ประสบการณ์เปลี่ยนชีวิตกะเทย!! พ่อแม่กระทืบ+เพื่อนล้อ+ศัลยกรรม
**ก่อนอื่นต้องขออกตัวก่อนเลยว่าพิมพ์ไม่ค่อยเก่ง อาจมีการใช้ศัพท์ที่ผิดไปจากหลักภาษาไทยบ้างได้โปรดให้อภัย กระทู้นี้ไม่ได้มีเจตนาอวดว่าตัวเองสวยหรืออะไรเพราะรู้ตัวเองดีว่าเหง้าหน้าเดิมเป็นอย่างไรแล้วก็ยังไม่สวยด้วย อยากให้เป็นประสบการณ์ กำลังใจเท่านั้น**
สวัสดีค่ะชื่อเกรซนะค่ะ เป็นกะเทยนี่แหละค่ะ เอาง่ายๆตรงๆ
เริ่มเรื่องจากเท่าที่จำความได้ ตนเองได้มีความรู้สึกที่ว่าเราไม่ใช่ ผช มาตั้งแต่ อนุบาล2 เราเริ่มเบี่ยงเบนทางเพศ เริ่มหาริบบิ้นมาพันหัว(มโนว่าผมยาวเดาว่ากระเทยลูกเจี๊ยบเป็นหมด) เราชอบไปที่ทำงานแม่ มากกว่า เพราะที่ทำงานแม่มีแต่ ผญ เรียบร้อย สุภาพ ส่วนโรงงานของคุณพ่อ นั้นเป็นโรงงานทำถุงซึ่งมีแต่คนงานโวยวาย ใช้คำพูดไม่เพราะเราเลยไม่ชอบ ซึ่งทั้งพ่อแม่เป็นคนจีนทั้งคู่เลย แต่ด้วยการที่เป็นลูกคนจีนทำให้พ่อแม่เราไม่อยากให้เราเป็นกระเทย ทั้งพ่อและแม่ได้ทำทุกวิถีทาง ย้ำ!! ทุกวิถีทาง
ต่อจากนี้ขอแบ่งเป็นพาทนะค่ะ ประถม มัธยมต้น มัธยมปลาย มหาวิทยาลัย
**ประถม**
ตอนประถม เราทั้งโดนตี โดนสายไฟอ่ะค่ะตีเลย จนหลังไหม้ แสบไปหมด ทั้งกระทืบ ตี ทั้งพาไปหาจิตแพทย์ ทานยา(ตอนเด็กสมาธิสั้นด้วย) เราแค่เผลอเดินบิดตูดนิดเดียว โดนถีบล้มเลย อีกทั้งยังให้คุณครูประจำชั้น คอยดูพฤติกรรม ตอนอยู่ โรงเรียน แล้วคอยแจ้งพ่อแม่ตลอด โดยเมื่อถึงวันประชุมผู้ปกครอง จะเป็นวันที่เรากลับบ้านไปจะต้องเจ็บตัวเกือบทุกครั้ง ทั้งเป็นกระเทย โดนครูฟ้อมมาโดนกระทืบละ ทั้งเรียนไม่ค่อยเก่งโดนอีก หลายๆอย่างรวมกัน
บางคนสงสัยแล้วทนรับความกดดันนี้ได้ยังไง คือตอนเราอยู่ โรงเรียน เราเล่นกับเพื่อนที่เป็นกระเทยด้วยกัน แปลงร่าเป็นเซร่ามูน บ้าง อะไรบ้าง แต่พออยู่กับพ่อแม่เราก็ต้องแอ๊บเป็น ผช เป็นแบบนี้มาตลอดใช้คำเดียวค่ะอดทน แต่สมัยก่อนมันจะมีพวก ลูกข่างเบเบลต เหรียญโปเกม่อน ไพ่ยูกิ เราก็เล่นนะ เพราะเรียน รร ชายล้วนเดี๋ยวจะไม่มีอะไรเล่นกับเพื่อน ซึ่งสมัยตอนประถมเนี่ยเรารู้ละว่าเราเป็นแน่นอนเรารู้ละว่าเราใช่ เราเริ่มส่งลูกอมฮาทบีทให้ ผช (ด้วยความเป็นกระเทยลูกเจี๊ยบ) เข้าชมรมศิลปะ ผ้าบาติก เย็บปักถักร้อยที่ รร สอนเราเก่งความเพื่อนๆ ด้วยกันเกือบหมด แต่พ่อแม่ก็ยังรับไม่ได้อยู่ดี จนส่งเราเข้าเล่นกีฬาแบดมินตัน เล่นจนเป็นอาชีพ ถ้าจำไม่ผิดเล่นตั้งแต่ตอน ป.3 โดยเข้าเรียนที่โรงเรียนแบดมินตันเดียวกับน้องเมย์ รัชนกนี่แหละ ตอนนั้นนางยังเด็กๆอยู่เลยแต่นางเก่งตั้งแต่เด็ก (นอกเรื่องละ)เราก็ฝึกมาตลอด ฝึกแบบเด็ก ผช วิ่งมากกว่า ทำทุกอย่างมากกว่า จนเราได้เป็นตัวแทน รร แข่งกรมพละได้รางวัลบ้างไม่ได้บ้าง
แต่ตอนนั้นเรายังไม่ได้รักสวยรักงามอะไรเลย ไม่รู้เรื่องกล้ามเนื้อ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำให้ตัวใหญ่ โครงสร้าง ผช มาก กินนมทุกวันวันละ4แก้ว ตอนประถมเป็นอะไรที่กดดันสุดๆ ซ้อมแบดเราออกตุ้งติ้งไม่ได้ กรีดไม้กรีดมือ เห็นปุ๊ปโดนไม้เคาะมือ วันไหนตีไม่ดีโดนด่า โดนกลับมากระทืบบ้าง เลิกดึก นอนดึก การบ้านเยอะ เดินตุ้งติ้งไม่ได้ อยู่ รร ก็โดนฟ้อง
อย่างที่เล่าตอนต้นว่าเราสมาธิสั้น กินยาแก้สมาธิสั้นทำให้กดประสาทปวดหัวไปหมด เบลอถึงขั้นออกเอ๋อ เลยแหละ แต่เราก็ทนเพราะเรายังเด็กจะพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะพูดก็โดนกระทืบ ถามเคยพูดมั้ย เคยหมดความอดทนมั้ยที่จะแอ๊บ ตอบเลย เคยค่ะเคยพูดเลยไม่จบประโยคโดนกระทืบต่อ ตอนกระทืบพ่อแม่ชอบถามว่าจะเป็นอีกมั้ยตุ๊ดอะ!! จะเป็นมั้ย!! จะเลิกได้มั้ย!! เราก็บอกเลิกแล้ว ไม่เป็นแล้ว ไม่เอาแล้ว กลัวแล้ว!! เจ็บ!!
จุดพีคมันอยู่ตรงนี้ด้วยความที่เราเริ่มเข้าวัยรุ่นเริ่มมีความรัก คือเราแอบชอบ ผช คนนึง อยู่รร เดียวกันนี่แหละ รร เดิมไม่ได้ย้าย เราชอบเค้ามากกกก คือตอนนั้นเค้าเป็น ผช ที่เหมือนเดือน รร อ่ะ คือแบบ ใครเห็นก็กรี๊ด ซึ่งสมัยก่อนเนี่ย Hi5 ดังมาก ใครๆก็เล่น เวลาเค้าเอาเพลงอะไรขึ้น เราเอาขึ้นตาม เค้าอัฟรูปอะไรเรา save หมด แล้วเอามาลงในHI5 ตัวเองด้วยค่ะ(เหมือนประกาศว่าคนนี้ชั้นจอง โรคจิตมากตอนนั้นพุ่งสุดพลัง) จนเพื่อนมันมารุมด่า นี่จึงเริ่มเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง มันด่าเราว่า เราหน้าปลวดมาก หยั่งกับสุนัขกินแฟ๊บ หัวหินบ้าง สโตนเฮ็นท์บ้าง ยังมาสาระแนชอบเพื่อนมันอีก ทำให้เพื่อนมันอาย ไม่เจียมตัว เจียมหนังหน้า เราแค้นมาก
และการเรียน ม.ปลาย เนี่ยก็ต้องมีการเรียน รด. ถูกมั้ยค่ะ ซึ่งพ่อแม่บังคับเราให้เราเรียน บังคับวิดพื้น บังคับวิ่ง มีวันนึงอย่างที่บอกคือพ่อเราไปรับส่งตลอดอาจารย์ทหารมาช่วยฝึกที่ รร เค้าก็ให้เราวิดพื้นทีละคนอะไรงี้ พ่อเราก็นั่งดูอยู่ คือด้วยความที่เราเป็นตุ๊ดเวลาอยู่กะเพื่อน และเป็น ผช เวลาอยู่กะพ่อแม่ เราเกร็งมากจะแอ๊บยังไงก็ทำไม่ถูก คือเราหน้าเสียมากตรงที่เราแอ๊บวิดพื้นไม่ได้แล้วพ่อเราเดินมาชี้หน้าต่อหน้าทุกคน ประมาณว่ามุงต้องทำให้ได้นะ แล้ว ผช ที่เราชอบ ก็อยู่ คือแบบตอนนี้เราแทบจะร้องไห้ แต่จนสุดท้ายเราติด รด. ตัวจริง เป็นกระเทยเพียงไม่กี่คนที่ทำได้ ภูมิใจนะเอาจริงๆ จากนั้นเราเริ่มแต่งหน้า แต่ตอนนั้นใส่แว่นอยู่นะใส่มาตั้งแต่ ม.2 คือเช้ามาถึง รร พ้นสายตาพ่อ เรากางเครื่องสำอางเลย แต่งหน้า แต่งตอนเข้าแถวบ้าง เริ่มจากโบกแป้งกับทาลิปมัน พอจะกลับบ้านล้างหน้า แต่สุดท้ายพ่อแม่ก็จับได้อยู่ดีเราก็ไม่สนใจเรา เท คือเราก็แต่งลบ แต่งลบ นี่แหละ จนกระทั่ง เข้า ม.5 ปมด้อยที่ถูกล้อ ที่ถูกด่ามันยังตรึงใจอยู่ เราส่องกระจกแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่อ่ะ อยากขาว ไม่อยากมีสิว ไม่อยากอ้วน เราเริ่มด้วยการเลิกใส่แว่นหันมาใส่ Big eye กินยาคุม กินวิตามินผิวขาวต่างๆ จนกระทั่งเริ่มฉีดฮอร์โมน จากที่เค้าไม่เคยมองเราเลยก็มีมองบ้างแต่ไม่ได้มโนว่าเค้าชอบนะ เพราะเราเจียมตัวว่าหน้าเรามันไม่ใช่อ่ะ แต่ก็ยังไม่หยุดที่อยากจะสวย
แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้เปลี่ยนชีวิตคือเพื่อนคนนึงเค้ามาขอนอนที่บ้าน(ตุ๊ดด้วยกันนี่แหละ)คือเค้ามีปัญหาคือพ่อแม่รับไม่ได้ หนีออกจากบ้าน เลยมาขอนอนบ้านเรา คือทำให้พ่อแม่เราอ่ะเริ่มกลัวว่าเราจะหนีออกจากบ้านบ้างหละ ใจแตก บ้างหละ จนเค้าเริ่มยอมรับได้ ต้องขอบคุณเพื่อนคนนี้จริงๆ ที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนไป ทำให้พ่อแม่รับได้มากขึ้น แต่ก็เหมือนกับได้คืบจะเอาศอก คือเราเริ่มแต่งหน้าออกจากบ้าน นั่นนี่ แต่เรื่องความรักก็ไม่รุ่งค่ะดับ!! แต่เราไม่ท้อนะแอบชอบมาตั้งหลายปี
ถามว่าพ่อแม่รู้มั้ยว่า ชอบ ผช คนนี้ รู้ค๊า ชอบจนเข้ามหาลัยอ่า แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะอย่างที่บอกเค้าเริ่มรับเราได้แล้ว การดุด่าการตีก็ไม่มีอีกแล้ว เราก็ยังตั้งใจเรียน ตั้งใจทำสวยต่อไป จนเราสอบตรงติด ที่มหาลัยดังแถวประชาอุทิต
**มหาวิทยาลัย**
ชีวิตมหาลัยเป็นเหมือนตัวตลกคือเรา ผมสั้น ด้วยความที่เราเป็นกระเทยหัวโปกคือ แรงอ่ะว่าง่ายๆ แรงมาแต่ไหนแต่ไร แต่พ่อแม่ก็รับได้ เราได้เจอเพื่อนคนนึงเป็นกระเทยคือนางสวยมากนางทำจมูก ทำศัลยกรรม คือชีวิตที่รู้จักคำว่าศัลยกรรมก็เพราะนางนี่แหละ แล้วนางก็ถามว่าเราอะเป็นอะไร เราบอกเราเป็นตุ๊ด แต่นางบอกไม่ใช่เธอคือเก้ง เพราะเธอแต่งชาย ผม สั้น เรารู้สึกว่า เห้ยไม่ใช่อะ เราไม่ได้เป็นเก้ง เราเป็นตุ๊ด เราเลยเริ่มไว้ผม มาเรื่อยๆ จนกระทั่งผมยาวพอถักเปียได้ก็ถักมันทุกวัน
จากนั้นก็เริ่มที่จะแต่งหญิง แต่พ่อแม่ไม่ให้ค่ะ ด้วยความรั้น เราลงทุนคือซื้อชุด นศ หญิง ทิ้งไว้ที่หอใน จ้างเค้าซักรีดใต้หอเลย คือเช้าไปเปลี่ยนเป็น นศ หญิง เย็นแต่ง นศ ชายกลับบ้าน เป้นแบบนี้เกือบปี แต่พ่อแม่ทราบตลอดนะค่ะว่าเราเปลี่ยนไปเปลี่ยนกลับ แต่เค้าเหมือนยังรับไม่ได้ที่จะเห็นเราแต่งหญิง จนวันนึงเล่นกับเพื่อนแล้วตูดกางเกงขาด จากหูเข็มขัดยาวลงมาถึงเป้า เราเลยโทรไปบอกแม่ว่าขอแต่งหญิงกลับนะเพราะมันขาดเยอะนางไม่ยอม ยังไงก็ไม่ให้ อย่างแต่งกลับมาให้เห็นนะ แต่ด้วยความรั้นของเรา เราอายที่จะใส่กางเกงขาดขึ้นรถกลับบ้าน เราเลยใส่ นศ หญิง กลับบ้านเลยจ๊ะ
สรุปถึงบ้านไม่มีใครพูดกับเราเลย 3-4 วัน แต่เราก็เชิด คิดว่าสักวันเค้าต้องรับได้ ผ่านมาขนาดนี้ละ ไม่ทนมันละ แต่งมันออกจากบ้านด้วยนี่แหละ ถึงขัดใจนางก็ไม่สนใจละ ชีวิตไม่ไหวจริงๆที่จะแต่งชาย พอเริ่มได้แต่งหญิงแล้วรู้สึกร่างมันไม่ได้อ่ะ มันอ้วนไป ลดความอ้วนค่ะ จากตอนนั้นหนัก 67 สูง 178 ลดไปลดมา ทั้งเดินลู่ เข้าฟิตเนส ทั้งลดอาหาร อดอาหารบ้าง จนลงไปได้ 10 กิโลกรัม+- 2 ไม่เกินนี้
ซ้ายปี 1 ขวาปี 2
พอร่างเราเริ่มได้จากนั้นเราก็เริ่มที่จะคิดละว่าเห้ยตามันชั้นเดียวอะ ติดสติ๊กเกอร์ กาว ทุกอย่าง จนเอาไม่อยู่ พอปิดเทอมก็จัดไปค่ะ เย็บตา บอกแม่เลยว่าแม่มันไม่ได้แต่งทุกวันตื่นตี 5.30 แต่งหน้า1 ชม -1.30 ชม(ใครติดตา 2 ชั้นแรกๆจะรู้ว่ากว่าจะเล็งได้ กว่ากาวจะแห้ง บลาๆ มันนาน) ทุกวันมันไม่ได้เพลีย ขอไปเย็บตาละ ก็จัดไปค่ะ ไปทำตามเพื่อนกระเทยที่เล่าไว้ข้างต้นนี้แหละ โดนไปเกือบ2หมื่นเก็บเงินเองนะค่ะไม่ได้ขอพ่อแม่ทำงานพิเศษ แต่สู้ตายจนเก็บได้ครบ ตอนทำเจ็บ ทำไปน้ำตาไหลไป กลิ่นเลเซอร์ไหม้เนื้อเราเอย ยาชาเริ่มหมดเอย แต่ทนค่ะ สุดท้ายผ่านมาได้ สรุปตาไม่เท่ากัน ถามว่าคิดจะแก้มั้ย แน่นอน!!แต่มันก็ไม่ได้น่าเกลียดอะไรนะ พอดูได้ เราไม่ได้หวังผล อะไร 100% ได้สัก 70-80 %ก็พอละ
จากนั้นพอเข้าปี 2 เราก็เริ่มเก็บเงินเองไปเรื่อยๆทำงานพิเศษอีก ทำทุกอย่างใครจ้างอะไรทำหมด จนได้เงินมาก้อนหนึ่ง ประมาณ 3 หมื่นเก็บอยู่ 1 ปี เราก็เริ่มหาที่ทำจมูกละเพราะจมูกเราโด่งแต่มันมีกระดูกอยู่ตรงกลาง มันเป็นทรง ผช มันไม่สโลปนี เราเลยตัดสินใจทำค่ะตอนแรกหมอคิด 1 แสนกว่าบาทด้วยความที่เราอยากทำแต่ไม่มีเงินเลยคุยกับหมออีกทีว่าตะไบออกนิดนึงได้มั้ยงั้นงี้หมอโอเคตกลงกันที่ 3 หมื่นกว่าบาท อันนี้คุณแม่ช่วยออกด้วย ตอนทำเจ็บตอนทุบกระดูกออก เจ็บมาก น้ำตาไหลเลยขนาดมียาชา เหมือนเดิม ทั้งกลิ่นไหม้ของเลเซอร์ ต่างๆ มันบวมกว่าตอนทำตาอีก หน้าเป็นสิงโตนาเนียร์เลย ผ่านไปได้ด้วยดีค่ะผลออกมา 90% หลังจากนั้น 6 เดือนก็เสริมหน้าอกค่ะ หมอที่ใครๆก็รู้จัก 4 หมื่น5 อันนี้ด้วยความทะเยอทะยาน เพื่อนสมัยมัธยมนางบอกจะเสริมกัน เราเป็นโรคจิต ยอมไม่ได้ เราเลยรีบตัดหน้าไปทำก่อนนางเลยหลังจากทำจมูกได้6เดือน ตอนทำเจ็บมาก คนอื่นสลบเราก็สลบแต่ตื่นมาระหว่างยัดซิลิโคน ระหว่างเซาะโพรง โอ้โห้สุดบรรยายหมอก็อัดยาสลบไปอีก 2 รอบได้ เจ็บที่สุดตั้งแต่ที่ทำมาเลย ลุกขึ้นไม่ได้อวกตลอด คนอื่นผ่าเส็ด 2 ชม กลับได้ เรา 6 ชมถึงกลับได้แต่หมอน่ารักไม่ไล่คนไข้เลย เจ็บอยู่ 3วัน เท่านั้นแหละ หลังจาก 3 วันสบาย ต่อจากนั้นผ่านมาอีก 3 เดือน จมูกเริ่มบางกลับไปหาหมอเดิม แก้ใหม่ ตะไบสุดพลังแกนจมูกเล็กจิ้มลิ้มมาก เรื่องจมูกต้องยกให้หมอคนนี้จริงๆ แต่เจ็บกว่ารอบแรกนะ ตะไบจนปวดหัวอ่ะ แต่สู้นะค่ะ หลังจากเสร็จ ก็มีอาการปลายแดง เหมือนอักเสบติดเชื้อ หายบวมช้า จนหมอให้ยาทางเส้นเลือด 14 วัน ตอนนี้ดีขึ้นมาก 90% ละเหลือแดงนิดเดียว หมอรับผิดชอบดีมากๆ คอยดูแลไม่ห่างเลย คิดไม่ผิดจริงๆที่ทำที่นี่
หลังจากนี้คิดจะทำอีกมั้ย ทำค่ะ อยากทำ V-line ใส่หน้าผาก แปลงเพศ แต่จะเลือกที่มีมาตรฐานถามกลัวมั้ยบอกเลยไม่กลัว เพราะสิ่งที่กลัวคือการโดนล้อโดนด่าเหมือนตอนที่ผ่านมา มันคือ ปมด้อยที่อยากจะลบ ตอนนี้ มีความสุขมากไม่คิดจะมีความรักเลยเพราะทั้งพ่อและแม่เติมเต็มในส่วนนี้หมดทั้งกายทั้งใจ
เราชอบเงินมากกว่า ผช ชอบที่จะเรียน ชอบที่จะทำงาน เราเป็นโรคจิตคือเห็นอะไรเป็นเงินไม่ได้ทำหมด
สุดท้ายแล้ว ต้องขอขอบคุณพ่อแม่มากที่รับได้เข้าใจลูกคนนี้ถึงลูกจะขัดใจบ้างแต่ก็ตั้งใจเรียนตั้งใจหาเงินทดแทนทำในสิ่งที่ไม่สามารถทำให้พ่อแม่ได้ และท้ายสุดขอบคุณคนที่เคยด่าเคยดูถูกมันเป็นแรงผลักดันให้เราไม่ได้มั่นหน้าเรารู้ดีว่าหน้าเราปลอม รากหน้าเราไม่ได้ดีอะไรเลย ไม่เคยคิดจะไปดูถูกคนอื่นเพราะเราโดนมาเรารู้ถึงความแค้น ความกดดันต่างๆ
ขอให้กระทู้นี้เป็นกำลังใจสำหรับคนท้อนะเพราะเราผ่านศึกมาเกือบหมด ทั้งพ่อแม่ เพื่อน เจ็บตัวทุกอย่าง กว่าจะมีวันนี้ มันทรมานมากทั้งกายทั้งใจ แต่ชีวิตมันยังไม่จบก็ต้องทำต่อไป ตัวอักษรเต็มพอดี ขอบคุณที่อ่านมานี้ค่ะ