หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อยากผ่าตัดแปลงเพศ...ต้องทำไงบ้าง?? 18++

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

การผ่าตัดแปลงเพศเป็นขั้นตอนสุดท้ายที่จะช่วยเหลือผู้ที่มีภาวะทางจิตใจ ที่เกิดความขัดแย้งระหว่างการรับรู้เพศและสภาพร่างกายที่ไม่สอดคล้องกัน ตั้งแต่กำเนิดซึ่งทางการแพทย์เรียกว่าGender Dysphoria โดยการผ่าตัดเพื่อให้มีอวัยวะเพศตรงตามสภาพจิตใจที่ต้องการของตนเอง และทำให้สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างมีความสุขกับเพศที่ตนเองได้เลือกใหม่
ดังนั้นการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงเพศจึงเป็นการผ่าตัดครั้งสำคัญที่สุด ซึ่งจะมีผลต่อวิถีชีวิตใหม่ จึงควรมีการเตรียมตัวหาข้อมูลเกี่ยวกับการผ่าตัดให้ดีก่อนที่จะตัดสินใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการตัดสินใจเลือกแพทย์ผู้ผ่าตัด ต้องเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ และมีความชำนาญในการผ่าตัดแปลงเพศเป็นอย่างดี ซึ่งจะทำให้ได้รับรูปร่างของอวัยวะเพศภายนอกสวยงามเหมือนธรรมชาติ มีความลึกของช่องคลอดตามความเหมาะสมกับสภาพของร่างกาย และสามารถรับความรู้สึกทางเพศได้ดี จะช่วยให้ผู้ที่รับการผ่าตัดมีสภาพร่างกายสอดคล้องกับสภาพจิตใจ สามารถใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างเป็นปกติสุข

คุณสมบัติของผู้ที่เหมาะสมที่จะเปลี่ยนแปลงเพศจากชายเป็นหญิง มีดังนี้

1. ผู้ผ่าตัดต้องมีอายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ หรือถ้าอายุไม่ถึง 20 ปี ต้องให้ บิดา มารดา หรือผู้ปกครอง
ที่ ถูกต้องตามกฏหมายอนุญาตให้ผ่าตัดได้
2. ต้องได้รับฮอร์โมนเพศหญิงติดต่อกันมาไม่น้อยกว่า 1 ปี
3. มีความรู้สึกเป็นผู้หญิงมานานแล้ว หรือตั้งแต่เริ่มจำความได้
4. เคยใช้ชีวิตแบบผู้หญิงมาไม่น้อยกว่า 1 ปี
5. รู้สึกรังเกียจอวัยวะเพศของตนเอง คิดว่าเป็นส่วนเกิน
6. ได้ผ่านการประเมินสภาพจิตใจและได้รับใบรับรองจากจิตแพทย์ ว่าอยู่ภาวะที่ปกติและเหมา
สมที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศได้
7. ต้องมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์

ศัลยแพทย์ตกแต่งที่ทำการผ่าตัดแปลงเพศจากชายเป็นหญิง จะนำผิวหนัง เนื้อเยื่อ และเส้นประสาทที่รับความรู้สึกทางเพศของผู้เข้ารับการผ่าตัด มาตกแต่งให้เป็นอวัยวะเพศหญิงที่สมบูรณ์แบบ โดย
1. ทำให้มีอวัยวะเพศให้เหมือนผู้หญิงให้มากที่สุด
2. ทำให้ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดได้รับช่องคลอดที่ลึกที่สุด เท่าที่ผิวหนังของผู้ป่วยจะทำได้
3. เก็บรักษาเส้นประสาทความรู้สึกทางเพศมาเก็บไว้ที่ปุ่มรับความรู้สึกทางเพศของผู้หญิง (clitoris)
ให้ความรู้สึกทางเพศเหมือนปกติ
4. ต้องทำการผ่าตัดและตกแต่ง ซ่อนแผลเป็นให้เห็นน้อยที่สุด
เทคนิคการผ่าตัดแปลงเพศ
1. เป็นการผ่าตัดโดยการให้ยาสลบโดยวิสัญญีแพทย์
2. ทำการสร้างช่องคลอดใหม่โดยเจาะบริเวณกล้ามเนื้อที่อยู่ระหว่างทวารหนักกับท่อปัสสาวะ โดยมี
ลึกประมาณ 6-7 นิ้ว
3. นำผิวหนังจากบริเวณองคชาตเดิมหรือจากถุงอัณฑะ ไปสร้างเป็นผนังช่องคลอดก็จะได้ช่อง
คลอดใหม่เกิดขึ้น เหมือนผู้หญิง
4. เก็บเส้นประสาทรับความรู้สึกทางเพศ เพื่อเตรียมทำปุ่มรับความรู้สึกทางเพศ (Clitoris)แล้วตัด
แกนองคชาตออก
5. ตัดท่อปัสสาวะเพศชายให้สั้นลง แล้วตกแต่งให้สามารถปัสสาวะพุ่งลงเหมือนผู้หญิง ถ้าทำการ
ผ่าตัดไม่ดี เวลานั่งปัสสาวะอาจจะพุ่งขึ้นมาได้
6. ตกแต่งบริเวณภายนอกได้แก่ แคมนอก (Major Labia) แคมใน (Minor Labia) ท่อปัสสาวะและ
ปุ่มรับความรู้สึกทางเพศ (Clitoris) ให้สวยงามเหมือนอวัยวะเพศหญิงที่สมบรูณ์ และยังคงมีความ
รู้สึกทางเพศอยู่เหมือนเดิม

การผ่าตัดแปลงเพศชายเป็นหญิง สามารถแบ่งตามเทคนิคการสร้างช่องคลอดใหม่ได้ 3 วิธีดังนี้

1. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต : SRS I
เป็นการนำเอาผิวหนังขององคชาตสอดกลับเข้าไปตกแต่งทำเป็นช่องคลอด ซึ่งเป็นวิธีที่ทำได้ง่ายไม่ซับซ้อน ภาวะแทรกซ้อนต่ำ ศัลยแพทย์นิยมกันอย่างแพร่หลาย
ข้อดี คือ เป็นวิธีที่ทำได้ง่ายและไม่ซับซ้อน สำหรับแพทย์ผู้ที่มีความชำนาญและมี ประสบการณ์ จะใช้เวลาในการผ่าตัดแปลงเพศ โดยใช้เทคนิคนี้ ประมาณ 4 ชั่วโมง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 4 คืน

ข้อเสีย คือไม่เหมาะกับผู้ที่มีความยาวขององคชาตสั้นกว่า 4 นิ้ว เพราะจะทำให้ได้ช่องคลอดที่ไม่ลึก (โดยปกติแล้วความลึกของช่องคลอดเท่ากับความยาวของหนังที่หุ้มองคชาต ลบ 1 นิ้ว (เผื่อผิวหนังที่จะใช้ทำแคมใน ) ระยะยาวหนังหุ้มช่องคลอดมักจะย้อยออกมา

2. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด : SRS 2

เทคนิคนี้เกิดจากการนำเอาผิวหนังจากองคชาตแล้วต่อด้วยผิวหนังจากถุงอัณฑะ มาเลาะให้มีผิวหนังบางๆ ไปทำเป็นผิวหนังหุ้มผนังช่องคลอด เพื่อเพิ่มความลึกของช่องคลอด ให้ได้ตามที่ต้องการและเพียงพอต่อการใช้งาน ถ้าต่อผิวหนังจากถุงอัณฑะแล้วยังได้ความลึกไม่เพียงพอต่อความต้องการของผู้ผ่าตัด ศัลยแพทย์ตกแต่งอาจจะพิจารณานำผิวหนังจากที่อื่นๆ เช่น ต้นขา ขาหนีบ หน้าท้อง มาเพิ่มเป็นผนังของช่องคลอดให้ความลึกเพิ่มอีกก็ได้

ข้อดี คือ สามารถช่วยให้คนที่มีองคชาตสั้น มีโอกาสได้ช่องคลอดลึกมากกว่า 6 นิ้ว

ข้อเสีย คือ การผ่าตัดจะยุ่งยากซับซ้อน และใช้เวลาผ่าตัดมากขึ้น เทคนิคนี้แพทย์ผู้มีประสบการณ์และความชำนาญในการผ่าตัดแปลงเพศ ใช้เวลาประมาณ 6 ชั่วโมง นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล 6 คืน

3. เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่ทำเป็นผนังช่องคลอด
สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นหญิงสมบูรณ์แบบมากที่สุด เพราะลำไส้ใหญ่จะมีน้ำหล่อลื่นตามธรรมชาติ หรือ เป็นการผ่าตัดเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เคยผ่าตัดแปลงเพศมาแล้ว ช่องคลอดตีบตัน ไม่สามารถร่วมเพศได้ โดยนำลำไส้ใหญ่บางส่วน ประมาณ 7-8 นิ้ว มาสร้างเป็นผนังช่องคลอด ที่โรงพยาบาลศัลยกรรมตกแต่งกมล มีเทคนิคในการนำลำไส้ใหญ่มาเป็นผนังช่อคลอด อยู่ 2 เทคนิค
  1. แบบเปิดแผลหน้าท้อง (Open Technique )
จะมีรอยแผลตามขอบบิกินี่ ด้านซ้ายของคนไข้ยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ลำไส้ใหญ่ที่นำมาทำเป็นผนังช่องคลอด ยาวประมาณ 7-8 นิ้ว โดยจะมีเส้นเลือดและเส้นประสาทมาหล่อเลี้ยงด้วย ระยะเวลาในการผ่าตัดประมาณ 7 ชั่วโมง
  1. แบบใช้กล้อง ( Laparoscopic Technique )
เทคนิคนี้เป็นเทคนิคใหม่ล่าสุด ที่มีการนำลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอดโดยปราศจากแผลเป็นที่หน้าท้อง โดยใช้เครื่องมือพิเศษ ในการผ่าตัด สามารถตัดลำไส้มาทำเป็นผนังช่องคลอดได้ยาว 7-8 นิ้ว การผ่าตัดใช้เวลาประมาณ 7 ชั่วโมง
ข้อเสีย
1. อาจเกิดแผลเป็นยาวประมาณ 7 เซนติเมตร เหนือหัวเหน่าด้านซ้าย
2.การผ่าตัดมีความยุ่งยากซับซ้อนต้องมีการเตรียมการผ่าตัดเอาส่วนของสำไส้ ใหญ่ ออกมาโดยต้อง
มีการสวนล้างลำไส้ใหญ่ให้สะอาดก่อนผ่าตัด 1 วัน

3. ผู้ทำการผ่าตัดอาจจะมีอาการท้องอืด 2 – 3 วัน หลังการผ่าตัด
4. การผ่าตัดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอดนี้ ไม่เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักมาก หรือมีหน้าท้องหนา ค่า BMI ไม่
ควรเกิน 28.5
การดูแลหลังการผ่าตัด
คนไข้จะต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล อย่างน้อย 4- 6 คืน เพื่อดูแลรักษาแผลในระหว่างที่พักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลนั้นคนไข้จะต้องปฏิบัติตัวดังต่อไปนี้

1. ให้คนไข้งดรับประทานอาหารที่มีกากและเครื่องดื่มจำพวกน้ำผลไม้ นม นมเปรี้ยว โยเกิร์ต
เพราะจะเกิดการกระตุ้นทำให้เกิดการขับถ่ายในช่วง 2 วันแรกหลังการผ่าตัด ซึ่งอาจจะทำให้
แผลมีการปนเปื้อนอุจจาระได้
2. หลังผ่าตัด1-2 วันแรก คนไข้ควรนอนอยู่ในท่านอนหงาย ยกสะโพกให้สูง และแยกขาทั้ง 2
ออกจากกันเล็กน้อย เพื่อช่วยลดอาการบวมได้ดีขึ้น
3. วันที่ 3 หลังการผ่าตัดสามารถนอนตะแคงได้
4. วันที่ 4 หลังการผ่าตัดแพทย์ผู้ผ่าตัดจะทำการถอดสายระบายเลือดเสียออก และเปิดแผล
ทำความสะอาดแผล และถอดสายสวนปัสสาวะออก ผู้ป่วยผ่าตัดแบบใช้ เทคนิคการสร้างช่อง
คลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต สามารถกลับบ้านได้ และกลับมาตัดไหมในวันที่ 7 อีกครั้ง
สำหรับผู้ที่ทำการผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจาก
ผิว
หนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด หรือผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้าง
ช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด แพทย์จะยังไม่ถอดสายสวนปัสสาวะออก
และคนไข้ต้องนอนอยู่บนเตียงต่อไปจนถึงวันที่ 6 ของการผ่าตัด
5. คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด จะงด
น้ำและอาหารหลังการผ่าตัดจนกระทั่งมีอาการผายลมก่อน จึงจะเริ่มจิบน้ำและรับประทาน
อาหารเหลวได้ ถ้ารับประทานอาหารเร็วเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย
ได้ ดังนั้นสำหรับผู้ที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่อง
คลอด ต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์และพยาบาลอย่างเคร่งครัด
6. วันที่ 6 ของการผ่าตัด คนที่ผ่าตัดแบบ เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต
และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด เปิดแผลทำความสะอาด
แผล และ เอาผ้าก๊อสที่อยู่ในช่องคลอดออก
7. วันที่ 7 ของการผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนัง
จากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้
ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด ถอดสายสวนปัสสาวะออก และกลับบ้านได้
8. ผู้ผ่าตัด เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ผิวหนังจากองคชาต, เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดย
ใช้ผิวหนังจากองคชาต และจากผิวหนังจากถุงอัณฑะหรือจากที่อื่นๆมาทำเป็นผนังช่องคลอด ,
เทคนิคการสร้างช่องคลอดโดยใช้ลำไส้ใหญ่มาทำเป็นผนังช่องคลอด กลับมาพบแพทย์เพื่อตัด
ไหมและขยายช่องคลอดโดยใช้ Dilator ที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้ให้ เพื่อรักษาความกว้าง
และเพิ่มความลึกให้คงที่ควรหมั่นขยายช่องคลอดอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ครั้งละประมาณ 30
นาที
9. ผู้ผ่าตัดต้องทำความสะอาดแผลพร้อมกับขยายช่องคลอด ทุกวันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง จนกว่า
แผลภายนอกและในช่องคลอดจะหายสนิทดี
10. งดมีเพศสัมพันธ์เป็นเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
11. มาพบแพทย์ตามนัดทุก ๆ 1 สัปดาห์ หลังผ่าตัดจนครบ 1 เดือน เพื่อให้ผลการผ่าตัดที่ได้สมบูรณ์
และสวยงามใกล้เคียงธรรมชาติ
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ทางกัมพูชา และ จีนจัดงานโชว์ศิลปะการต่อสู้ กังฟู + โบกาตอร์ ตอนแรกหลายคนนึกว่า จะเอามาสู้ๆกัน อ้อ ไม่ใช่ มาโชว์กระบวนท่าการแสดงเฉยๆ พอมีคนดูอยู่เหมือนกันเด้อเตือนแล้วไม่ฟัง ต้องบังให้มิด
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรกช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆเขมรเคลมอีก? อ้าง ข้าวเหนียวทุเรียน คือขนมดั้งเดิมของเขมรโบราณ!ตอนเรียนกับตอนทำงานเต่างกันแค่ไหน?แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้
Zhou Yutong @ Harper's BAZAAR China April 2024Cheng Xiao @ Trendmo China April 2024ดูดทุกที่ถ้าพี่ไม่ติดอะไรFan Zhixin @ 1626 Magazine China April 2024
ตั้งกระทู้ใหม่