รีวิว เที่ยวฉางซา จางเจียเจี้ย ตรุษจีน 58
สวัสดีค่ะ ช่วงตรุษจีนที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางไปท่องเที่ยวที่ เมืองฉางซา เมืองจางเจียเจี้ย มณฑลหูหนาน ประเทศจีน เราเดินทางกันด้วย Charter Flight ของสายการบิน China Southern Airlines กว่าจะได้ออกเดินทางกันก็ดึกพอสมควร เป็นเวลาประมาณ 03.30 น ของวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558 และเราก็ได้เดินทางมา ถึง นครฉางซา เมืองหลวงของมณฑลหูหนาน ก็เป็นเวลา 07.30 น. กว่าจะผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยก็ใช้เวลาเกือบครึ่ง ชั่วโมง หลังจากผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองเรียบร้อยก็มารอรับกระเป๋าเดินทางที่สายพาน และให้เวลาทุกท่าน ล้างหน้าล้างตา และเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะนำทุกท่านเดินทางต่อ เพื่อไปรับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรมซึ่งเป็นแบบบุฟเฟ่ต์ และเดินทางต่อไปยังเมืองจางเจียเจี้ย แต่วันนี้เดินทางของเรายาวนานมาก เนื่องจากรถติดเว่อร์ และฝนตกหนักมาก โดยไกด์บอกเล่าให้ฟังว่า โดยปกติไม่เคยติดนานขนาดนี้ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็จะถึงเมืองฉางเต๋อ ให้เราได้แวะรับประทานอาหารกลางวัน แต่วันนี้ฝนตกหนัก และรถติด และอาจจะเป็นเพราะปีนี้ คนจีนพากันมาเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้น ทำให้เราใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติมาก มาถึงเมืองฉางเต๋อก็เป็นเวลากว่า 15.30 น. แล้วค่ะ
รับประทานอาหารกลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
หลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองจางเจียเจี้ย ซึ่งยังคงมีรถติดเป็นระยะทางยาวนาน อีกเช่นเดิม กว่าจะเดินทางถึงเมืองจางเจียเจี้ยก็เป็นเวลากว่า 18.30 น. แวะรับประทานอาหารเย็น ก่อนจะเข้าสู่ที่พักเพื่อเตรียมตัวท่องเที่ยวในวันรุ่งขึ้นค่ะ
สภาพบรรยากาศรถติดระหว่างการเดินทาง
สภาพบรรยากาศรถติดระหว่างการเดินทาง
รับประทานอาหารกลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
รับประทานอาหารกลางวัน
ราตรีสวัสดิ์ค่ะ
——————————————————
วันที่สองของการเดินทาง วันนี้โชคดีค่ะ ฝนไม่ตก แต่อากาศก็ยังค่อนข้างหนาว ประมาณ 9 – 10 องศา หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว เรานำทุกท่านไปเที่ยวยังภูเขาเทียนจื่อซาน
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
รับประทานอาหารเช้า ณ โรงแรม
ภูเขาเทียนจื่อซานตั้งอยู่ในเขตอุทยานอู่หลิงหยวน การเดินทางไปชมภูเขาเทียนจื่อซานนั้น มีให้เลือก 2 ทาง คือ ขึ้นกระเช้า และลิฟท์ อาจจะเลือกขึ้นทางกระเช้า แล้วลงทางลิฟท์ หรือขึ้นทางลิฟท์ ลงทางกระเช้า ก็ได้เช่นกัน สำหรับทริปต์นี้ เราเลือกขึ้น – ลง ทางลิฟท์ เนื่องจากสภาพอากาศไม่อำนวยในการนั่งกระเช้า ก่อนจะไปขึ้นลิฟท์นั้น เราต้องนั่งรถมินิบัส หรือบางครั้งเรียกว่ารถแบตเตอรี่ ขึ้นไปก่อน โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ผ่านทางโค้ง ผ่านภูเขาน้อยใหญ่ แต่ทางไม่ได้ลำบากมากมายอะไร
ทางเข้าประตู เพื่อไปขึ้นรถแบตเตอรี่ ไปยังภูเขาเทียนจื่อซาน
ระหว่างรอเพื่อไปต่อแถวขึ้นรถแบตเตอรี่
ลิฟท์แก้วขึ้นสู่ภูเขาเทียนจื่อซาน
เมื่อเรานั่งรถแบตเตอรี่มาถึงบนภูเขาแล้ว เราต้องมาเข้าแถวเพื่อรอขึ้นลิฟท์แก้วอีกครั้ง ช่วงเทศกาลตรุษจีนนี้ คนเยอะมาก ทำให้เราต้องยืนเข้าแถวนานถึง 3 – 4 ชั่วโมงเลยทีเดียว ลิฟท์แก้วนี้ เป็นลิฟท์แก้วแห่งแรกในเอเชีย มีความสูงถึง 326 เมตรเลยทีเดียว สำหรับคนที่กลัวความสูงก็ต้องปิดตากันนิดนึงล่ะค่ะ
บรรยากาศการเข้าแถวต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟท์แก้วที่ภูเขาเทียนจื่อซาน
บรรยากาศการเข้าแถวต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟท์แก้วที่ภูเขาเทียนจื่อซาน
บรรยากาศการเข้าแถวต่อคิวเพื่อขึ้นลิฟท์แก้วที่ภูเขาเทียนจื่อซาน
เมื่อขึ้นลิฟท์จนถึงยอดเขาแล้วท่านจะได้ชมความงามของทิวทัศน์ที่สวยงาม ท่านจะได้ตื่นตาตื่นใจกับยอดเขาสูงสุดวัดได้ถึง 1,250 เมตร นอกจากนี้ ภูเขาเทียนจื่อซานแห่งนี้ยังเป็นที่ถ่ายทำภาพยนตร์ชื่อดังหลายต่อหลายเรื่องโดยภาพยนตร์ของฮอลลีวู้ดชื่อดังที่คนไทยเรารู้จักกันก็คือ คือ ภาพยนตร์เรื่องอวตาร(AVATAR) นั่นเอง แต่น่าเสียดายที่ช่วงนี้มีหมอกลงหนา ทำให้มองเห็นทิวทัศน์ไม่ชัดเจนมากนัก
ทิวทัศน์ ที่มองจากภูเขาเทียนจื่อซาน
ทิวทัศน์ ที่มองจากภูเขาเทียนจื่อซาน
ทิวทัศน์ ที่มองจากภูเขาเทียนจื่อซาน
ทิวทัศน์ ที่มองจากภูเขาเทียนจื่อซาน มุมนี้มีในเรื่องอวตารด้วยนะ
ทิวทัศน์ ที่มองจากภูเขาเทียนจื่อซาน
จากนั้นนำท่านข้ามสะพานไปชม “เทียนเสี้ยตี้อี้เฉียว” (สะพานหนึ่งในใต้หล้า) ซึ่งเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่เกิดจากธรรมชาติรังสรรค์ขึ้นได้อย่างลงตัว โดยเป็นสะพานข้ามเชื่อมระหว่างเขา 2 ลูกซึ่งสำหรับบางท่านที่ไม่อยากเดินก็มีเกี้ยวคอยบริการจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 100 หยวนค่ะ
ข้ามสะพานเพื่อไปดู สะพานหนึ่งในใต้หล้า
สะพานหนึ่งในใต้หล้า
แอบสังเกตเห็น ระหว่างทางเดิน มีเจ้าหน้าที่ คอยเก็บขยะตลอดทาง
หลังจากชมสะพานหนึ่งในใต้หล้ากันแล้ว ก็เดินทางกลับทางเดิม เพื่อมาขึ้นลิฟท์ ไปรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนค่ะ
รอลิฟท์ก่อนนะคะ คนเยอะจังเลย
พักรับประทานอาหารกลางวันกันสักแป้บนะคะ
ได้เวลาเดินทางไปเที่ยวกันต่อเลยนะคะ โดยเรายังคงเดินทางไปยังภูเขาเทียนจื่อซานอย่างเดิม เพียงแต่ครั้งนี้เรานั่งแค่รถแบตเตอรี่ไปยัง “ลำธารจินเปียนซี หรือ ลำธารแส้ทอง” ซึ่งเป็นลําธารที่ไหลวนไปตามช่องเขาและชะง่อนผาสูงชัน เข้าไปกลางภูเขาวงกตด้วยระยะ ทางยาว 7.5 ก.ม ลำธารแส้ทอง มีน้ำในลำธารมีสีเขียวใสปราศจากมลภาวะสองฝั่งน้ำจะมีภูเขาหินรูปร่างสวยแปลกตาตั้งตระหง่านเรียงรายล้วนสวยงาม แต่น่าเสียดายช่วงนี้ น้ำแห้งทำให้ความสวยน้อยลงไป
ลำธารจินเปียนซี หรือ ลำธารแส้ทอง
ลำธารจินเปียนซี หรือ ลำธารแส้ทอง
จากนั้นเราก็นั่งรถราง เดินทางต่อกันไปยัง “ภาพเขียนสิบลี้” ฟังดูแล้วหลายท่านอาจจะนึกว่า พาทุกท่านมาดูภาพเขียน แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่ค่ะ ที่นี่เป็นภูเขาที่มีหลายๆ ลูก ที่สามารถมองแล้วจินตนาการออกมาเป็นรูปต่างๆ ทำให้มองเหมือนเป็นภาพเขียนหลายๆ รูป รวมไปถึงมีทิวทัศน์ที่สวยงาม ล้อมรอบด้วยภูเขา
รถรางที่นั่งไปชมภาพเขียนสิบลี้
ภาพเขียนสิบลี้
ถ่ายรูปร่วมกัน ณ ภาพเขียนสิบลี้
เหน็ดเหนื่อยกับการเที่ยวมาทั้งวัน ได้เวลาไปรับประทานอาหารเย็นกันก่อนค่ะ หลังรับประทานอาหารเย็น เราก็ไปชมโชว์วัฒนธรรม วิถีชีวิตของแต่ละเผ่าซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวจางเจียเจี้ยในมณฑลหูหนานและที่มีความอลังการสวยงามด้วย แสง สี เสียง ในชื่อชุด “โชว์เหมยลี่เซียงซี” ซึ่งจะมีการโชว์ทั้ง indoor และ outdoor เลยทีเดียวค่ะ
ทางเข้าชมโชว์เหมยลี่เซียงซี
โชว์เหมยลี่เซียงซี โชว์ความแข็งแกร่งค่ะ โดยมีคนนอนด้านล่าง และวางอิฐขนาดใหญ่บนหน้าท้อง และมีคนขึ้นไปยืนบนอิฐ อันนี้ก็น่าหวาดเสียวไม่แพ้โชว์เดินบนมีดเลยค่ะ โชว์นี้จะเป็นโชว์ Outdoor ค่ะ
——————————————————
วันที่สามของการเดินทาง สำหรับวันนี้ หลังจากเมื่อวานเราเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันพอสมควร เช้านี้หลังรับประทานอาหารเช้าเสร็จ ก็เลยนำทุกท่านไปผ่อนคลายกับการแช่เท้าที่ร้านนวดฝ่าเท้ากันค่ะ
ผ่อนคลายกันค่ะ บริการนวดฝ่าเท้า
เมื่อผ่อนคลายกันแล้ว เดินทางต่อกันเลยจ้า เราไปต่อกันที่ ทะเลสาบเป่าเฟิงหู (Baofeng Lake) โดยนั่งรถแบตเตอรี่อีกครั้ง ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู เป็นทะเลสาบบนช่องเขาสูง ทะเลสาบรายล้อมด้วยยอดเขา และน้ำก็ใสมาก ได้นั่งล่องเรือวันนี้มีฝนตกตลอดเวลา ทำให้อากาศเย็นมาก โดยระหว่างทางก็จะพบแพและมีคนใส่ชุดพื้นเมืองอยู่ร้องเพลงพื้นเมืองต้อนรับเราด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีหินที่รูปร่างเหมือนหน้าผู้หญิง ซึ่งเป็นสิ่งที่ธรรมชาติโดยไม่มีการตกแต่งเพิ่มเติมแต่อย่างใด หลังจากล่องเรือเสร็จเราก็นั่งรถแบตเตอรี่มาด้านล่างจะมีน้ำตกจากทะเลสาบเป่าเฟิงหูไหลลงมากเป็นภาพที่สวยมาก ให้ได้ถ่ายเก็บกันไว้เหมือนเดิม
ล่องเรือทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู
น้ำตก ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู
ปลาซาลาแมนเดอร์ ทะเลสาบเป่าเฟิ่งหู
ได้เวลาหลบสายฝนแล้วจ้า เราไปกันต่อที่ร้านผลิตภัณฑ์ที่ทำจากเยื่อไผ่ค่ะ มีให้เลือกซื้อมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ที่ขัดพื้น ผ้าเช็ดรถ อีกเยอะแยะมากมายให้เลือกกันเลยค่ะ หลังจากเลือกซื้อของกันแล้วก็ได้เวลารับประทานอาหารกลางวัน และไปชมและเลือกซื้อผ้าไหมกันต่อเลยค่ะ
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์จากเยื่อไผ่ และผ้าไหม
จากนั้นเรา นำท่านสู่ “ถ้ำหวงหลงต้ง หรือ ถ้ำวังมังกรเหลือง” ถ้ำแห่งนี้มีความสูง 160 เมตร มีความลึก 1.5 กิโลเมตร ล่องเรือไปตามธารน้ำใต้ดิน ท่านจะตื่นตาตื่นใจกับหินงอกหินย้อยที่มีรูปร่างแปลกๆ งดงามตระการตามากมาย เช่น หินดาบทอง หินหอกเงิน หินเครื่องดนตรีจีน ชมน้ำตกเทวดาสวรรค์
ภายในถ้ำวังมังกรเหลือง
หินก้อนนี้ หลายท่านบอกว่าเหมือนมังกรค่ะ จึงเป็นที่มาของชื่อถ้ำ “วังมังกรเหลือง”
หลังจากล่องเรือเสร็จแล้ว ก็ได้เวลารับประทานอาหารเย็น และกลับไปพักผ่อนแล้วค่ะ ……..ราตรีสวัสดิ์นะคะ
——————————————————
วันที่สี่ของการเดินทาง วันนี้ฝนไม่ตกค่ะ แต่อากาศเย็นเหมือนเดิม 10 องศานิดๆๆ วันนี้พาทุกท่านไปนั่งกระเช้าที่ “หวงซือจ้าย หรือ ภูเขาสิงโตเหลือง” กันค่ะ หวงซือจ้ายนั้นเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดและมีเนื้อที่กว่า 83,000 ไร่และสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,300 เมตร ที่เขาสิงโตเหลืองจะมีจุดชมวิวที่เรียงรายลดหลั่นไปตามแนวหน้าผา มียอดเขาสูงนับไม่ถ้วนโผล่ขึ้นมา และที่นี่ยังมีจุดเด่นอีกจุดหนึ่งคือกุญแจสีทองอันใหญ่ที่อยู่ด้านหน้าก่อนถึงทางเข้าไปขึ้นรถแบตเตอรี่ สำหรับการท่องเที่ยวที่นี่นั้น เราต้องเดินเข้าไปนิดนึง แล้วต่อด้วยการนั่งรถแบตเตอรี่เช่นเดิม จากนั้นรถแบตเตอรี่จะไปส่งเรายังจุดขึ้นกระเช้า ให้ทุกท่านได้นั่งกระเช้า มองทิวทัศน์ที่สวยงามของหวงซือจ้ายกันเลยจ้า
ทางเดินเพื่อไปยังประตูทางเข้า
บรรยากาศระหว่างนั่งกระเช้า
บรรยากาศการถ่ายรูป บนเขาหวงซือจ้าย
ที่เขา หวงซือจ้ายนี้ จะเห็นลิงมากมาย มาทั้งเดี่ยว มาทั้งฝูง เป็นครอบครัวก็มี …..ครอบครัวเนี่ย คนเขียนมโนเอง อิอิ
กลับลงจากเขา หวงซือจ้ายก็เจอมุมที่ถูกใจเข้าให้
หลังจากลงจากรถแบตเตอรี่แล้ว เดินมาด้านหน้าเราจะเห็นมีกุญแจสีทองอันใหญ่อยู่ ….แวะให้ทุกท่านถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกับกุญแจนิดนึงจ้า
หลังอาหารเที่ยง เราก็ได้มีโอกาสแวะชมภาพวาดทราย ที่สวยมาก มีทั้งภาพวาดที่เป็นอธิบายเรื่องราวต่างๆ ภาพสัตว์ ภาพผู้หญิง ต่างๆ แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถถ่ายภาพมาได้มากนัก เนื่องจากด้านในห้ามถ่ายภาพ ถ่ายได้แค่ด้านนอกเท่านั้น
พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย
พิพิธภัณฑ์ภาพวาดทราย
หลักจากชมภาพวาดทรายเสร็จจากเราก็เดินทางต่อไปยังเมืองฉางซา ใช้เวลาเดินทางกว่า 7 ชั่วโมงเลยทีเดียว เนื่องจากว่า รถติดหนักมาก ซึ่งปกติใช้เวลาเพียงแค่ 4 ชั่วโมงเท่านั้น ระหว่างทางก็แวะรับประทานอาหารเย็นกันที่เมืองฉางเต๋อก่อนนะคะ แล้วค่อยเดินทางต่อ
รับประทานอาหารเย็นที่เมืองฉางเต๋อ
เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้า ได้เวลาพักผ่อนแล้วค่ะ @HUAWEN FOREST HOTEL
——————————————————
วันที่ห้าของการเดินทาง หลังรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เรานำทุกท่านไปชม “เกาะส้ม” ซึ่งเป็นสวนสาธารณะมีลักษณะเป็นเกาะกลางแม่น้ำใจกลางนครฉางซา จุดเด่นที่นี่คือ อนุสาวรีย์ประธานเหมา ซึ่งแกะสลักจากหินขนาดใหญ่ สูง 32 เมตร ซึ่งสื่อถึงอายุของประธานเหมาตอนทำรูปจำลองนี้ โดดเด่นเป็นสง่า โดยการเที่ยวชมที่นี่เราใช้บริการรถรางค่ะ
รถราง สำหรับนั่งชมเกาะส้ม
รถราง สำหรับนั่งชมเกาะส้ม
เข้าแถวขึ้นรถราง คนเยอะมากกกกกกกก
อนุสาวรีย์ประธานเหมาเจ๋อตุง
ป้ายด้านหลัง อนุสาวรีย์ประธานเหมาเจ๋อตุง
หลังจากนั่งรถรางชมบรรยากาศโดยรอบของเกาะส้มแล้ว พักรับประทานอาหารกลางวันกันก่อนค่ะ จากนั้นเราก็ไปช้อปปิ้งละลายเงินหยวนกันได้เลยที่ ถนนคนเดินหวงซิง มีทั้งโรงภาพยนตร์ และมีสินค้ามากมาย ทั้งแบรนด์เนม และสินค้าราคาถูก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า เครื่องสำอาง ของใช้ต่างๆ หรือหากบางท่านไม่อยากเดิน ก็สามารถนั่งพักรับประทาน KFC STAR BUCK และอีกหลากหลายสินค้าเลยทีเดียว
ถนนคนเดินหวงซิง
ถนนคนเดินหวงซิง
ช้อปปิ้งกันจนจุใจเสร็จแล้ว ได้เวลารับประทานอาหารเย็นก่อนเดินทางไปสนามเพื่อขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ โดย สายการบิน China Southern Airline เที่ยวบินที่ CZ8577 เวลา 23.55 น. เมื่อเดินทางถึงสนามบิน ก็ยังพอมีเวลา เราเลยมีโอกาสจัดการกระเป๋ากันอีกรอบนึง
จัดกระเป๋า และรอเวลาเช็คอิน
จนเวลาประมาณ 22.00 น. ได้เวลาเช็คอิน และโหลดกระเป๋า หลังจากนั้นนำทุกท่านผ่านพิธีตรวจคนเข้าเมืองขาออก และเดินทางไปยัง Gate เพื่อรอขึ้นเครื่อง จนเวลา 22.45 น. ได้เวลาโบกมือลา ฉางซา ประเทศจีนกันแล้วค่ะ สำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้ร่วมเดินทางทุกท่าน ที่ทำให้เกิดความสนุก และความสุขมากมาย หวังว่าจะมี โอกาสได้ร่วมเดินทางกันอีกครั้งค่ะ