หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มาดู พระศาสดาตรัส รายละเอียดของปฏิจสมุปบาทไว้อย่างไร?

โพสท์โดย Ahom

พระโสดาบัน คือ ผู้เห็นชัดรายละเอียด
แต่ละสายของปฏิจจสมุปบาทตลอดทั้งสาย
โดยนัยแห่งอริยสัจสี่
(เห็นตลอดสาย นัยที่หนึ่ง)

ภิกษุทั้งหลาย !
เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย   จึงมีสังขารทั้งหลาย;
เพราะมีสังขารเป็นปัจจัย   จึงมีวิญญาณ;
เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย   จึงมีนามรูป;
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย   จึงมีสฬายตนะ;
เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย   จึงมีผัสสะ;
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย   จึงมีเวทนา;
เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย   จึงมีตัณหา;
เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย   จึงมีอุปาทาน;
เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย   จึงมีภพ;
เพราะมีภพเป็นปัจจัย   จึงมีชาติ;

เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะ
โทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้น
พร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ ชรามรณะ เป็นอย่างไรเล่า ?
ความแก่ ความคร่ำ คร่า ความมีฟันหลุด ความมี
ผมหงอก ความมีหนังเหี่ยว ความสิ้นไปแห่งอายุ ความ
แก่รอบแห่งอินทรีย์ทั้งหลาย ในสัตวนิกายนั้นๆ ของสัตว์
ทั้งหลายเหล่านั้นๆ : นี้เรียกว่า ชรา. การจุติ ความเคลื่อน
การแตกสลาย การหายไป การวายชีพ การตาย การทำ กาละ
การแตกแห่งขันธ์ทั้งหลาย การทอดทิ้งร่าง การขาดแห่ง
อินทรีย์ คือ ชีวิตจากสัตวนิกายนั้นๆ ของสัตว์ทั้งหลาย
เหล่านั้นๆ : นี้เรียกว่า มรณะ. ชรานี้ด้วย มรณะนี้ด้วย
ย่อมมีอยู่ ดังนี้; ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ชรามรณะ.
ความก่อขึ้นพร้อมแห่งชรามรณะ ย่อมมี เพราะ
ความก่อขึ้นพร้อมแห่งชาติ; ความดับไม่เหลือแห่ง
ชรามรณะ ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งชาติ;
มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง

เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชรามรณะ,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ ชาติ เป็นอย่างไรเล่า ?


การเกิด การกำ เนิด การก้าวลง (สู่ครรภ์) การ
บังเกิด การบังเกิดโดยยิ่ง ความปรากฏของขันธ์ทั้ง
หลาย การที่สัตว์ได้ซึ่งอายตนะทั้งหลาย ในสัตวนิกาย
นั้นๆ ของสัตว์ทั้งหลายเหล่านั้นๆ : ภิกษุทั้งหลาย !
นี้เรียกว่า ชาติ. ความก่อขึ้นพร้อมแห่งชาติย่อมมี
เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งภพ; ความดับไม่เหลือ
แห่งชาติ ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งภพ;
มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง เป็น
ปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งชาติ, ได้แก่สิ่ง
เหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ การพูดจา
ชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความ
พากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ ภพ เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! ภพทั้งหลาย ๓ อย่างเหล่านี้ คือ
กามภพ รูปภพ อรูปภพ : ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ภพ.
ความก่อขึ้นพร้อมแห่งภพ ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อม
แห่งอุปาทาน; ความดับไม่เหลือแห่งภพ ย่อมมี เพราะ
ความดับไม่เหลือแห่งอุปาทาน; มรรคอันประกอบด้วย
องค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับ
ไม่เหลือแห่งภพ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ
ความดำ ริชอบ การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ
การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ
ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ อุปาทาน เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! อุปาทานทั้งหลาย ๔ อย่าง
เหล่านี้ คือ ความยึดมั่นในกาม ความยึดมั่นในความเห็น
ความยึดมั่นในข้อปฏิบัติทางกายและวาจา (ศีลพรต) ความ
ยึดมั่นในความเป็นตัวตน : ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า
อุปาทาน. ความก่อขึ้นพร้อมแห่งอุปาทาน ย่อมมี
เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งตัณหา; ความดับไม่เหลือ

แห่งอุปาทาน ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งตัณหา;
มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง เป็น
ปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งอุปาทาน, ได้แก่
สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ การพูดจาชอบ
การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ
ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ ตัณหา เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! หมู่แห่งตัณหาทั้งหลาย ๖ หมู่
เหล่านี้คือ ความอยากในรูป ความอยากในเสียง ...ในกลิ่น
...ในรส ...ในสัมผัสทางกาย ความอยากในธรรมารมณ์:
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ตัณหา. ความก่อขึ้นพร้อม
แห่งตัณหา ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งเวทนา;
ความดับไม่เหลือแห่งตัณหา ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือ
แห่งเวทนา; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ
นั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งตัณหา,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ เวทนา เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! หมู่แห่งเวทนาทั้งหลาย ๖ หมู่
เหล่านี้ คือ เวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางตา ...ทางห ู...ทางจมูก
...ทางลิ้น ...ทางกาย และเวทนาที่เกิดจากสัมผัสทางใจ :
ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า เวทนา. ความก่อขึ้นพร้อม
แห่งเวทนา ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งผัสสะ;
ความดับไม่เหลือแห่งเวทนา ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือ
แห่งผัสสะ; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ
นั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งเวทนา,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ ผัสสะ เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! หมู่แห่งผัสสะทั้งหลาย ๖ หมู่
เหล่านี้ คือ สัมผัสทางตา ...ทางหู ...ทางจมูก ...ทางลิ้น
...ทางกาย สัมผัสทางใจ : ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ผัสสะ.
ความก่อขึ้นพร้อมแห่งผัสสะ ย่อมมี เพราะความก่อขึ้น
พร้อมแห่งสฬายตนะ; ความดับไม่เหลือแห่งผัสสะ ย่อมมี

เพราะความดับไม่เหลือแห่งสฬายตนะ; มรรคอันประกอบด้วย
องค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับ
ไม่เหลือแห่งผัสสะ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ
ความดำ ริชอบ การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ
การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ
ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ สฬายตนะ เป็นอย่างไรเล่า ?


จักข๎วายตนะ โสตายตนะ ฆานายตนะ ชิวหายตนะ
กายายตนะ มนายตนะ : ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า
สฬายตนะ. ความก่อขึ้นพร้อมแห่งสฬายตนะ ย่อมมี
เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งนามรูป; ความดับไม่เหลือแห่ง
สฬายตนะ ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือแห่งนามรูป;
มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง
เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งสฬายตนะ,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ นามรูป เป็นอย่างไรเล่า ?


เวทนา สัญญา เจตนา ผัสสะ มนสิการ : นี้เรียกว่า
นาม. มหาภูตทั้งสี่ด้วย รูปที่อาศัยมหาภูตทั้งสี่ด้วย :
นี้เรียกว่า รูป. นามนี้ด้วย รูปนี้ด้วย ย่อมมีอยู่อย่างนี้: ภิกษุ
ทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า นามรูป. ความก่อขึ้นพร้อมแห่ง
นามรูป ย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งวิญญาณ;
ความดับไม่เหลือแห่งนามรูป ย่อมมี เพราะความดับ
ไม่เหลือแห่งวิญญาณ; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอัน
ประเสริฐนั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่ง
นามรูป, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็ วิญญาณ เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! หมู่แห่งวิญญาณทั้งหลาย ๖ หมู่
เหล่านี้ คือ จักขุวิญญาณ (ผู้รู้แจ้งทางตา) โสตวิญญาณ
ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนวิญญาณ
(ผู้รู้แจ้งทางใจ) : ภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า วิญญาณ.
ความก่อขึ้นพร้อมแห่งวิญญาณ ย่อมมี เพราะความก่อขึ้น
พร้อมแห่งสังขาร; ความดับไม่เหลือแห่งวิญญาณ ย่อมมี

เพราะความดับไม่เหลือแห่งสังขาร; มรรคอันประกอบด้วย
องค์แปดอันประเสริฐนั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับ
ไม่เหลือแห่งวิญญาณ, ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ
ความดำ ริชอบ การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ
การเลี้ยงชีวิตชอบ ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ
ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ก็สังขารทั้งหลาย เป็นอย่างไรเล่า ?


ภิกษุทั้งหลาย ! สังขารทั้งหลาย ๓ อย่างเหล่านี้
คือ กายสังขาร (ความปรุงแต่งทางกาย) วจีสังขาร (ความปรุงแต่ง
ทางวาจา) จิตตสังขาร (ความปรุงแต่งทางใจ) : ภิกษุทั้งหลาย !
เหล่านี้เรียกว่า สังขารทั้งหลาย. ความก่อขึ้นพร้อม
แห่งสังขารย่อมมี เพราะความก่อขึ้นพร้อมแห่งอวิชชา;
ความดับไม่เหลือแห่งสังขาร ย่อมมี เพราะความดับไม่เหลือ
แห่งอวิชชา; มรรคอันประกอบด้วยองค์แปดอันประเสริฐ
นั่นเอง เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งสังขาร,
ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ ความเห็นชอบ ความดำ ริชอบ
การพูดจาชอบ การทำ การงานชอบ การเลี้ยงชีวิตชอบ
ความพากเพียรชอบ ความระลึกชอบ ความตั้งใจมั่นชอบ.

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ในกาลใดแล อริยสาวก
ย่อมมารู้ทั่วถึงซึ่งธรรม อันเป็นปัจจัย (เหตุ)
ว่าเป็นอย่างนี้ๆ; มารู้ทั่วถึงซึ่งเหตุแห่งธรรม อันเป็นปัจจัย
ว่าเป็นอย่างนี้ๆ; มารู้ทั่วถึงซึ่งความดับไม่เหลือแห่งธรรม
อันเป็นปัจจัย ว่าเป็นอย่างนี้ๆ; มารู้ทั่วถึงซึ่งข้อปฏิบัติ
เครื่องทำสัตว์ให้ลุถึงความดับไม่เหลือแห่งธรรมอันเป็น
ปัจจัย ว่าเป็นอย่างนี้ๆ ดังนี้;
ภิกษุทั้งหลาย !
ในกาลนั้น เราเรียกอริยสาวกนั้น ว่า :-
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทิฏฐิ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้สมบูรณ์แล้วด้วยทัสสนะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้มาถึงพระสัทธรรมนี้แล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ได้เห็นอยู่ซึ่งพระสัทธรรมนี้” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยญาณอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประกอบแล้วด้วยวิชชาอันเป็นเสขะ” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ถึงซึ่งกระแสแห่งธรรมแล้ว” ดังนี้บ้าง;
“ผู้ประเสริฐมีปัญญาเครื่องชำ�แรกกิเลส” ดังนี้บ้าง;
“ยืนอยู่จรดประตูแห่งอมตะ” ดังนี้บ้าง, ดังนี้ แล.
นิทาน. สํ. ๑๖/๕๐-๕๑/๘๘-๙๐.

 

ที่มา: http://file:///C:/Users/pp/Downloads/%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A7%E0%B8%88%E0%B8%99_2_%E0%B8%84%E0%B8%B9%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%99_14.pdf
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Ahom's profile


โพสท์โดย: Ahom
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
60 VOTES (4/5 จาก 15 คน)
VOTED: Mc XING Opera, Ahom, llHackll, Puooum Uummuu, เล็กเซียวหงษ์แดง, I AM THOR, mon, จิซัง, meltxxx
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ปุ้ย รสริน ประกอบธัญ” ผู้ประกาศข่าวไฟแรง สู่บทบาทพิธีกร “โหนกระแส” แทน “หนุ่ม กรรชัย"เลดี้พิมาย ไอดอลสาว ผูกคอจบชีวิต โพสต์ข้อความสุดท้าย เขียนเศร้าประกาศแล้ว กลุ่มที่ถูกตัดสิทธิเงินดิจิตอลเปิดชีวิตสุดหรู เชน ธนา ภรรยาคู่ใจ ล่าสุด หลั่งน้ำตาชี้แจงว่า ตนไม่ได้โกง แต่ยอมรับว่าเช็คเด้งจริงเชน ธนา ปล่อยโฮหลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ประเด็นฉ้อโกงวิเคราะห์ ดราม่า "น้องโอปอล" พลาดมงกุฎ Miss Universe และกระแส #JusticeForOpal"ส่อง 'นักบินสุดฮอต' มาแรงบนโลกออนไลน์ ที่ทำให้สาวๆ กรี๊ดกันยกใหญ่!"บุกจับถึงบ้าน!! แม่ค้าหัวใสทำน้ำผึ้งปลอมขาย อ้างเป็นผึ้งเลี้ยง แต่เลี้ยงในหม้อและกวนเองกับมือนะ 😅สาวใส่ถุงเท้าขาวเดินบนถนนในญี่ปุ่น ท้าพิสูจน์สะอาดจริงมั๊ย"'ปุ้ย รสริน' คือใคร? พิธีกรสาวแทนที่ 'หนุ่ม กรรชัย' ในรายการโหนกระแส"มุก มาริษา ภรรยาบอสแซม เคลื่อนไหว ครั้งแรก หลังสามีเข้าเรือนจำ6 อาหาร กลิ่นแรง! (แทบทนไม่ไหว) แต่ดีต่อสุขภาพอย่างไม่น่าเชื่อ!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ปุ้ย รสริน ประกอบธัญ” ผู้ประกาศข่าวไฟแรง สู่บทบาทพิธีกร “โหนกระแส” แทน “หนุ่ม กรรชัย"หนุ่ม กรรชัย ไม่จัดโหนกระแส ใส่หมวก สอบสวนกลาง ถ่ายรูปกลางรถหรูเปิดชีวิตสุดหรู เชน ธนา ภรรยาคู่ใจ ล่าสุด หลั่งน้ำตาชี้แจงว่า ตนไม่ได้โกง แต่ยอมรับว่าเช็คเด้งจริง"ส่อง 'นักบินสุดฮอต' มาแรงบนโลกออนไลน์ ที่ทำให้สาวๆ กรี๊ดกันยกใหญ่!"บุกจับถึงบ้าน!! แม่ค้าหัวใสทำน้ำผึ้งปลอมขาย อ้างเป็นผึ้งเลี้ยง แต่เลี้ยงในหม้อและกวนเองกับมือนะ 😅
ตั้งกระทู้ใหม่