เรื่องเล่าจากพี่ชาย
ครั้งสมัยเรียนปี 1 ผมได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามอาจารย์ไปกับมูลนิธิ พอ.สว.ที่ชนบท (กันดานที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น) น้ำประปายังไม่มี ไฟฟ้ามีไม่เกิน 5 หลัง ถนนที่ดีที่สุดคือลูกรัง นอกนั้นดินทราย มีเหล่าอาจารย์หมอ พยาบาล เภสัช ฯลฯ ไปเป็นขบวน ผมกับเพื่อนไปเป็นเบ้ (คนใช้) ของคณะทัวร์นี้ พวกเราไปกัน 1 อาทิตย์ หลังจากที่จัดเตรียมของทุกอย่างในศาลาโรงเรียนเสร็จ ผมก็อยู่ในแผนกแรก คือ ชักประวัติ วัดความดัน วัดอุณหภูมิ เขียนรายงานส่งให้อาจารย์หมอประมาณนั้น เช้ามืดวันหนึ่งขณะที่อาจารย์ทุกท่านยังไม่มา ผมก็ต้องมาเตรียมข้าวของทั้งหมด (ท่ามกลางชาวบ้านที่ยืนดูเต็มไปหมดเหมือนพวกเราเป็นสัตว์ประหลาด)เสร็จสรรพ ผมเห็นลุงหน้าซีดคนหนึ่ง นั่งตัวผอมๆใต้โคนต้นไม้ใหญ่
“เป็นไรมาครับลุง” ผมถามอย่างสุภาพ ใช้เสียงนุ่มนวลที่สุด (สร้างภาพไว้ก่อน)
“ลุงก็เป็นชาวนา ชาวสวนนี่แหละคุณหมอ” (ลุงแกล้งตอบผมรึเปล่า) ผมกัดฟันขำในใจ เคยเห็นในคณะตลกที่เขาเอาไปเล่นกันไม่คิดว่าจะมาเจอเรื่องจริง ผมก็ก้มหน้า (กลัวหลุดขำ) แล้วเงยหน้าถามลุงใหม่
“หน้าลุงซีดๆ ลุงรู้สึกเป็นอย่างไรบ้างครับ” พยายามถามที่ไม่สามารถตอบอย่างอื่นได้อีกแล้ว
“ลุงขี้ไหล” ลุงตอบอย่างซื่อๆ
“อ้อ ท้องเสียเหรอครับ แล้วเป็นมากี่วันแล้วครับ”
“เริ่มเป็นเมื่อวานครับหมอ”
“อาการตอนนี้ดีขึ้นกว่าเมื่อวานไหมครับ”
“มันเหนื่อยและยังท้องเสียอยู่เลยครับ” เออลุงนี่ก็เรียนรู้เร็วนะเนี้ย
“แล้วไปกินอะไรที่เสี่ยงต่อท้องเสียล่ะครับ”
“ไม่มีนะครับ ก็กินปกติ”
“คิดดูดีๆนะครับลุง กินของค้างคืน หรือกินของดิบๆมารึป่าว” ผมพยายามให้ลุงคิด อย่างน้อยก็น่าจะเป็นปลาร้า ผมจะได้แนะนำการกินปลาร้าให้ที่ถูกหลักให้ (ไม่ได้ห้ามแต่ต้องกินให้เป็น)
“เออ มีสิเมื่อวานกินของแปลกๆเข้าไป” ลุงเบิกตากว้างเหมือนรู้ตัวแล้ว
“นั่นสิครับ ลุงไปกินอะไรละลุง” ผมก็พลอยลุ้นไปด้วย
“ลุงกินไอ้ติมแท่ง ของหลานไปอันนึงนะหมอ” ลุงตอบ ผมก็ยังอยากจะรู้ต่อ
“ ลุงกินรสออกเปรี้ยวๆเหรอครับ” ผมพยายามหาคำตอบ
“ป่าวนะหมอ ลุงกินมันออกหวานๆ มันๆ” (อืมก็น่าจะมาจากอันนี้ล่ะมั้ง) ผมกำลังก้มเขียนในรายงานให้อาจารย์หมอตรวจดูอีกที ทันใดนั้นลุงก็พูดขึ้นอีก “มันน่าจะใช่นะหมอ เมื่อวานลูกลุงเข้าไปในอำเภอแล้วซื้อไอ้ติมแช่กระติกน้ำแข็งมาให้ลูกมัน ลุงเห็นว่ามันกินกันไม่หมด อากาศร้อนกลัวมันจะเสีย ก็เลยเอาไปอุ่นในหม้อให้มันร้อน แล้วใช้ช้อนตักกิน สงสัยมันจะเสียก่อนที่ลุงจะเอาไปอุ่น” ผมได้ฟังดังนั้น (โอ้ยยย จะไม่ให้หัวเราะได้ไหมเนี้ย) ผมนั่งเขียนอยู่กับพยายามขำเล็กน้อยไม่ให้น่าเกลียด ไม่ไหวจริงๆก็เลยโยนปากกาลงพื้นแกล้งทำหล่น ก้มเก็บ แล้วมุดหัวเข้าไปหัวเราะใต้โต๊ะ
“555+” อ้าปากกว้าง มุดยังงั้น 2-3 นาทีได้โผล่หัวขึ้นมาอีกที
“แล้วก่อนที่ลุงจะเอาไปอุ่น มันเป็นยังไงครับ” อยากรู้ว่า ถ้ามันเหลวมันอาจเสียก่อน รึลุงทำให้มันเสียเอง
“มันก็เป็นแท่งแข็งๆนะหมอ” (กูว่าแล้วลุงนี่แหละทำให้มันเสีย) ด้วยความซื่อของลุงแท้ๆ ผมเลยแนะนำการกินไอติมที่ถูกวิธีให้ลุงไป ลุงหัวเราะยิ้มแบบอายๆ
“แล้วมะม่วงดิบล่ะ ลุงทำให้มันสุกด้วยรึป่าว” อันนี้ผมอยากรู้จริงๆ เพราะลุงแกซื่อๆ
“หมอก็ถามได้ มะม่วงที่ไหนเค้าเอาไปต้มกันล่ะ ดิบก็กินได้ ถ้ามันสุกสีเหลืองก็กินได้” (เออ ลุงยังโอเคอยู่) ผมเลยจัดยา(แทนเภสัช ที่ยังไม่มา)
“นี่ยาฆ่าเชื้อนะลุง มันจะช่วยฆ่าเชื้อที่อยู่ในลำไส้ให้หมดและไม่ต้องไปกินยาห้ามถ่ายนะครับ ปล่อยมันออกมาให้หมดเลย และนี่เกลือแร่ผสมน้ำต้มสุกกินแทนน้ำเปล่า” ผมแนะนำและรีบให้ลุงไปพักผ่อนที่บ้าน ลุงกลับถึงบ้านแล้วมั้งผมลืมถามว่าลุงรู้จักน้ำดิบน้ำสุกหรือเปล่า เฮ้อ ชาวบ้านผู้ใสซื่อ มีอีกหลายคนนะที่เป็นแบบลุง ดังนั้นคำพูดที่พูดกับหรือสื่อสารกับชาวบ้านต้องละเอียดและใช้ภาษาชาวบ้านในการสื่อสารจะดีที่สุด