ราชาและราชินีแห่งมหาศึกชิงบัลลังก์ Game of Thrones ที่มีชีวิตอยู่จริงในประวัติศาสตร์
แม้ว่านวนิยายเรื่องมหาศึกชิงบัลลังก์ “Game of Thrones” ที่แต่งขึ้นโดย จอร์จ เรย์มอนด์ ริชาร์ด มาร์ติน นามปากกา จอร์จ อาร์. อาร์. มาร์ติน จะเป็นเพียงแค่เรื่องแต่งที่ถูกรังสรรค์เรื่องราวขึ้นมาเท่านั้น แต่ก็เป็นที่ทราบกันดีว่านวนิยายเรื่องนี้ได้รับอิทธิพลเค้าเรื่องมาจากสงครามดอกกุหลาบแห่งอังกฤษในช่วงยุคศตวรรษที่ 15 มาบ้าง แต่เมื่อดูเนื้อเรื่องโดยรวมก็ยังห่างไกลจากประวัติศาสตร์ในชีวิตจริงอยู่เยอะ
แต่เราก็สามารถเทียบเคียงลักษณะตัวละครที่มีความคล้ายคลึงกับบุคคลในประวัติศาสตร์ที่เคยมีชีวิตอยู่จริงได้ รายนามดังต่อไปนี้เป็นบุคคลที่มีความคล้ายคลึงกับตัวละครในนวนิยายจนเรียกได้ว่าสามารถจินตนาการเป็นคนเดียวกันได้เลย
1.มาร์กาเร็ตแห่งอองชู (สมเด็จพระราชินีแห่งอังกฤษ) / เซอร์ซี แลนนิสเตอร์
ทั้งมาร์กาเร็ตแห่งอองชูและเซอร์ซี แลนนิสเตอร์ ต่างก็เป็นหญิงสาวที่แต่งงานด้วยเหตุผลทางการเมือง เซอร์ซีแต่งงานกับโรเบิร์ต บาราเธียน เพื่อที่จะรวมตระกูลแลนนิสเตอร์และตระกูลบาราเธียนให้เป็นหนึ่งเดียวกัน ส่วนมาร์กาเร็ตก็แต่งงานกับสมเด็จพระเจ้าเฮนรี่ที่ 6 แห่งอังกฤษ เพียงเพื่อจะสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศส ทั้งสองยังได้เป็นผู้ปกครองอาณาจักรในขณะที่สามีไม่ว่างอีกด้วย เซอร์ซี่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังการปกครองและออกคำสั่งต่างๆในคิงส์แลนดิ้งระหว่างที่โรเบิร์ตสามีเอาแต่ไปล่าสัตว์และสุขสำราญอยู่กับสาวๆ ส่วนมาร์กาเร็ตก็เป็นผู้ปกครองอังกฤษในขณะที่พระเจ้าเฮนรี่สามีกลายเป็นบ้า หญิงสาวทั้งสองต้องเผชิญข่าวลือ (ที่เป็นเรื่องจริง) เรื่องที่ว่าลูกของตนเป็นลูกชู้ โดยลูกของเซอร์ซี่นั้นไม่ได้เกิดจากโรเบิร์ตสามี แต่เกิดกับชู้ซึ่งก็คือเจมี่ น้องชายฝาแฝดของเธอเอง ส่วนเอ็ดวาร์ด ลูกของมาร์กาเร็ต ก็ไม่ได้เกิดจากพระเจ้าเฮนรี่ เนื่องจากพระเจ้าเฮนรี่เป็นบ้ามาตั้งแต่ก่อนที่มาร์กาเร็ตจะท้องเอ็ดวาร์ดเสียอีก จึงไม่น่าเป็นไปได้ที่เอ็ดวาร์ดจะเกิดจากพระเจ้าเฮนรี่ นอกจากนี้ ลูกของพวกเธอทั้งสองยังเป็นเด็กที่ก้าวร้าวรุนแรง จอฟฟรี่ย์เป็นพวกซาดิสม์และเอ็ดวาร์ดก็เป็นพวกชอบพูดถึงแต่เรื่องตัดหัวคนและทำสงคราม ทั้งคู่ยังสูญเสียลูกชายไปแบบจุดจบไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ จอฟฟรี่ย์ ลูกชายของเซอร์ซี่ ถูกวางยาพิษกลางงานแต่งของเขาเอง ส่วนเอ็ดวาร์ด ลูกชายของมาร์การเร็ต ก็ถูกฆ่าโดยการตัดหัวในสงครามดอกกุหลาบที่อังกฤษ สุดท้าย สิ่งที่เธอทั้งสองมีคล้ายกันก็คือชื่อตระกูล เซอร์ซี่อยู่ในตระกูลแลนนิสเตอร์ ส่วนมาร์การ์เร็ตอยู่ในราชวงศ์แลงคาสเตอร์
2.แอนน์ โบลีน (พระราชินีแห่งอังกฤษ) / ทาลิซ่า สตาร์ก
ทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่แย่งแฟนคนอื่นและทำให้อาณาจักรต้องแตกหัก ในตอนแรก รอบบ์ สตาร์กสัญญาว่าจะแต่งงานกับลูกสาวคนใดคนหนึ่งของลอร์ดวัลเดอร์ เฟรย์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงความสัตย์ซื่อ แต่ก็ผิดสัญญาไปแต่งงานกับทาลิซ่าเพราะว่าทั้งสองรักกัน สุดท้ายจึงนำมาซึ่งการสังหารทั้งรอบบ์ ทาลิซ่า รวมถึงเลดี้แคทเธอรีนแม่ของรอบบ์ด้วย ส่วนแอนน์ โบลีน ก็ทำให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 แห่งอังกฤษลุ่มหลง ทั้งๆที่เขาก็แต่งงานแล้วกับพระนางแคเธอรินแห่งอารากอน จนทำให้พระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 อยากจะหย่ากับภรรยา แต่ด้วยความที่การหย่ากับภรรยาเป็นการผิดหลักศาสนาเดิม (ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค) พระเจ้าเฮนรี่จึงประกาศแยกอังกฤษออกจากศาสนจักรโรมันคาธอลิคและตั้งนิกายใหม่ที่ไม่ขึ้นกับพระสันตะปาปา ชื่อว่านิกายเชิร์ชออฟอิงแลนด์ ซึ่งทำให้การแต่งงานระหว่างพระเจ้าเฮนรี่ที่ 8 และพระนางแคเธอรินแห่งอารากอนเป็นโมฆะ และสามารถแต่งงานใหม่กับแอนน์ โบลีนได้อย่างชอบธรรมนั่นเอง และนี่นำไปสู่การต่อสู้ระหว่างคริสตศาสนิกชนนิกายโรมันคาธอลิกและนิกายโปรเตสแตนท์ (พวกที่ไม่ใช่คาทอลิก)ในอังกฤษและก่อให้เกิดการนองเลือดเป็นเวลาหลายร้อยปี
3.สมเด็จพระราชินีนาถแมรีที่ 1 แห่งอังกฤษ / เมลิซานเดร์
ทั้งพระนางแมรี่และเมลิซานเดร์ต่างก็เป็นสาวฮอต ฮอตในที่นี้หมายถึงทั้งสองชอบเผาคนที่ไม่เห็นด้วยกับศาสนาของพวกเธอ เมลิซานเดร์ได้เผาคนของสแตนนิสที่ยังคงเคารพพระเจ้าองค์เดิมของพวกเขาและไม่ยอมนับถือลอร์ดออฟไลท์ของเธอ ส่วนพระนางแมรี่ ที่นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิค ก็เผาชาวอังกฤษหลายร้อยคนที่เป็นโปรเตสแตนท์ (พวกที่ไม่ใช่คาทอลิก) จนได้รับฉายาว่าแมรี่บ้าเลือด หรือ “Bloody Mary”
4.สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 1 แห่งอังกฤษ / แดเนริส ทาร์แกเรียน
ทั้งสองต่างเป็นสาวโสดที่กระหายอำนาจและมีอาวุธครบมือ อันที่จริงแล้ว แดเนริสเคยแต่งงานกับคาร์ล โดรโก แต่เมื่อคาร์ล โดรโกตาย เธอจึงได้เป็นผู้ครองอำนาจเพียงหนึ่งเดียว ส่วนพระนางเอลิซาเบธได้รับฉายาว่า Virgin Queen แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่เวอร์จิ้นก็ได้ เพียงแต่พระนางไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการ จึงถือว่าเวอร์จิ้น ทั้งสองต่างมีอาวุธพรั่งพร้อม แดเนริสมีมังกร พระนางเอลิซาเบธมีกองทัพเรือ และทั้งสองตัดสินใจไม่แต่งงานเพราะต้องการรักษาอำนาจของตัวเองไว้และแผ่ขยายอำนาจให้ยิ่งใหญ่ต่อไป โดยแดเนริสต้องการที่จะครองบัลลังก์เหล็ก ส่วนพระนางเอลิซาเบธต้องการขยายอาณานิคม (รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ที่เป็นอาณานิคมแห่งแรกของอังกฤษ ก็ตั้งชื่อตามฉายาของพระนาง) นอกจากนี้ ทั้งสองยังลงโทษที่ปรึกษาที่ทรยศอีกด้วย โดยแดเนริสได้เนรเทศเซอร์จอราห์ เพราะมารู้ว่าที่จริงแล้วเขาเป็นสายลับที่ถูกส่งมาสืบเรื่องเธอ ส่วนพระนางเอลิซาเบธได้ประหารชีวิตที่ปรึกษาที่ชื่อรอเบิร์ต เดเวอรู เอิร์ลแห่งเอสเซกซ์ โทษฐานกบฏ
5.โยนออฟอาร์ค / เบรียน ออฟ ทาร์ท
ทั้งสองมีลักษณะคล้ายกันคือ เป็นคนที่มีความจงรักภักดี และรู้วิธีการใช้อาวุธเป็นอย่างดี ในตอนแรก เบรียนจงรักภักดีต่อเรนลีย์ บาราเธียน ต่อมาก็จงรักภักดีต่อแคทเธอรีน สตาร์ก และสุดท้ายคือเจมี แลนนิสเตอร์ ไม่ว่าใครที่เธอจงรักภักดีด้วย เธอก็จะอุทิศตัวให้อย่างเต็มที่ เธอตั้งชื่อให้ดาบของเธอว่า Oathkeeper หรือผู้รักษาคำสัตย์นั่นเอง ส่วนโยนออฟอาร์ค เป็นผู้มีส่วนช่วยให้พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 7 ได้ขึ้นครองบัลลังก์ฝรั่งเศส เธอเป็นผู้นำกองทัพฝรั่งเศสในสงครามร้อยปี และได้รับชัยชนะเหนืออังกฤษหลายครั้ง เธออ้างว่าพระเจ้าเป็นผู้ชี้ทางให้แก่เธอและทำให้เธอมีชัยเหนือศัตรู ทั้งสองล้วนเป็นสตรีสวมชุดเกราะและอารมณ์ร้อน
6.จอฟฟรี่ย์ / คาลิกูลา
จอฟฟรี่ย์มีลักษณะคล้ายกับจักรพรรดิโรมันที่ชื่อ คาลิกูลา นอกจากทั้งสองจะมีทรงผมที่คล้ายกันแล้ว ยังชอบความรุนแรงและชอบดูคนที่กำลังทรมานและเจ็บปวดอีกด้วย และทั้งสองยังเป็นกษัตริย์ที่อยู่ดีกินดี ไม่แยแสประชาชนที่กำลังเดือดร้อน ทั้งสองมีแม่ที่ทะเยอทะยานเหมือนกัน เซอร์ซี่ย์แม่ของจอฟฟรี่ย์วางแผนไว้แล้วว่าวันหนึ่งลูกชายของเธอจะต้องขึ้นเป็นกษัตริย์ ในขณะที่แม่ของคาลิกูลาก็ต่อสู้เพื่อให้ลูกของตัวเองได้ครองบัลลังก์เช่นกัน จุดจบของทั้งสองคล้ายกันก็คือ ถูกสังหารทั้งที่ยังไม่แก่เพราะความร้ายกาจของตัวเองนั่นเอง
7.โรเบิร์ต บาราเธียน / พระเจ้าเฮนรีที่ 8 แห่งอังกฤษ
ทั้งสองรักการล่าสัตว์และเจ้าชู้ โดยโรเบิร์ต บาราเธียน มีนางบำเรอมากมายและมักจะนอกใจเซอร์ซี่ย์ภรรยาอยู่ตลอด
ในขณะที่พระเจ้าเฮนรี่ก็นอกใจพระนางแคเธรินไปมีภรรยาน้อยซึ่งก็คือแอนน์ โบลีน นอกจากนี้ ทั้งสองยังมีรูปร่างอ้วน พุงพลุ้ยเหมือนกันอีกด้วย
หมายเหตุ การเปรียบเทียบตัวละครในที่นี้ เทียบเคียงกับเวอร์ชันซีรีย์ของ HBO เท่านั้น ไม่ใช่การเทียบตามหนังสือโดยตรง
เชื่อว่าแฟนๆ ซีรีย์ Game of Thrones ทางช่อง HBO คงกำลังตั้งตารอคอยซีซั่น 5 อยู่เช่นกัน การศึกษาเรื่องราวแบบนี้
อาจช่วยเพิ่มอรรถรสในการชมได้มากขึ้นเยอะเลย