ลดไขมันง่ายๆ ด้วยไลโคปีน!!
ไลโคปีน เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่า ช่วยชะลอความชรา บำรุงผิวพรรณ ต้านความเสื่อมของร่างกาย ช่วยการไหลเวียนของเลือด ลดเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยในการมองเห็น และลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งประเภทต่างๆ
การวิจัยทางการแพทย์ได้พิสูจน์แล้วว่า ไลโคปีน ช่วยลดความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจ ที่สำคัญยังช่วยลดคอเลสเตอรอล และไตรกลีเซอไรด์ ได้ดีเมื่อเทียบกับ ยาฟลูวาสแต ติน(Fluvastatin) จากการทดลองในการต่ายที่กินอาหารไขมันสูง พบว่า เมื่อให้ไลโคปีน 4 มิลลิกรัมต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม สามารถลดไขมันในเลือดได้ จากสถิติพบว่าผู้ที่รับประทานอาหารที่มีมะเขือเทศเป็นส่วนประกอบ แม้แต่ผู้ที่รับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ก็มักมีอัตราเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ต่ำกว่าผู้ที่ไม่ได้ รับประทานมะเขือเทศ
ไลโคปีน มีฤทธิ์มากกว่า เบต้า-แคโรทีน ถึง 2 เท่า ในการต้านอนุมูลอิสระ และการยับยั้งการเกิดมะเร็ง คนส่วนใหญ่มักจะรู้กันแต่เพียงว่า ไลโคปีน มีมากในมะเขือเทศ ในงานวิจัยของประเทศแถบยุโรป และอเมริกา มีงานวิจัยไลโคปีน เฉพาะในมะเขือเทศ แต่ งานวิจัยไทยล่าสุดพบว่า ไลโคปีน ในผลไม้ไทยที่มีชื่อว่า ฟักข้าว มีไลโคปีน มากกว่ามะเขือกว่าถึง 20-70 เท่า
ปริมาณ ไลโคปีน ที่ควรได้รับต่อวัน
ปกติแล้วหากในแต่วันเราสามารถรับประทานมะเขือเทศ หรือฟักข้าว ประมาณ 10-15 กรัม ก็จะได้ไลโคปีนเพียงพอ แต่หากไม่ได้รับประทานมะเขือเทศทุกวัน และเป็นผู้ที่เสี่ยงต่อการมีภาวะไขมันสูง ต่อมลูกหมากโต ต้องเผชิญกับมลพิษในสิ่งแวดล้อม หรือต้องการบำรุงร่างกายและผิวพรรณ ก็สามารถรับประทานไลโคปีนเสริมได้ โดยปัจจุบันก็มีตัวช่วยมากมายทั้งน้ำผักผลไม้ หรืออาหารเสริมที่มีส่วนประกอบของไลโคปีน ก็สามารถเลือกทานได้เช่นกัน
ข้อควรระวัง
ไลโคปีนมีความปลอดภัยหากรับประทานไม่เกิน 75 มิลลิกรัมต่อวัน ไลโคปีนเป็นสารที่ละลายในไขมัน จะสะสมไว้ที่ตับ หากสะสมมากเกิน ไปจะทำให้ตัวเหลือง คลื่นไส้ หากรับประทานไลโคปีน ในรูปแบบผลิตภัณฑ์เสริมอาหารก็ไม่ควรบริโภคมากกว่าปริมาณที่กำหนดไว้บนฉลากบรรจุภัณฑ์
Credit ข้อมูล : http://www.greenclinic.in.th/lycopene.html
Credit รูปภาพ : https://www.facebook.com/neyaplus