กินเกาลัดอร่อยได้ประโยชน์
แต่ครั้งโบราณ เกาลัด ได้ชื่อว่าเป็น "ราชาแห่งผลไม้" สาเหตุที่ได้รับขนานนามดังกล่าว คือ
1. ทางด้านการแพทย์ ได้รับการยอมรับจากแพทย์จีนมาแต่ครั้งโบราณกาลว่า เกาลัดสามารถใช้ ในการรักษาโรคไต ได้อย่างมีประสิทธิผล โดยมีคุณสมบัติ ช่วยบำรุงไต ทำให้ไตแข็งแรง โดยแนะนำให้กินวันละ 10 ผล จะช่วยให้สุขภาพแข็งแรง
2. ทางด้านคุณค่าทางอาหารตามแนวทางวิทยาศาสตร์แผนปัจจุบัน ก็พบว่า เกาลัดอุดมไปด้วยสารอาหารต่างๆ ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายดังนี้
สารอาหารที่เป็นองค์ประกอบในเกาลัด(%) |
||||||
ผลไม้ |
แป้ง |
น้ำตาล |
โปรตีน |
ไขมัน |
เส้นใย |
น้ำและอื่นๆ |
เกาลัด |
32.3 |
11.9 |
4.719 |
2.3 |
2.1 |
46.3 |
แสดงปริมาณกรดอะมิโนที่พบในเกาลัด (หมายถึง กรดอะมิโนจำเป็นที่ร่างกายต้องการ)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายงานผลตรวจสอบโดย |
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
1. ศูนย์ควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบอาหารของประเทศจีน(GB/TT5006-1996) 2001.1.25 |
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รายงานผลตรวจสอบโดยศูนย์ควบคุมคุณภาพและการตรวจสอบอาหารของประเทศจีน(GB/T5009-1996) 2001.4.25 |
จากตารางแสดงคุณค่าทางอาหารทั้ง 4 ตารางดังกล่าวข้างต้นเป็นการยืนยันถึงการได้รับสมยานามว่า"ราชาผลไม้" ซึ่งไม่เป็นเพียงแค่ผลไม้ที่มีรสชาติดีเท่านั้น ยังเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารจากธรรมชาติ
โดยปกติแล้ว ร่างกานต้องการกรดอะมิโนจำเป็น 8 ชนิด จากตารางที่ 2 แสดงให้เห็นว่าในเกาลัดมีกรดอะมิโนจำเป็นถึง 7 ชนิด จากตารางที่ 4 แสดงให้เห็นถึงการอุดมไปด้วยวิตามิน B นานาชนิด ซึ่งวิตามินดังกล่าว เป็นองค์ประกอบสำคัญของเอนไซม์ ซึ่งมีบทบาทสำคัญ ในการทำให้การทำงาน ต่างๆในร่างกาย ดำเนินด้วยความปกติ ซึ่งในรางกายมีเอนไซม์ 80 ชนิด ดังนั้น การทำให้ร่างกายทำงานให้เป็นปกติ จึงต้องรักษาระดับวิตามินดังกล่าวให้เพียงพอ
นอกจากนี้ยังมีวิตามิน C และวิตามิน E ซึ่งช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกัน โดยมีสารแอนติออกซิแดนซ์ รวมไปถึงวิตามิน A (Beta- Carotene)
จากหนังสืออาหารและสุขภาพ ได้ระบุว่าเภสัชกรชาวญี่ปุ่นได้ ระบุเกาลัดทำให้ร่างกายแข็งแรงอายุยืน เสริมกำลังให้กับเอวและขา ในขณะเดียวกัน ช่วยรักษาระดับอุณหภูมิ ในร่างกาย อีกทียังทำให้ระบบอวัยวะภายในเป็นปกติ เกาลัดยังเป็นอาหารบำรุงสมองและบำรุงร่างกายที่คนเราต้องการ
สรรพคุณ
• เกาลัดมีฤทธิ์อุ่น รสหวาน มีสรรพคุณบำรุงร่างกาย บำรุงไต กล้ามเนื้อ ม้าม และกระเพาะอาหาร บำรุงลม แก้ร่างกายอ่อนแอ
• แก้ไอ ละลายเสมหะ แก้อาเจียน คลื่นไส้ ท้องเดิน
• ห้ามเลือด ช่วยการไหล เวียนเลือด
• แก้อาการถ่ายเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล
• แก้วัณโรคที่ต่อมน้ำเหลืองที่คอโต และอาเจียนเป็นเลือด
วิธีใช้
• ต้มเกาลัด 500 กรัมกับน้ำตาลทราย 180 กรัม จนเปื่อยนิ่ม แล้วนำมายีและกดด้วยแม่พิมพ์ กินเป็นขนมหรือของว่างสำหรับเด็กที่มีกระดูกและกล้ามเนื้ออ่อนแอ และยังเหมาะกับผู้ป่วยหรือผู้ที่ร่างกายไม่แข็งแรงอีกด้วย
• กินเกาลัดแห้ง 7 เมล็ดต่อวัน กับโจ๊กไตหมู ช่วยบรรเทาอาการปวดหลังและปวดเท้าได้ หรือกินเกาลัดดิบ แก้คออักเสบ
• เผาเปลือกเกาลัดแล้วนำมาบดเป็นผงให้ได้ 6 กรัม ผสมกับน้ำผึ้ง 30 กรัม กินรักษาริดสีดวงทวาร
• ต้มเกาลัด 60 กรัมกับพุทราจีนแห้ง 4 ผล และหมูเนื้อแดง กินบำบัดอาการหอบหืดหรือไอ
ข้อควรระวัง
• ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร เช่น ท้องอืดบ่อย ๆ อาหารไม่ย่อย ไม่ควรกิน
• ผู้ที่เป็นโรคไขข้ออักเสบ ร้อนใน ตาบวม ห้ามกิน