History of the Wall and the Night’s Watch

History of the Wall and the Night’s Watch

สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเจ็ดอาณาจักร คือ หน่วย Night’s Watch กลุ่มพี่น้องร่วมสาบานที่คอยปกป้องกำแพงเป็นเวลากว่าหลายพันปี ซึ่งพวกเขาถือกำเนิดขึ้นหลังจากควันหลงของเหตุการณ์ช่วงราตรีอันยาวนาน (Long Night) หรือช่วงเวลาแห่งฤดูหนาวอันยาวนานที่นำพาพวก The Others (หรือพวก White Walkers) ลงมายังอาณาจักรและเกือบจะทำให้อาณาจักรสิ้นสลายลง ประวัติศาสตร์ของหน่วย Night’s Watch มีความเป็นมาอันยาวนาน นิทานของหน่วย Night’s Watch ยังคอยเล่าขานเรื่องราวของอัศวินดำแห่งกำแพง แต่เมื่อยุคสมัยของเหล่าวีรชน (Age of Heroes) จบลง พวกอมุนษย์หรือ Others (ww + wight) ก็ไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีกเป็นเวลากว่าหลายพันปี ถ้าพวกมันยังมีตัวตนอยู่

และจากนั้นเป็นต้นมา จำนวนสมาชิกหน่วย Night’s Watch ก็ค่อยๆลดลง บันทึกของพวกเขาพิสูจน์ให้เห็นถึงความเสื่อมถอยของหน่วย Night’s Watch แม้แต่ก่อนยุคแห่งการพิชิตของ Aegon ก็ตาม แม้ว่าเหล่าพี่น้องอีกาดำ (Black Brothers) แห่งหน่วย Night’s Watch จะยังคอยปกป้องกำแพงด้วยความสูงส่ง แต่ภัยคุกคามที่พวกเขาเผชิญไม่ได้มาจากพวก Others เผ่าคนยักษ์ ผู้เห็นนิมิต (Greenseer) และพวกสิงสัตว์ (Skinchanger) อีกต่อไป แต่เป็นพวกคนเถื่อนที่ถืออาวุธขวานหินและไม้กระบองต่างหาก แน่นอนว่าพวกมันเป็นพวกที่ดุร้าย แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนักรบที่ถูกฝึกฝนขัดเกลามา

มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นไปตลอด ไม่ว่าตำนานจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ มันเป็นความจริงที่พวก First Men และเด็กแห่งพงไพร (และแม้แต่พวกคนยักษ์ ถ้าเราเชื่อถือคำพูดของนักขับลำนำเพลง) กลัวบางสิ่งจนต้องทำให้พวกเขาสร้างกำแพงขึ้นมา และสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่อันนี้ก็ได้ถูกบันทึกเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลก การก่อสร้างในช่วงแรกสุดใช้หินเป็นวัสดุสำหรับก่อสร้าง ซึ่งก็มีเมสเตอร์เห็นต่างในประเด็นนี้เหมือนกัน แต่สิ่งที่ทุกคนทั้งหมดตอนนี้สามารถมองเห็นกำแพงได้ไกลเป็นร้อยไมล์ก็คือ น้ำแข็ง บริเวณข้างๆทะเลสาบเป็นที่จัดหาสำหรับวัสดุในการก่อสร้าง ซึ่งพวก First Men จะตัดน้ำแข็งเป็นก้อนสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่และขนถ่ายเพื่อนำไปสร้างชิ้นต่อชิ้น และหลายพันปีต่อมา กำแพงยังคงยืนหยัดสูงตระหง่าน และจุดที่สูงที่สุดของกำแพงก็สูงถึง 700 ฟุต (แม้ว่าความสูงของกำแพงจะมีระดับที่แตกต่างกันตามแนวระนาบของกำแพง)

ด้านใต้ของกำแพงแห่งน้ำแข็ง หน่วย Night’s Watch ก็ก่อสร้างปราสาทกว่า 19 แห่ง แม้ว่าจะไม่เหมือนปราสาทหลังอื่นในเจ็ดอาณาจักรก็ตาม เพราะปราสาทของพวกเขาไม่มีกำแพงม่านหรือปราการที่ใช้สำหรับป้องกัน (ตัวกำแพงเองก็มีขนาดใหญ่มากพอที่จะป้องกันภัยคุกคามจากทางเหนือ และหน่วย Night’s Watch ก็ยืนกรานว่าไม่มีศัตรูอยู่ทางใต้เลย)

ปราสาทที่ใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุด คือ ปราสาท Nightfort ซึ่งถูกทิ้งร้างเป็นเวลากว่า 200 ปี เพราะสมาชิกหน่วย Night’s Watch ก็ค่อยๆลดจำนวนลง และปราสาทก็มีขนาดใหญ่เกินไปและมีราคาสูงเกินไปที่จะบำรุงรักษา เมสเตอร์ที่เคยรับใช้ปราสาท Nightfort ก็ยอมรับว่าเป็นเรื่องจริงในตลอดศตวรรษหลายครั้งปราสาทถูกขยายใหญ่และแทบไม่เหลือโครงสร้างเดิม

แต่ในช่วงตลอดหลายพันปี ปราสาท Nightfort ก็เคยเป็นที่มั่นระดับผู้บัญชาการของหน่วย Night’s Watch และที่นี่ก็มีเรื่องเล่าตำนานมากมาย ตำนานบางเรื่องก็อยู่ในบันทึก Watchers on the Wall ที่มีอาร์ชเมสเตอร์ Harmund เป็นผู้เล่า ตำนานที่เก่าแก่ที่สุดเกี่ยวข้องกับผู้บัญชาการคนที่ 13 ในตำนาน เขาก็คือ ราชาแห่งยามวิกาล (Night’s King) ซึ่งเขาถูกกล่าวหาว่าได้หลับนอนกับแม่มดสาวที่มีผิวซีดดุจซากศพ และเขาก็ประกาศตั้งตนเองเป็นกษัตริย์ เป็นเวลากว่า 13 ปีที่ราชาแห่งยามวิกาลและ “ราชินีซากศพ” ของเขาต่างปกครองร่วมกัน ก่อนที่กษัตริย์แห่งเหมันต์ Brandon (เป็นที่กล่าวกันว่าเขาเป็นพันธมิตรกับ Joramun กษัตริย์แห่งนอกกำแพง) จะโค่นพวกเขาลง หลังจากนั้นเป็นต้นมาเขาได้ลบล้างชื่อที่แท้จริงของราชาแห่งยามวิกาลออกจากหน้าของประวัติศาสตร์

ในซิทาเดล อาร์ชเมสเตอร์ส่วนใหญ่ต่างไม่สนใจตำนานที่กล่าวมา แม้บางคนจะบอกว่ามีก็ตาม ซึ่งเป็นเรื่องเล่าที่พูดถึงผู้บัญชาการแห่งหน่วย Night’s Watch ที่พยายามจะสร้างอาณาจักรขึ้นเพื่อตัวเองในสมัยแรกๆ บางคนบอกว่าบางทีราชินีซากศพก็คือสตรีจากแถบ Barrowlands ในแดนเหนือ หรือลูกสาวของกษัตริย์ Barrow King เป็นที่กล่าวกันว่าราชาแห่งยามวิกาลนั้นมาจากทั้งตระกูล Bolton ตระกูล Woodfoot ตระกูล Umber ตระกูล Flint ตระกูล Norrey หรือแม้แต่ตระกูล Stark ขึ้นอยู่กับว่าตำนานนั้นเล่ามาจากแห่งไหน

หน่วย Night’s Watch อาจเรียกได้ว่าเป็นคณะทหารกลุ่มแรกในเจ็ดอาณาจักร (สำหรับหน้าที่ประการแรกของพวกเขาของสมาชิกทุกคนที่ต้องพิทักษ์กำแพง และทุกคนก็ได้รับการฝึกฝนด้วยอาวุธ) ซึ่งหน่วยนี้ได้แบ่งเหล่าพี่น้องร่วมสาบานออกเป็น 3 หน่วย คือ

1. หน่วยบริกร (Stewards) – ทำหน้าที่คอยจัดหาเสบียง เครื่องนุ่งห่มแก่หน่วย Night's Watch รวมถึงสิ่งจำเป็นอื่นๆมั้งหมดที่จำเป็นต้องใช้ในสงคราม
2. หน่วยก่อสร้าง (Builders) - ทำหน้าที่คอยดูแลปราสาทและกำแพง
3. หน่วยลาดตระเวน (Rangers) – ทำหน้าที่เสี่ยงออกลาดตระเวนเข้าไปในป่านอกกำแพงเพื่อหาพวกคนเถื่อนและทำการขับไล่ไม่ให้มาก่อกวน

ผู้ที่จะทำหน้าที่นำหน่วย Night’s Watch คือ เจ้าหน้าที่ระดับสูง ซึ่งหัวหน้าของพวกเขาคือผู้บัญชาการ ตำแหน่งผู้บัญชาการได้มาจากการเลือกตั้ง โดยสมาชิกของหน่วย Night’s Watch ทุกคนจะเป็นผู้ลงคะแนนเสียง ไม่เกี่ยงฐานันดร ตั้งแต่อดีตโจรปล้นที่ไร้การศึกษาไปจนถึงคนที่มีเชื้อสายจากตระกูลชั้นสูงก็ลงคะแนนได้เหมือนกัน ทันทีที่คนที่ถูกให้คะแนนมีเสียงส่วนใหญ่มากกว่าคนอื่น เขาจะได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการแห่งหน่วย Night’s Watch ไปจวบจนวันตาย และนั่นคือธรรมเนียมของหน่วย Night’s Watch ที่คอยรับใช้กำแพง แต่ก็เคยมีคนพยายามแหกกฎนี้ (เมื่อ 500 ปีมาแล้ว ผู้บัญชาการ Runcel Hightower พยายามที่จะออกจากหน่วย Night’s Watch เพื่อยกตำแหน่งและปราสาทให้ลูกชายนอกสมรสของเขา)

เป็นที่น่าเศร้า ความจริงที่สำคัญที่สุดเกี่ยวกับหน่วย Night’s Watch ในทุกวันนี้ คือ “ความเสื่อมถอย” การรับใช้หน่วย Night’s Watch อาจจะเคยเป็นหน้าที่ๆยิ่งใหญ่ แต่ถ้าพวก Others ยังอยู่ พวกมันก็ไม่ปรากฏให้เห็นเป็นเวลากว่าหลายพันปีและก็ไม่ได้เป็นภัยคุกคามของมนุษย์อีกด้วย คนเถื่อนที่อยู่นอกกำแพงต่างหากที่เป็นตัวอันตรายของจริงที่หน่วย Night’s Watch ต้องเผชิญ แต่อันตรายจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อกษัตริย์แห่งนอกกำแพงนำพวกคนเถื่อนได้พกพาภัยคุกคามมาสู่ผู้คนในเจ็ดอาณาจักร

ค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลที่ใช้ในการดูแลกำแพงก็เพิ่มมากขึ้นจนคุมไม่อยู่ จึงมีเพียงปราสาท 3 หลังเท่านั้นที่ยังใช้งานอยู่ และเหล่าพี่น้องอีกาดำก็มีจำนวนเพิ่มเป็น 10 เท่าในปราสาทของแต่ละหลัง ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่การยกพลขึ้นบกของ Aegon และพี่สาวกับน้องสาวของเขา จึงทำให้กำแพงยังคงเป็นภาระ แต่บางคนเห็นแย้งว่ากำแพงก็ยังคงรับใช้ในหนทางที่มีประโยชน์อยู่ โดยพวกเขาคอยปกป้องอาณาจักรจากพวกฆาตกร พวกล่อลวงข่มขืน นักปล้น และอื่นๆ

พวกคนเถื่อนอาจจะถูกจัดว่าเป็นพวกก่อกวนมากกว่าตัวอันตราย เหล่าผู้ชาญฉลาดหลายคนได้แนะนำว่าพวกเขาอาจจะรับมือกับภัยคุกคามได้ดีกว่านี้ ด้วยการยินยอมให้ลอร์ดแห่งแดนเหนือขยายเขตการปกครองเลยออกไปนอกกำแพงเพื่อที่พวกเขาจะได้สามารถขับไล่พวกคนเถื่อนออกไปได้

มีข้อเท็จจริงอยู่อย่างหนึ่ง คือ พวกชาวเหนือเองได้ยกย่องเทิดทูนหน่วย Night’s Watch เป็นอย่างมาก ทำให้หน่วย Night’s Watch ยังคงปฏิบัติหน้าที่ของพวกเขาต่อไป และอาหารจำนวนมากที่ถูกเก็บไว้ในปราสาท Castle Black ปราสาท Shadow Tower และปราสาท Eastwatch-by-the-Sea ก็ทำให้เหล่าพี่น้องอีการอดจากความอดอยาก ซึ่งอาหารเหล่านี้ไม่ได้มาจากเขตแดน Gift แต่มาจากของขวัญประจำปีของลอร์ดแห่งแดนเหนือที่คอยส่งอาหารไปยังกำแพงเพื่อเป็นการสนับสนุน

END...