เพราะคำว่า ‘กะเทยควาย’ คำเดียว
เพียงคำเหยียดหยามว่า “กะเทยควาย” นี่แหละ อาจเป็นแรงบันดาลใจให้เด็กวัยละอ่อนตัดสินใจไปผ่าไข่ทิ้ง…นี่คือเรื่องราวความคิดผ่านประสบการณ์
“การ์ตูน” นักศึกษาสาวแปลงเพศ ผู้เป็นเจ้าแม่เว็บบอร์ดหลายแห่งได้สะท้อนเรื่องนี้ว่า การตัดสินใจตัดไข่ถือเป็นเรื่องใหญ่เพราะเท่ากับตัดสินให้ตัวเองไม่ต้องมีความรู้สึกทางเพศโดยใช้องคชาตแบบผู้ชายอีกต่อไป เพราะอวัยวะเพศจะเหลือประโยชน์เพียงใช้ปัสสาวะเท่านั้น แต่ก็มีบางคนที่อาจแข็งตัวได้นิดหน่อยเหมือนผู้ชายไร้สมรรถภาพ
แรงบันดาลใจที่ทำให้เด็กผู้ชายรักไม้ป่าเดียวกันต้องการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนตั้งแต่อายุยังน้อย ก็เพราะค่านิยมของสังคมที่ยอมรับเฉพาะกะเทยสวย หรือกะเทยที่ดูละม้ายคล้ายผู้หญิงเท่านั้น
”การ์ตูน” ยอมรับว่า ตัวเองกินฮอร์โมนตั้งแต่อยู่มัธยมต้นและผ่าตัดนมตอนอายุ 19 ปี มาแปลงเพศอายุย่างเข้า 21 ความรู้สึกลึกๆ ที่ต้องรีบแปลงเพศส่วนหนึ่งเพราะ กะเทยตัวใหญ่เหมือนผู้ชาย มักได้รับการดูถูกดูหมิ่นด้วยวาจาท่าทางและคำพูด ทำให้เด็กๆ ที่ฝักใฝ่เพศเดียวกัน คิดหาทางลดฮอร์โมนเพศชายไม่ให้หลั่ง จะได้มีผิวเนียนสวยและรูปร่างไม่ใหญ่โต ไม่มีกล้ามเป็นมัดๆ ไม่มีหนวดเคราเฟิ้มยาวเหมือนผู้ชายโดยทั่วไป
วิธีที่ง่ายที่สุดคือการกินฮอร์โมนและผ่าตัดลูกอัณฑะทิ้ง เพราะค่าใช้จ่ายไม่ถึงหมื่นบาท แต่ถ้าหากเป็นลูกเศรษฐีพอเก็บเงินได้เป็นแสนก็ผ่าตัดแปลงเพศไปเลย ทั้งสองวิธีต้องตัดสินใจทำก่อนอายุ 20 ปีเท่านั้น มิเช่นนั้นจะไม่ทันการหยุดยั้งฮอร์โมนเพศชายไม่ให้พุ่งกระฉูด….เป็นกะเทยควาย
”เป็นค่านิยมของสังคมด้วย เพราะใครเป็นกะเทยรูปร่างหน้าตาเหมือนผู้ชายตัวใหญ่มักถูกเรียกว่ากะเทยควาย เดินไปไหนก็จะมีเสียงด่า เสียงดูถูกว่า กะเทยยักษ์ กะเทยควาย กะเทยน่าเกลียด ฯลฯ แต่ถ้าเป็นกะเทยหน้าตาผิวพรรณเหมือนผู้หญิงก็จะได้ยินเสียงชื่นชมว่า สวยจังเลย…น่ารักจัง… น้องจ๋ามีแฟนหรือยัง …สวยจนผู้หญิงอายเลยนะ ฯลฯ
และนี่คือแรงกดดันกะเทยเด็กทางอ้อม
“ใครมีเงินแสนบาทก็จะแปลงเพศเลย แต่ถ้ามีห้าพันก็ทำได้แค่ตัดลูกอัณฑะ” การ์ตูนเผยปมในใจบรรดากะเทยอ่อนวัย
“น้องเจน” นักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏชื่อดัง เป็นอีกคนที่เสียเงินผ่าตัดทำหน้าอกและแปลงเพศหมดไปเกือบ 2 แสนบาท แสดงความเห็นว่า นอกจากผู้คนจะยอมรับเฉพาะตุ๊ดน่ารักกับกะเทยสวยแล้ว ภายในกลุ่มสาวประเภทสองด้วยกันก็แข่งขันประชันกันด้วย หากใครมีรูปร่างสะโอดสะอง มีอกใหญ่สวยสะโพกผายงาม ขาเรียวเล็ก ก็จะได้รับความชื่นชม แต่ถ้ากะเทยคนใดมีลักษณะทางกายภาพเหมือนแมนก็จะเหนียมอายไม่กล้าแสดงออก ขาดความมั่นใจไปเลย
ประเด็นการแข่งขันประชันความงามในหมู่กะเทยด้วยกันทำให้กะเทยลูกเจี๊ยบหรือกะเทยวัยเด็กต่างศึกษาหาความรู้จากสาวแปลงเพศรุ่นพี่และคำตอบก็คล้ายกันว่า
“ต้องสกัดฮอร์โมนเพศชายก่อนอายุ 20 นะจ๊ะ ยิ่งตัดเร็วยิ่งสวยจ้า…”
ส่วนการออกกฎหมายอย่างเข้มงวดเพื่อป้องกันไม่ให้”กะเทยลูกเจี๊ยบ” ไปตัดไข่ทิ้งตามอำเภอใจในคลินิกศัลยกรรมนั้น กะเทยซีเนียร์หลายคนล้วนแสดงความเห็นตรงกันว่า หากออกกฎหมายห้ามตัดลูกอัณฑะกับเด็กวัยรุ่นอายุไม่ถึง 20 ปี จะทำให้พวกเขาเดินเข้าสู่คลินิกเถื่อนเพราะหลายคนเกิดมาบนโลกใบนี้ ก็รู้สึกเกลียดตัวเองที่มีรูปร่างเป็นผู้ชายอยู่แล้ว แม้เป็นกะเทยเด็กแต่พวกเขาก็มีความรู้สึกอยากเป็นผู้หญิงเต็มตัว
“หากบีบคั้นมากแล้วแอบไปผ่ากับหมอเถื่อน จะทำให้ร่างกายเสี่ยงอันตรายมากยิ่งขึ้น อาจติดเชื้อ ลุกลามจนเสียชีวิตได้” โพสต์ในเว็บบอร์ด
ส่วนทางออกนั้น หากเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรผ่านขั้นตอนของจิตแพทย์ หรือนักจิตวิทยา รวมทั้งแพทย์ต้องพูดคุยและได้รับอนุญาตโดยตรงจากผู้ปกครองด้วย
ความเห็นจากหลากหลายเว็บบอร์ดชื่อดังหลายแห่งทั้ง ”กลุ่มที่เห็นใจ” และ ”กลุ่มที่ไม่เห็นด้วย” กับการตัดลูกอัณฑะทิ้งของ “กะเทยลูกเจี๊ยบ”
“กลุ่มเห็นใจ”
- “จะได้ไม่ขัดแย้งกับอารมณ์ตัวเอง ทำแล้วผิวพรรณดีเหมือนผู้หญิงจริง ผ่าตัดตอนอายุน้อยๆ จะดีกว่า เพราะร่างกายแข็งแรงดี แผลหายเร็ว ประชากรที่จะเกิดใหม่ลดลง การข่มขืนลดลง บั้นปลายชีวิตไม่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ทำให้แพทย์เฉพาะทางเก่งขึ้นและมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ”
- “มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะแยกกะเทยออกจากผู้หญิง ส่วนการตัดไข่มันไม่ได้ทำให้ผิวดีขึ้น แต่เป็นการช่วยลดฮอร์โมนเพศชายให้น้อยลง และเราก็สามารถกินยากดฮอร์โมนเพศชาย และเสริมด้วยฮอร์โมนเพศหญิง เท่านี้ก็มีผิวสวยใสได้ โดยส่วนตัวแล้วไม่แนะนำให้ตัดไข่”
- “ถ้าจะทำควรผ่าตัดแปลงเพศไปเลย แต่จำนวนเงินในการใช้มันต่างกันค่ะ อยากให้ทุกคนทราบว่า ตัดไข่ ไม่กี่พัน แปลงเพศ 1-2 แสน นึกถึงคุณตอนอายุ 15-16 จะเอาเงินที่ไหนมาคะตั้งเป็นแสน”
“กลุ่มไม่เห็นด้วย”
- “เด็กเอ๋ยเด็กน้อย ความรู้ยังด้อยเร่งศึกษา…รัฐบาลควรมีมาตรการคุมให้เข้มกับพวกคลินิกที่ไม่มีจรรยาบรรณ และรัฐบาลควรมีกฎหมายเข้มงวด ไม่ให้เด็กที่อายุต่ำกว่า 20 ปี ผ่าตัดแปลงเพศ เพราะกว่าเด็กจะถึงอายุ 20 ปี อาจผ่านอะไรๆ มาเยอะและความคิดรอบคอบขึ้นก็ได้ค่ะ ขอเสนอว่า ไม่เห็นด้วยที่ให้สาวประเภทสองมาใช้คำนำหน้า น.ส.ได้ เพราะอย่างนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับผู้ชาย เพราะผู้ชายอาจได้กะ
เทยเป็นเมียโดยไม่รู้ตัวถ้ามารู้ทีหลัง คิดดูบางคนอาจทำใจไม่ได้ อาจทำให้มีตัวเลขหย่าร้างสูง หรือปัญหาฆ่ากันตาย เพราะไม่สามารถมีลูกกันได้ และถูกหลอกให้อัดถั่วดำมานาน ถ้าเรื่องแบบนี้เกิดกับครอบครัวคุณ ลูกหลานคุณ คุณจะว่าไงคะ”
“คลินิกไร้จรรยาบรรณ บางคนพ่อแม่ไม่ให้ก็ปลอมลายเซ็นมา ใครจะไปเช็กว่าจริงหรือปลอม…พ่อแม่ก็น่าจะดูแลให้ใกล้ชิดกว่านี้ คุยกันเยอะๆ ให้รู้ถึงจิตใจลูก ให้เขาอายุสัก 18 ค่อยว่ากันอีกที ก็เป็นวิธีเลื่อนเวลาออกไปอีกนิดได้ เฮ้อ…เรื่องนี้ละเอียดอ่อนเกินไป ผู้ปกครองก็สู้ๆ นะครับ”
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาเลย
เนื้อหาโดย http://www.tlcthai.com/