วอนช่วยหนูน้อยเหยื่อเด็กแว๊นซิ่งชนจนพิการตาบอดสนิท กลายเจ้าชายนิทรา นานกว่า 5 ปี
สุรินทร์-วันนี้(21 ธ.ค.57)ผู้สื่อข่าวได้รับ การร้องทุกข์จาก นางวารี กระแสโสม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 4 บ้านภูมิกันดาร ม.8 ต.เพี้ยราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ ว่า ลูกชายคนสุดท้อง คือ เด็กชายไชยพัฒน์ กระ แสโสม หรือน้อง หงา อายุ 13 ปี พิการตาบอดสนิท และไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย กลายเป็นเจ้าชายนิทรา นานกว่า 5 ปี หลังจากถูกเด็กแว๊นประลองความเร็ว ซิ่งรถ จยย. 4 คันพุ่งชน เมื่อปี 51 ต้องคอยดูแล ป้อนข้าวป้อนน้ำ อย่างใกล้ชิดตลอด 24 ช.ม. จนไม่มีเวลาที่จะออกไปประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัว และมีฐานะยากจน ต้องกู้หนี้ยืมสิน เพื่อซื้ออาหารเหลว นม และผ้าอ้อมสำเสร็จรูป มาเปลี่ยนวันละ 3 เวลา วอนสื่อนำเสนอข่าว เพื่อขอความเมตตาจากผู้ใจบุญช่วยเหลือ
-บ้านหลังดังกล่าว เป็นบ้านไม้ชั้นเดียว ใต้ถุนยกสูง หลังคามุงสังกะสี สภาพเก่า ภายใต้ถุนบ้านพบ เด็กชายไชยพัฒน์ กระแสโสม หรือน้อง หงา นอนอยู่ภายในมุ้ง สีชมพู่ ขนาดใหญ่ สภาพเก่า มีนายวิชาญ กระแสโสม อายุ 51 ปี และนางวารี กระแสโสม อายุ 45 ปี ผู้เป็นพ่อแม่ ดูแลอย่างใกล้ชิด ต่างช่วยกันต้มข้าวต้ม และนำมาบดจนเหลวผสมอาหารเสริม เพื่อป้อนใช้เวลากว่า 1 ช.ม. และต้มน้ำร้อนเพื่ออาบน้ำและเช็ดตัวให้ลูกชายผู้พิการ
- นางวารี กระแสโสม กล่าวว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.2551 ญาติที่ ต.ตากูก อ.เขวาสินรินทร์ จ.สุรินทร์ ไม่สบาย ตนและสามีได้พาลูกเดินทางไปเยี่ยม พอเวลาประมาณ 15.00 น. น้องหงาได้วิ่งข้ามถนน พอกำลังจะวิ่งกลับมาคืน ได้มีรถจักรยานยนต์ ของเด็กนักเรียนเทคนิค วิ่งแซงกันมาประมาณ 4 คัน บรรดาญาติพี่น้องต่างพากันตะโกนว่า น้องหงาอย่าเพิ่งข้ามมา แต่ห้ามไม่ทัน ปรากฏว่ารถ จยย.วิ่งมาชนจนกระเด็นลอยไปต่อหน้าต่อตา พ่อแม่พี่น้อง กระเด็นตกไปอยู่ในคลองน้ำข้างทางจนหัวแตก ตนได้พาลูกชายไปเย็บทำแผลที่ รพ.สต.ตากูก ประ มาณ 5 เข็ม พอเย็บเสร็จก็พาลูกชายไปหาหมอ ที่ รพ.สุรินทร์ พอไปถึงหมอก็ให้นอนรักษาตัวที่ รพ.สุรินทร์ ตอนนั้นยังไม่ได้เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ เป็นการเอ๊กซ์เรย์ธรรดา นอนรักษา 1 วันกับ 1 คืน
หลังจากนั้นได้ออกจาก รพ.สุรินทร์ อาการก็ไม่ได้รุนแรงอะไร ก็เลยคิดว่าลูกชายคงไม่ได้เป็นอะไรแล้ว พอพักฟื้นได้ประมาณ 2 อาทิตย์ พอไปโรงเรียนอาการของลูกชายเริ่มเป็นมาเรื่อยๆ ที่ละนิดจนถึงอาการหนักคือ ตามองไม่เห็น เวลาไปเรียนจะเดินชนประตู เดินชนเพื่อน เดินชนทุกอย่างที่เขามองไม่เห็น เวลาครูให้การบ้านมาทำก็ทำไม่ได้ มือจับดินสอก็จะล้ม เพราะตามองไม่เห็น ต่อมาวันหลังเห็นลูกชายเดิน ก็ล้มฟุบเลย จนหัวกระแทกกลับพื้น และบ่นว่าปวดขาข้างขวา และปวดแขน ขา อ่อนแรง ก็เลยพาลูกชายไปหาคุณหมอประพันธ์ ที่รพ. สุรินทร์ จึงได้เอ็กซ์เรย์คอมพิวเตอร์ พบว่า มีจุดดำที่สมอง รพ.สุรินทร์ไม่มีเครื่องมือพอต้องทำใบส่งตัวไปรักษาที่ กรุงเทพฯ
-ตนท้อแท้มาก เพราะไม่มีเงินทองมากพอที่จะทำการรักษาลูกชายได้ จึงพากลับมาที่บ้าน เวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน อาการของลุกชายเริ่มทรุดลง จนตามองไม่เห็นเต็มที่แล้ว เดินชนไปทุกที่ต้องจับมือเดิน ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงกลับไปหาคุณหมอ ที่รพ.สุรินทร์ อีกครั้งหนึ่ง เพื่อพาน้องไปรักษาที่ รพ.จุฬา กรุงเทพฯ ซึ่งทางสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จ.สุรินทร์ ได้ช่วยเหลือน้อง 2,000 บาท และโรงเรียนบ้านเพี้ยราม อีก 2,000 บาท
มีที่หนึ่งที่ไม่เคยช่วยเหลือเลยคือ องค์การบริหารส่วนตำบลเพี้ยราม ซึ่งตนบากหน้าไปขอความช่วยเหลือตลอดเวลา ไม่เคยยื่นมือมาช่วย อ้างไม่มีงบประมาณ ได้เพียงเบี้ยคนพิการเดือนละ 500 บาท เท่านั้น
-นายวิชาญ กระแสโสม กล่าวว่า กิจวัตรประจำวัน ตั้งแต่เช้าจะมาช่วยกันออกกำลังกายให้ลูกชาย โดยการเหยียดแขน ขา เพื่อลดอาการเกร็ง ช่วยกันเตรียมต้มข้าว ป้อนข้าวป้อนน้ำ ครั้งละประมาณ 1 ช.ม. กว่าจะเสร็จเพราะต้องกลืนที่ละนิด ที่ละนิด ส่วนแม่ก็จะตื่นตั้งแต่ตี 4 ทุกวันเพื่อมาต้นข้าวต้ม แล้วปล่อยไว้ให้เย็น ตอนนี้ทั้งพ่อแม่ ไม่ได้ออกไปทำงานที่ไหนเลย ต้องคอยมาอยู่ดูแลลูกชายผู้พิการ เมื่อก่อนตนทำนา และแม่เขาขายของ ก็พอได้กินได้ใช้ แต่ตอนนี้ลำบากมาก ต้องดูแลตลอด 24 ช.ม.ถ้าเกิดพลิกคว่ำ จมูกจะกดหมอนช่วยเหลือตัวเองไม่ได้
-นางวารี กระแสโสม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หมอที่ รพ.จุฬา บอกว่า คุณพ่อคุณแม่ต้องทำใจ น้องจะมีอายุอยู่ได้แค่ 15 ปี เขาก็ตาย และทาง รพ.จุฬา ก็ไม่ยาที่รักษาได้อีกแล้ว ตนอยากวิงวอนผ่านสื่อให้สังคมได้ยื่นมือช่วยเหลือลูกชาย เพราะน้องไม่ได้พิการมาแต่กำเนิด แต่เขาได้เกิดมาสมบูรณ์ปกติ ได้เห็นทุกอย่างแล้ว แต่อยู่ๆต้องมากลายมาเป็นคนพิการสิ้นเชิง
ปัจจุบันค่าใช้จ่ายสำหรับตัวลูกชายมีเยอะมาก ต้องใส่ผ้าอ้อมสำเร็จรูป ต้องกินอาหารเสริม และต้องกินนม ซึ่งตนและสามีก็ไม่มีปัญญาหาได้ เพราะไม่มีรายได้ ที่ดินทำมาหากินก็ไม่มี ต้องดูแลน้องตลอด จึงอยากให้ท่านที่มีจิตศรัทธาได้ช่วยเหลือน้องเขาด้วย
-นายวิชาญ กระแสโสม กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ตนขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญทุกท่านที่มองเห็นน้องหงา อย่างให้ช่วยเหลือจนกว่าชีวิตเขาจะจากไปในโลกนี้ พ่อกับแม่จะพยายามดูแลเขาจนถึงวาระสุดท้ายของเขา
- หากผู้ใจบุญต้องการที่จะช่วยเหลือ เด็กชายไชยพัฒน์ กระแสโสม หรือน้อง หงา สามารถนำสิ่งของบริจาคได้ที่บ้านเลขที่ 4 บ้านภูมิกันดาร ม.8 ต.เพี้ยราม อ.เมือง จ.สุรินทร์ หรือสามารถบริจาค เงินผ่านการโอนเข้าบัญชีธนาคาร ไทยพาณิชย์ ชื่อบัญชี นายวิชาญ กระแสโสม เพื่อ ด.ช.ไชยพัฒน์ กระแสโสม เลขที่บัญชี 559-264924-7 สาขาสุรินทร์ หรือโทรศัพท์สอบถาม นายวิชาญ กระแสโสม ที่หมายเลขโทรศัพท์ 098-9463540
** ทิมมี่คิดว่า ถ้าเรามีลูกแล้วรู้ว่า ทุกๆ วันที่พยายามดูแลรักษาพยาบาลนั้น โดยไม่มีวันหาย จิตใจของพ่อแม่จะเป็นอย่างไร ร่วมกันให้กำลังใจครอบครัวนี้นะครับ ถือว่าเป็นของขวัญปีใหม่ **