คุณคิดว่า..มันจะงามเพียงไหน เมื่อภิกษุเปลือยผิวกายให้ถ่ายรูป ช่วยกันวิเคราะห์หน่อย
มีหลายๆ ครั้งที่เห็นภาพในทวิตเตอร์ของบรรดานักบวชในอริยาบททั้งหลาย แล้วไม่สวมอังสะให้ถ่ายภาพ ซึ่งส่วนมากแล้วภาพจะเป็นทำนองยั่วยุให้เกิดกามารมณ์แก่กลุ่มแฟนคลับ ก็จะเข้ามาคอมเม้นท์และเกี้ยวพาราสีกันต่อไป บางคนก็มากกว่าถอดอังสะ โชว์ของสงวนและลงคลิปก็มี หากไม่ถึงขั้นนั้นก็จะเป็นภาพในลักษณะเซลฟี่ด้วยตัวเองบ้าง หรือให้คนอื่นถ่ายบ้าง แต่ก็ไม่สวมอังสะอยู่ดี
ขอยกตัวอย่าง
รูปนี้เข้าใจว่า ไปสรงน้ำก็ทำให้ต้องเปลือยท่อนบน แต่รูปต่อๆ ไปนั้น อาจจะทำให้ชาวพุทธสงสัยว่า มันใช่เวลาที่ควรถอดผ้าแล้วถ่ายรูปหรือไม่
เวลาแว้น?
ในเสขิยวัตร 75 (มารยาทผู้ดี) เป็นส่วนหนึ่งของพระวินัยของพระภิกษุในศีล 227 ข้อ กล่าวคือเป็นวัตรที่ภิกษุจะต้องศึกษาธรรมเนียมเกี่ยวกับมารยาทที่ภิกษุพึงสำเหนียก หรือพึงฝึกฝนปฏิบัติ เป็นพุทธบัญญัติที่ได้เตือนสติให้ภิกษุสงฆ์พึงสำรวมกาย วาจา ใจ เมื่อเข้าไปอยู่ในที่ชุมชนหรือในละแวกบ้านของผู้อื่น เพื่อยังให้บุคคลในชุมชนนั้นๆ เกิดความเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา
เสขิยวัตร ประกอบด้วย 4 หมวด
หมวดแรกนั้นคือ “สารูป” มี 26 สิกขาบท - ว่าด้วยกิริยามารยาที่ควรประพฤติในเวลาเข้าไปในหมู่บ้าน เริ่มตั้งแต่การนุ่งห่ม การสำรวม ระวังอิริยาบถ การพูดคุย ให้อยู่ในอาการที่เหมาะสม
1. นุ่งให้เป็นปริมณฑล (ล่างปิดเข่า บนปิดสะดือไม่ห้อยหน้าห้อยหลัง)
2. ห่มให้เป็นนปริมณฑล (ให้ชายผ้าเสมอกัน)
3. ปกปิดกายด้วยดีไปในบ้าน
4. ปกปิดกายด้วยดีนั่งในบ้าน
5. สำรวมด้วยดีไปในบ้าน
6. สำรวมด้วยดีนั่งในบ้าน
7. มีสายตาทอดลงไปในบ้าน (ตาไม่มองโน่นมองนี่)
8. มีสายตาทอดลงนั่งในบ้าน
9. ไม่เวิกผ้าไปในบ้าน
10. ไม่เวิกผ้านั่งในบ้าน
11. ไม่หัวเราะดังไปในบ้าน
12. ไม่หัวเราะดังนั่งในบ้าน
13. ไม่พูดเสียงดังไปในบ้าน
14. ไม่พูดเสียงดังนั่งในบ้าน
15. ไม่โคลงกายไปในบ้าน
16. ไม่โคลงกายนั่งในบ้าน
17. ไม่ไกวแขนไปในบ้าน
18. ไม่ไกวแขนนั่งในบ้าน
19. ไม่สั่นศีรษะไปในบ้าน
20. ไม่สั่นศีรษะนั่งในบ้าน
21. ไม่เอามือค้ำกายไปในบ้าน
22. ไม่เอามือค้ำกายนั่งในบ้าน
23. ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะไปในบ้าน
24. ไม่เอาผ้าคลุมศีรษะนั่งในบ้าน
25. ไม่เดินกระโหย่งเท้า ไปในบ้าน
26. ไม่นั่งรัดเข่าในบ้าน
ทั้งนี้ยังมีข้อระบุไว้ให้ปฎิบัติตามอีก ดังนี้
ข้อ ๑ อย่าพึงส่องดูเงาหน้าในกระจงหรือในวัตถุอื่น อาพาธ เป็นแผลที่หน้า จะส่องดูแผลเพื่อตรวจหรือเพื่อทายา ปิดยา ได้อยู่. ครั้งยังไม่มีกระจกเงา เขาทำแผ่นทองเหลืองกลมขัดชัดเงาจนส่องเห็น เรียกว่าแว่น ใช้ส่องดูเงาหน้า ในแว่นนี้บ้าง ในน้ำบ้าง ในบาลีจึงกล่าวห้ามไม่ให้ส่องดูเงาหน้าในของเช่นนั้น.
การส่องเงาหน้านี้เนื่องในการแต่งตัวนั้นเอง ห้ามแต่งตัวแล้ว จึงห้ามส่องเงาหน้าด้วย
พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ภิกษุส่องได้เมื่ออาพาธ ชื่อว่าทรงอนุญาตให้ส่องเพื่อทำธุระได้
เพราะเหตุนั้น จะส่องกระจกโกนหนวดโกนผมที่ตนทำเองเพื่อสะดวก เห็นไม่มีโทษ แต่ไม่ส่องก็ทำได้เหมือนกัน.
ถ้าเปลือยเป็นวัตรเอาอย่างเดียรถีย์ ต้องถุลลัจจัย ถ้าเปลือยทำกิจแก่กัน คือ ไหว้ รับไหว้ ทำบริกรรม ให้ของ รับของ และเปลือยในเวลาฉัน ในเวลาดื่ม ต้องทุกกฏ. แต่ในเรือนไฟและในน้ำ ทรงอนุญาตให้เปลือยกายได้ จะทำบริกรรม คือ นวดฟั้นหรือประคบ ให้กันในเรือนไฟ และจะทำบริกรรม คือ ถูตัวให้กันในน้ำก็ได้ไม่ต้องอาบัติตามนัยข้างต้น ปิดกายด้วยผ้าแล้ว พ้นจากความเปลือย.
และมีข้อห้ามภิกษุผู้อาบน้ำ ไม่ให้สีกายในที่ไม่บังควร เช่น ต้นไม้ เสา ฝาเรือน และแผ่นกระดาน ไม่ให้สีกายด้วยของไม่บังควร เช่นไม้ทำเป็นรูปมือ หรือจักเป็นฟันมังกรและเกลียวเชือกที่คม เอาหลังต่อหลังสีกันก็ห้าม. เกลียวผ้าและฝ่ามือ เป็นของที่ใช้ได้.
เมื่ออ่านข้อมูลแล้ว ทำให้มีคำถามว่า การที่ท่านเปลือยอก-เปลือยผิวกายแล้วให้ถ่ายรูปนั้นเหมาะสมหรือไม่ ผิดศีลของภิกษุหรือไม่ และทำไมท่านไม่สวมอังสะปิดผิวกายก่อนจะถ่ายรูปต่างๆ รึว่าผ้า....เริ่มร้อน