราใหญ่ พระราชาของพวกเราก็ใหญ่
๒.เพราะจะให้เป็นความอัศจรรย์ คือ เมื่อในทวีปหนึ่งมีพระเจ้าจักรพรรดิ (อีก)ทวีปหนึ่งก็มีพระเจ้าจักรพรรดิ ดังนั้นจะพึงไม่เป็นของอัศจรรย์
๓.เพราะจักรรัตนะมีอานุภาพมาก คือ อานุภาพอันยิ่งใหญ่ของจักรรัตนะอันสามารถมอบให้ซึ่งความเป็นใหญ่ในทวีปใหญ่ทั้ง ๔ มีทวีปน้อยสองพันเป็นบริวารก็จะหมดคุณค่า(เพราะไม่อาจปันเป็น๒ส่วนได้ หากปันออกอานุภาพอาจหายไป)
ลำดับนั้น คนผู้เป็นบริวารและข้าราชการในราชสำนักของพระองค์ ต่างก็ถือฉัตรและจามรเป็นต้น ถัดจากนั้นไปก็ถึงกลุ่มอิสรชนจำเดิมแต่อุปราชเสนาบดี พรั่งพร้อมไปด้วยกำลังทัพของพระองค์ที่ตกแต่งเครื่องสนาม (ผูกสอด) มีเสื้อเกราะและเกราะ ๖ ประการเป็นต้น ประดับด้วยธงชัย ธงแผ่นผ้าที่ยกขึ้นโชติช่วงพร้อมไปด้วยแสงสีที่นำมาประดับหลายสิ่งหลายประการ ต่างเหาะขึ้นสู่เวหาสห้อมล้อมพระราชาเพียงผู้เดียว เพื่อจะสงเคราะห์ประชาชน พวกพนักงานของพระราชา จึงป่าวประกาศไปทั่วทุกถนนในพระนครว่า พ่อแม่ทั้งหลาย จักรแก้วเกิดแล้วแก่พระราชาของพวกเรา พวกท่านจงรีบจัดแจงแต่งตัวตามฐานานุรูปของตนๆ เร่งมาประชุมกันเถิด
มหาชนต่างละการงานทุกอย่างที่ต้องทำตามปกติ ถือเครื่องสักการะมีของหอมและดอกไม้เป็นต้นประชุมกันแล้ว ตามเสียงแห่งจักรแก้ว(เสียงประกาศผ่านจักรรัตนะ)นั่นแหละ แม้มหาชนทั้งหมดนั้นก็เหาะขึ้นสู่เวหาส แวดล้อมพระราชาพระองค์เดียว คือผู้ใดประสงค์จะเดินทางร่วมไปกับพระราชา ผู้นั้นก็ไปทางอากาศ ด้วยประการฉะนี้ จึงมีบริษัทมาประชุมกันทั้งด้านยาว ด้านกว้างประมาณ ๑๒ โยชน์ ในบริษัทนั้นไม่มีแม้แต่คนเดียวที่จะมีอวัยวะพิกลพิการหรือนุ่งห่มเศร้าหมอง พระราชาจึงมีบริวารที่สะอาด
ธรรมดาบริษัทของพระเจ้าจักรพรรดิเดินทางไปทางอากาศ เหมือนบริษัทของวิทยาธร ย่อมเป็นเช่นกับรัตนะที่เกลื่อนกล่นอยู่บนพื้นแก้วอินทนิล เพราะฉะนั้น ท่านจึงกล่าวไว้ว่า พระเจ้าจักรพรรดิพร้อมด้วยจาตุรงคินีเสนา ก็เสด็จตามไป
จักรรัตนะนั้นก็พัดผันไป โดยอากาศประเทศไม่สูงเกินไป อยู่ในระดับยอดไม้ สามารถให้คนหมายรู้ได้ว่า นั่นพระราชา นั่นอุปราช นั่นเสนาบดี อุปมาเหมือนคนที่ต้องการดอกไม้ ผลไม้หรือใบไม้ ยืนอยู่ที่พื้นดิน ก็สามารถจะเก็บเอาสิ่งของเหล่านั้นได้โดยสะดวก ผู้ใดประสงค์จะไปในอิริยาบถใดมียืนเป็นต้น ผู้นั้นก็ไปได้โดยอิริยาบถนั้น. ส่วนผู้ที่จะสนใจในศิลปะมีจิตรกรรมเป็นต้น ต่างก็ดำเนินธุรกิจของตนๆ ไปได้ในอากาศนั้น ที่พื้นดินเคยดำเนินธุรกิจอย่างใด ในอากาศก็สามารถดำเนินธุรกิจทุกอย่างได้ฉันนั้น จักรรัตนะนั้นพาบริษัทของพระเจ้าจักรพรรดิ เลาะลัดเขาสิเนรุราชไปทางด้านซ้ายผ่านพื้นมหาสมุทรไปจนถึงกรุงบุพวิเทหะ ประมาณได้ ๘,๐๐๐ โยชน์
พระราชาทรงปรารถนาจะเสวย หรือทรงปรารถนาจะทรงพักกลางวันในที่ใด จักรแก้วก็จะลงจากอากาศในที่นั้น ประดิษฐานอยู่ที่ภูมิภาคอันสม่ำเสมอซึ่งควรแก่การทำกิจทั้งปวงมีน้ำเป็นต้น เสมือนแล่นมาบนภาคพื้นดินด้วยเพลาฉะนั้น ประดิษฐานอยู่บนอากาศ(ลอยนิ่งกลางอากาศ)เหมือนถูกลิ่มสลักไว้เบื้องบนภูมิภาคที่เหมาะแก่การชุมนุมของบริษัทกว้าง ๑๒ โยชน์ วัดโดยรอบได้ ๓๖ โยชน์ หาอุปกรณ์ทำอาหารได้สะดวก สมบูรณ์ด้วยร่มเงาและน้ำมีพื้นที่สะอาดราบเรียบน่ารื่นรมย์ กาลนั้น มหาชนลงแล้วโดยสัญญาณนั้นทำกิจทุกอย่าง เช่นอาบน้ำ บริโภคอาหารเป็นต้น อยู่กันตามใจชอบ. เพราะเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่าจักรแก้วประดิษฐานอยู่ ณ ประเทศใด พระเจ้าจักรพรรดิก็เสด็จเข้าประทับ ณ ประเทศนั้น พร้อมด้วยจาตุรงคินีเสนา
เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิเสด็จเข้าไปประทับอยู่อย่างนี้ พระราชาในประเทศนั้นๆ พอได้สดับว่าจักรมาแล้ว ก็สั่งประชุมพลนิกายไม่เตรียมรบ ก็ในระหว่างที่จักรรัตนะเกิดขึ้นแล้วนั้นแล ไม่มีผู้ใดจะกล้าหยิบอาวุธขึ้นต่อสู้พระราชาโดยหมายเป็นข้าศึก
นี่เป็นอานุภาพของจักรรัตนะ
ก็ด้วยอานุภาพของจักร อริราชศัตรูของพระราชาพระองค์นั้น ย่อมถึงความสงบไปโดยไม่เหลือด้วยเหตุนั้นเอง จักรของพระราชาธิบดีพระองค์นั้นจึงเรียกว่า อรินทมะ
พระราชาเหล่านั้นทุกๆ พระองค์ต่างก็ถือเอาสมบัติที่สมควรแก่สิริราชสมบัติของตนๆ น้อมเศียรสยบองค์พระเจ้าจักรพรรดิ กระทำการบูชาพระบาทของพระองค์ ด้วยวิธีปราบดาภิเษกด้วยแสงสว่างแห่งแก้วมณีที่พระโมฬีของตน ถึงการยอมจำนนด้วยกล่าวคำเป็นต้นว่า เชิญเสด็จเถิด มหาราช
ประดาพระราชาที่เป็นปฏิปักษ์ในทิศตะวันออก เข้ามาเฝ้าพระเจ้าจักรพรรดิ แล้วทูลอย่างนี้ว่า เชิญเสด็จเถิดมหาราช พระองค์มาดีแล้ว มหาราช แผ่นดินนี้เป็นของพระองค์ ขอพระองค์จงทรงปกครองเถิด
เมื่อพระราชาพวกหนึ่งเสด็จมา ชาวประชาโศกเศร้า เมื่อเสด็จไปชาวประชาชื่นชม เมื่อพระราชาบางพระองค์เสด็จมา ชาวประชาชื่นชม เมื่อเสด็จไป ชาวประชาโศกเศร้า พระองค์เป็นเสมือนพระราชาประเภทหลัง คือเมื่อเวลาเสด็จมา ชาวประชาชื่นชม เวลาเสด็จไป ประชาชนโศกเศร้า เพราะฉะนั้น การเสด็จมาของพระองค์จึงชื่อว่า เสด็จมาดี
เมื่อพวกเจ้าประเทศราชกราบทูลเช่นนี้แล้ว แม้พระเจ้าจักรพรรดิก็มิได้ตรัสว่า พวกท่านต้องส่งบรรณาการแก่เราตลอดเวลาเท่านี้ปี ทั้งไม่ทรงริบสมบัติของคนหนึ่งๆ ไปให้อีกคนหนึ่ง แต่ทรงเข้าไปกำหนดอกุศลกรรมบถมีปาณาติบาตเป็นต้นด้วยปัญญาอันสมควรแก่ภาวะที่พระองค์เป็นธรรมราชา ทรงแสดงธรรมด้วยพระสุระเสียงอันน่ารักน่าชอบใจ โดยนัยเป็นต้นว่า ขึ้นชื่อว่าปาณาติบาตนี้ ใครส้องเสพ เจริญทำให้มาก ย่อมเป็นไปเพื่อนรก แล้วประกาศพระโอวาทมีอาทิว่า ไม่ควรฆ่าสัตว์ ดังนี้ และจึงตรัสสั่งอย่างนี้ว่า ท่านทุกคนไม่ควรฆ่าสัตว์ ฯลฯ ท่านทั้งหลายจงครอบครองบ้านเมืองตามที่เห็นควรเถิด
ถามว่า ก็พระราชาทุกพระองค์ยอมรับโอวาทนี้ของพระราชาธิบดีหรือ?
ตอบว่า พระราชาทุกพระองค์ไม่รับโอวาทนี้ของพระพุทธองค์มาก่อน จักรับโอวาทของพระราชาอย่างไรได้ เพราะฉะนั้น พระราชาเหล่าใดเป็นผู้ฉลาดปราดเปรื่อง พระราชาเหล่านั้นยอมรับ และเมื่อพระราชาทุกพระองค์ประพฤติตามย่อมเจริญ
ครั้นพระเจ้าจักรพรรดิพระราชทานพระโอวาทแก่ชาวเมืองบุพวิเทหะอย่างนี้ เสวยพระกระยาหารเช้าแล้ว จักรรัตนะนั้นก็จักรแก้วก็เปล่งเสียงไพเราะโดยนัยก่อนนั้นและทะยานขึ้นสู่เวหาสด้วยพลังของพระเจ้าจักรพรรดิ บริษัทมีประมาณ ๑๒ โยชน์ได้ฟังเสียงแล้วก็พากันไปทางอากาศ จักรแก้วย่อมร่อนลงสู่มหาสมุทรทางทิศตะวันออก จักรแก้วนั้นร่อนลงสู่มหาสมุทร น้ำประมาณ ๑ โยชน์หลีกออกไปดำรงอยู่ดุจมีฝากั้นไว้(แหวกทะเลออกจนถึงก้นมหาสมุทร)
รัตนะต่างๆ ที่เกลื่อนกล่นอยู่ในพื้นมหาสมุทรก็มาจากมหาสมุทรนั้น ทับถมจนเต็มประเทศนั้น ดุจจะเชิญชวนให้ชื่นชมมิ่งขวัญคือบุญของพระราชาธิบดีพระองค์นั้น พระราชาและราชบุรุษเห็นพื้นมหาสมุทรเต็มไปด้วยรัตนะมีประการต่างๆ นั้น จึงต่างถือเอาเข้าพกเข้าห่อตามชอบใจ ก็เมื่อบริษัทถือเอารัตนะตามชอบใจ พระราชาทรงจับสุวรรณภิงคารทรงอธิษฐานว่า ขอรัชชสีมาของเราจงเป็นไปจำเดิมแต่นี้ดังนี้ แล้วก็ใช้น้ำประพรม แล้วเสด็จกลับ หมู่เสนาอยู่ข้างหน้า จักรแก้วอยู่ข้างหลัง(ในสุด) พระราชาเสด็จอยู่ตรงกลาง สถานที่(ในมหาสมุทร)ที่จักรแก้วร่อนลงแล้ว ทำน้ำทะเลนั้นเป็นเสมือนถูกรัศมีแห่งจักรรัตนะล่อไว้ (กันไว้) และเป็นเสมือนไม่อาจจะทนอยู่ได้ จึงแยกออกจากจักรรัตนะนั้น และซัดเข้ามาฟาดขอบวงจักรรัตนะอยู่ไม่ขาดสาย ย่อมทำน้ำให้เต็ม(อีก)เมื่อจักรแก้วจากไป
จักรแก้วย่อมไปที่มหาสมุทร แม้ทางด้านทิศทักษิณ ทิศประจิมและทิศอุดรโดยอุบายนี้ จักรแก้วไปจรดทิศทั้ง ๔ แล้วขึ้นไปสู่อากาศประมาณ ๓๐๐ โยชน์ พระราชาประทับอยู่บนจักรแก้วนั้นทรงได้ชัยชนะอันพระองค์ทรงชนะแล้วด้วยอานุภาพของจักรแก้ว ครั้นทรงมีชัยชนะอย่างยิ่งใหญ่ต่อบุพวิเทหทวีปที่มีมหาสมุทรด้านทิศตะวันออกเป็นขอบเขต ทรงมีพระประสงค์จะได้ชัยชนะชมพูทวีปอันมีมหาสมุทรด้านทิศใต้เป็นขอบเขต จึงบ่ายพระพักตร์ไปสู่สมุทรด้านทิศทักษิณ โดยมรรคา(เส้นทาง)ที่จักรรัตนะสำแดงแล้ว
จักรวาลหนึ่งๆ ซึ่งประดับด้วยทวีปใหญ่ ๔ ทวีป ทรงตรวจดูจักรวาลหนึ่งๆ ซึ่งประดับด้วยทวีปใหญ่ ๔ ทวีปและทวีปน้อย ๒ พันทวีปอย่างนี้คือ
๑. ปุพพวิเทหทวีป ซึ่งมีปริมณฑลถึง ๗ พันโยชน์ ซึ่งประดับด้วยทวีปน้อย ๕๐๐
๒. อุตตรกุรุทวีป ซึ่งมีปริมณฑล ๘ พันโยชน์ ประดับด้วยทวีปน้อย ๕๐๐
๓. อมรโคยานทวีป ซึ่งมีปริมณฑล ๗ พันโยชน์ ประดับด้วยทวีปน้อย ๕๐๐
๔. ชมพูทวีป ซึ่งมีปริมณฑล ๑ หมื่นโยชน์ ประดับด้วยทวีปน้อย ๕๐๐
จักรรัตนะนั้นครั้นมีชัยชนะแล้ว ก็พัดผันข้ามสมุทรด้านทักษิณ มุ่งชมพูทวีป แล้วหมุนไปโดยนัยดังกล่าวแล้วในก่อนนั่นแหละ เพื่อพิชิตอมรโคยานทวีป ครั้นมีชัยชนะอมรโคยานทวีป ซึ่งมีสมุทรเป็นขอบเขตนั้น โดยทำนองนั้นแหละ ก็พัดผันข้ามสมุทรด้านทิศปัจฉิมไปโดยวิธีนั้นแหละ เพื่อพิชิตอุตตรกุรุทวีป ซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ ๘,๐๐๐ โยชน์ ครั้นมีชัยชนะอุตตรกุรุทวีปแม้นั้น ซึ่งมีสมุทรเป็นขอบเขตด้วยวิธีอย่างเดียวกัน ก็พัดผันข้ามมาจากสมุทรด้านทิศอุดร พระเจ้าจักรพรรดิทรงบรรลุความเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแผ่นดินมีสมุทร ๔ เป็นขอบเขต
พระเจ้าจักรพรรดินั้นมีชัยชนะเด็ดขาดเช่นนี้แล้ว เพื่อจะทรงทอดพระเนตรสิริราชสมบัติของพระองค์ จึงทรงพร้อมด้วยบริษัทเหาะขึ้นสู่พื้นนภากาศชั้นบน ตรวจดูทวีปใหญ่ทั้ง ๔ มีทวีปน้อยๆ ทวีปละ ๕๐๐ เป็นบริวาร ดุจชาตสระทั้ง ๔ ที่งามไปด้วยหมู่ไม้ต่างๆ เช่นปทุม อุบลและบุณฑริกที่แย้มดอกบานสล้างฉะนั้น แล้วเสด็จกลับราชธานีเดิมของพระองค์ตามลำดับ โดยมรรคาที่แสดงไว้แล้วในจักกุทเทสนั่นแล
จักรรัตนะนั้นประดิษฐานอยู่ เหมือนเป็นเครื่องเสริมความงามให้ประตูพระราชวัง ก็เมื่อจักรรัตนะนั้นประดิษฐานอยู่เช่นนี้ กิจที่จะพึงกระทำเกี่ยวกับคบเพลิงก็ดี การตามประทีปก็ดี ไม่จำต้องมีในพระราชวัง แสงสว่างแห่งจักรรัตนะนั้นแหละ กำจัดความมืดในยามราตรีได้ ส่วนคนเหล่าใดต้องการความมืด คนเหล่านั้นก็ได้ความมืด
ที่เรียกว่า รัตนะ เพราะ
ทำความเคารพ เพราะ คนทั้งปวงกระทำการบูชาและอภิวาทเป็นต้น ซึ่งรัตนะนั้นอย่างเดียวเท่านั้น ด้วยของหอมและดอกไม้เป็นต้น ใครๆจะถือดอกไม้และของหอมเป็นต้น ไปยังยักขสถานและภูตสถานหามีไม่ ทุกคนจะทำความยำเกรงซึ่งจักรรัตนะและมณีรัตนะเท่านั้น เมื่อปรารถนาพรใดสิ่งที่เขาปรารถนาแล้วและปรารถนาแล้วบางอย่างย่อมสำเร็จได้(ด้วยรัตนะนั้น) แต่รัตนะนั้นที่จะเสมอด้วยพุทธรัตนะย่อมไม่มี ถ้าหากว่าที่ชื่อว่ารัตนะ เพราะอรรถว่าบุคคลทำความยำเกรงแล้วไซร้ พระตถาคตแลก็จัดเป็นรัตนะ จักรรัตนะจึง(เป็นสิ่งควร)ทำความเคารพ
มีค่ามาก เพราะ จักรรัตนะมีค่าหามิได้ จักรรัตนะจึงมีค่ามาก
ชั่งไม่ได้ เพราะ จักรรัตนะ(มีคุณสมบัติ)ไม่เหมือนกับรัตนะที่มีอยู่ในโลกอย่างอื่น จักรรัตนะจึงชั่งไม่ได้
เห็นได้ยาก เพราะ ในกัปที่พระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่อุบัติ พระเจ้าจักรพรรดิและพระปัจเจกพุทธเจ้าย่อมเกิดในกาลบางครั้งบางคราวเท่านั้น จักรรัตนะจึงเห็นได้ยาก
เป็นของใช้ของสัตว์ผู้ไม่ทราม เพราะ เกิดขึ้นแก่สัตว์อันโอฬาร ไม่ต่ำ โดยชาติ รูป ตระกูลและความเป็นใหญ่เป็นต้น หาเกิดขึ้นแก่สัตว์อื่นไม่ มิได้บังเกิดขึ้นเพื่อใช้สอย(ของผู้อื่น) แม้ของชนทั้งหลายผู้มีทรัพย์ถึงแสนโกฏิก็ดี ของชนทั้งหลายผู้อยู่บนชั้นปราสาทอันประเสริฐ ๗ ชั้นก็ดี ของบุรุษผู้ต่ำทรามผู้เกิดในสกุลต่ำมีคนจัณฑาล ช่างสาน นายพราน ช่างไม้ ช่างรถ คนเทขยะก็ดี โดยที่สุดแม้ความฝัน แต่จักรรัตนะนั้นเป็นของควรใช้สอยของสัตว์ผู้ไม่ต่ำทรามเท่านั้น เพราะบังเกิดขึ้นเพื่อการใช้สอยของพระเจ้าจักรพรรดิผู้อุภโตสุชาติ ซึ่งบำเพ็ญจักรวรรดิวัตร ๑๐ ประการบริบูรณ์เท่านั้น จักรรัตนะจึงเป็นของใช้ของสัตว์ผู้ไม่ทราม
ทำความยินดีให้เกิดโดยไม่แปลกกัน เพราะ พระเจ้าจักรพรรดิพอทอดพระเนตรเห็นจักรรัตนะนั้นเท่านั้น ก็ทรงมีพระทัยยินดี จักรรัตนะนั้นชื่อว่าทำความยินดีให้เกิดแก่พระเจ้าจักรพรรดิ
รัตนะแม้ที่เหลือก็เหมือนจักรรัตนะฉะนั้น ด้วยประการฉะนี้
ที่ชื่อว่ารัตนะ เพราะ
อรรถว่าสัตว์ที่ไม่ต่ำทรามบริโภค(ใช้สอย)แล้วไซร้ พระตถาคตเจ้าแลก็จัดเป็นรัตนะ ด้วยว่าพระตถาคตเจ้าชื่อว่าไม่ควรแก่การบริโภค(ไม่ควรแก่การนับถือ)ของสัตว์ทั้งหลายผู้ต่ำทราม ซึ่งไม่มีอุปนิสัยของครูทั้ง ๖ มีปูรณกัสสปเป็นต้นซึ่งมีความเห็นวิปริต และของคนเหล่าอื่นเห็นปานนี้ โดยที่สุดแม้ด้วยความฝัน(คือไม่เคยแม้แต่ฝันถึง) แต่ว่าพระตถาคตเจ้าเป็นผู้ควรแก่การบริโภคของชนทั้งหลายผู้มีอุปนิสสัยถึงพร้อม ผู้สามารถเพื่อจะบรรลุเป็นพระอรหันต์ ในที่สุดแห่งคาถาอันประกอบด้วยบท ๔ ผู้มีนิพเพธิกญาณทัสสนะ มีพระพาหิยทารุจีริกะเป็นต้น และแห่งพระมหาสาวกผู้เกิดในสกุลใหญ่เหล่าอื่น ด้วยว่าอริยสาวกเหล่านั้นยังการบริโภคนั้นให้สำเร็จอยู่ด้วยอนุตตริยะทั้งหลายมีทัสสนานุตตริยะ สวนานุตตริยะ ปาริจริยานุตตริยะเป็นต้น ชื่อว่าได้บริโภคซึ่งพระตถาคตเจ้า รัตนะที่จะเสมอด้วยพระตถาคตเจ้า แม้เพราะอรรถว่าสัตว์ที่ไม่ต่ำทรามบริโภค ดังนี้ย่อมไม่มี
องค์ประกอบของจักรรัตนะ
มีกำตั้งพัน จึงชื่อว่า สหัสสาระ
ประกอบไปด้วยกงและดุม จึงชื่อว่า สนาภิกํ สเนมิกํ
บริบูรณ์ไปด้วยอาการทุกอย่าง จึงชื่อว่า สพฺพาการปริปูรํ
มีดุมสำเร็จด้วยแก้วอินทนิล ตรงกลางดุมนั้นมีช่องสำเร็จด้วยเงินงามผุดผาดเหมือนการยิ้มสรวลของมีระเบียบฟันสะอาดแนบสนิทดี และล้อมไปด้วยแผ่นเงินทั้งสองด้าน คือทั้งด้านนอกและด้านในดุจมณฑลแห่งดวงจันทร์ที่มีช่องตรงกลาง ในที่ซึ่งแผ่นเงินแวดวงไปด้วยดุมและช่องเหล่านั้น ปรากฏว่ามีรอยเขียนที่กำหนดไว้ในฐานที่เหมาะสม ได้ถูกจัดไว้แล้วเป็นอย่างดี นี้เป็นความบริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่างของดุมแห่งจักรรัตนะ
มีซี่ตั้งพัน ซี่เหล่านั้น(ประกอบ)สำเร็จด้วยรัตนะ ๗ ประการ สมบูรณ์ด้วยรัศมีดุจรัศมีแห่งดวงอาทิตย์ ซี่เหล่านั้นก็ปรากฏว่าได้จำแนกไว้แล้วเป็นอย่างดีเหมือนกัน เช่นลายเขียนที่เขียนเป็นหม้อน้ำแก้วมณีเป็นต้น
มีกงซึ่งสำเร็จด้วยแก้วประพาฬ มีสีแดงบริสุทธิ์น่ารัก เหมือนจะเย้ยกลุ่มรัศมีแห่งดวงอาทิตย์ที่กำลังทอแสง ที่ต่อของกงนั้นเป็นแผ่นทองชมพูนุทสีแดงมีชื่อเสียงน่าชื่นชมและมีลายเขียนเป็นวงกลมปรากฏว่า ท่านจัดแจงไว้แล้วเป็นอย่างดี มีซี่กำเกลี้ยงๆ อันหนึ่งวางอยู่บนกำทุกๆ สิบซี่ซึ่งเขาทำไว้เพื่อให้ต้องลมแล้วเปล่งเสียง มีเสียงประดุจดนตรีประกอบด้วยองค์ ๕ ซึ่งบรรเลงได้ไพเราะ ณ ที่ข้างทั้งสองของดุม มีหน้าสิงโตอยู่ ๒ หน้าซึ่งภายในมีรูดุจรูของล้อเกวียน
ด้านหลังมณฑลของดุมแห่งทิพยจักรรัตนะ มีไม้สำเร็จด้วยแก้วประพาฬ เหมือนหลอดไม้อ้อที่มีช่องข้างใน ประดับเป็นวงกลมๆ อยู่ที่กำข้างละสิบๆ ไม้สำเร็จด้วยแก้วประพาฬใด เวลาลมพัดโชยจะเปล่งเสียงไพเราะ ก่อให้เกิดความรัญจวนใจ เพลิดเพลิน เหมือนเสียงของดนตรีมีองค์ ๕ ที่บรรเลงโดยศิลปินผู้เชี่ยวชาญ ไม้สำเร็จด้วยแก้วประพาฬนั้น มีเศวตฉัตรอยู่ข้างบน มีพวงดอกโกสุมรวมกลุ่มเป็นระเบียบทั้งสองด้าน มีสีหบัญชรสองด้าน ภายในกำแห่งดุมทั้งสองของทิพยจักรรัตนะอันแวดวงไปด้วยกงที่เข้าไปเสริมความสง่างามด้วยไม้สำเร็จด้วยแก้วประพาฬหนึ่งร้อย สำหรับทรงไว้ซึ่งเศวตฉัตรหนึ่งร้อย มีพวงโกสุมปกคลุมเป็นระเบียบถึงสองร้อยเป็นบริวาร ซึ่งมีกลุ่มแห่งแก้วมุกดาทั้งสองห้อยย้อยอยู่ ดูประหนึ่งจะงามเกินความงามตามธรรมชาติของอากาศคงคา(ฝนตก/น้ำตก) มีสิริด้วยกลุ่มแสงจันทร์วันเพ็ญที่สาดแสงไปประมาณชั่วลำตาล สุดลงด้วยกลุ่มผ้ากัมพลสีแดงเหมือนแสงพระอาทิตย์อ่อนๆ จักรทั้ง ๓ (ชั้น?)ปรากฏว่าเหมือนหมุนไปพร้อมๆ กัน โดยการหมุนผลัดผันไปในอากาศพร้อมด้วยจักรรัตนะ
นี้เป็นความบริบูรณ์ด้วยอาการทุกอย่างของดุมแห่งทิพยจักรรัตนะอันปรากฏขึ้นด้วยอุตุซึ่งมีกรรมเป็นปัจจัย
ระบบการทำงานของจักรรัตนะ
วิธีการสั่งการเพื่อไปยังไปสู่จุดหมายในการเดินทาง
พระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมยังจักรอันเกิดแล้วให้หมุนไปตามความนิยม(คำสั่ง)ของพระเจ้าจักรพรรดิ ผู้ใดจักยังจักรให้หมุนไปตามความนิยมได้ ผู้นั้นตั้งแต่ปฏิสนธิย่อมถึงความเป็นผู้ควรกล่าวว่าเป็น พระเจ้าจักรพรรดิ
เมื่อพระเจ้าจักรพรรดิปรากฏ รัตนะทั้ง ๗ จึงปรากฏ เพราะพระเจ้าจักรพรรดินั้นย่อมประกอบอยู่ในบุญสมภารแก่เต็มที่พร้อมให้รัตนะเหล่านั้นปรากฏ
ระบบการขับเคลื่อนของจักรรัตนะ
จักรรัตนะ หมุนไปโดยอำนาจวาโยธาตุ(สนามแม่เหล็กไฟฟ้าซึ่งตัดแรงโน้มถ่วงได้)ที่ตั้งขึ้นภายใน เพราะจักรรัตนะหมุนไปโดยอำนาจจิตของพระเจ้าจักรพรรดิ
จักรรัตนะอันตรธานย่อมมี ๒ ประการ คือ พระเจ้าจักรพรรดิสวรรคตหรือทรงผนวช แต่ว่าการอันตรธานนั้นจะอันตรธานในวันที่ ๗ แต่การสวรรคตหรือแต่การทรงผนวช เบื้องหน้าแต่นั้นไป ไม่ห้ามการปรากฏขึ้นแห่งพระเจ้าจักรพรรดิ(คือ ถ้หากทายาทพระมหาจักรพรรดิ์มีความสามารถสืบทอดตำแหน่งพระเจ้าจักรพรรดิได้ จักรรัตนะก็จะยังอยู่ต่อไป ไม่กลับไปอยู่ในที่อาศัยเดิมของตน)
สลิปเงินเดือนของนักบินโผล่บนโซเชียล ทำชาวเน็ตตาโต
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
“มาม่า” จาก “เอกลักษณ์ท้องถิ่น” สู่ “ความฟินระดับโลก”
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
สวยสะกดโลก! สรุปผล 100 ผู้หญิงใบหน้าสวยที่สุดปี 2025
เปิดประวัติ ผู้สมัคร สส.พรรคส้ม โดนจับคดีฟอกเงินและยาเสพติด
การเติบโตจากเหตุการณ์สะเทือนใจ การงอกเงยของจิตใจจากเรื่องที่ไม่ปรารถนา แต่ทำให้เราเติบโตได้มากกว่าเดิม
กระดูกครีบวาฬ เหมือนแขนมนุษย์มาก หลักฐานวิวัฒนาการที่เห็นได้ชัดๆ
อุบัติเหตุเฮลิคอปเตอร์ชนกันกลางอากาศ มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย
กินขนมปัง เลือกขนมปัง ให้ดีต่อสุขภาพ
เขมรเร่งซ่อม สะพาน หลังถูก F-16 ทิ้งระเบิดลง ในช่วงปะทะ
7 อาหารทำร้ายผิว ควรเลี่ยง ถ้าไม่อยากผิวเสีย
สลิปเงินเดือนของนักบินโผล่บนโซเชียล ทำชาวเน็ตตาโต
กระดูกครีบวาฬ เหมือนแขนมนุษย์มาก หลักฐานวิวัฒนาการที่เห็นได้ชัดๆ
เขมรขอถก JBC ด่วน ยันไม่รับเส้นเขตแดน จากการใช้กำลังของไทย
น้ำแข็ง ทิพวรรณ ลูกทุ่งสาวอินดี้ เกิดอุบัติเหตุ ควันเต็มรถจนแพนิกหายใจไม่ออก