ใกล้จะถึงวันประเพณีกินเจแล้ว ในพุทธบัญญัติมีหรือไม่!!
การกินเจ พระศาสดาไม่เคยตรัสถึง จึงไม่มีอานิสงส์ใดๆ จากการกิน
แต่พระศาสดาตรัสว่า ผู้มีจิตไม่ประทุษร้ายซึ่งสัตว์มีชีวิตแม้ชนิดหนึ่ง
เจริญเมตตาอยู่ไซร้ ผู้นั้นย่อมชื่อว่าเป็นผู้มีกุศล
บุคคลผู้มีใจอนุเคราะห์ซึ่งสัตว์มีชีวิตทุกหมู่เหล่า
ย่อมไม่ฆ่าเอง ไม่ใช้ให้ผู้อื่นฆ่า ...
เวรของผู้นั้นย่อมไม่มี ย่อมกระทำซึ่งบุญเป็นอันมาก
หากบุคคลกินเจแล้วยังล่วงชีวิตสัตว์ให้ตกตายไปอยู่
(ยังตบยุง ยังบี้มด ยังฆ่าปลวก ยังพอใจกับการตายของสัตว์)
ย่อมไม่ประสบกับความสุข ย่อมเป็นผู้มีเวร และย่อมกระทำซึ่งอบุญเป็นอันมาก
บุคคลผู้กินเจ หากจะกินก็สามารถกินได้ ไม่ได้ผิดอะไรต่อพุทธวจน
แต่หากจะกล่าวการกินเจนั้นได้บุญเพราะละการกินเนื้อสัตว์นั้น และยังตำหนิคนที่กินเนื้อสัตว์อยู่
ย่อมกล่าวไม่ถูกธรรมวินัยตามที่พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้เป็นสัพพัญญูแทงตลอดด้วยธาตุเป็นอเนก ได้กล่าวไว้
ผู้กินเจที่ยังพอใจในการตายของสัตว์ในโลกนี้ก็ยังคงปรากฏอยู่
ผู้ไม่กินเจก็ยังมีความพอใจในการล่วงชีวิตสัตว์ในโลกนี้ก็ยังปรากฏอยู่
แต่ผู้มีสัมมากัมมันตะ คือ เว้นขาดจากปาณาติบาต
คือการฆ่าสัตว์ วางท่อนไม้และศัสตราเสียแล้ว มีความละอาย ถึงความเอ็นดูกรุณา
หวังประโยชน์เกื้อกูลในบรรดาสัตว์ทั้งหลายอยู่ นี้คือผู้มีปัญญา พึงรู้ว่าเป็น "บัณฑิต"
ย้อนไปในพุทธกาล ตอนนั้นที่พระเทวทัตได้กราบทูลขอพุทธองค์ให้ ภิกษุ อยู่แต่ในป่า ห้ามฉันเนื้อสัตว์ เคร่งครัดจนเกินไปพุทธองค์จึงไม่อนุญาติและทรงบัญญัติว่าเราอนุญาติให้กินเนื้อสัตว์ได้ ยกเว้นเราได้เห็นได้ยินเสียงการฆ่านอกนั้นกินได้ และเว้นเนื้อสัตว์สิบชนิด เท่านั้นเอง
กินแต่เจ แล้วไม่ถือศีล ผลที่ได้ก็คือ การบกพร่องในศีล...
ถือศีล กินเจ แล้วไม่ฝึกจิต ผลที่ได้ก็คือ ได้แค่สวรรค์แต่จิตไม่หลุดพ้น
ดังนั้นเทศกาลกินเจที่ควรปฏิบัติคือ
ถือศีล กินเจ นั่งสมาธิ นี่คือกองกุศลในเวลา 9 วันนี้ครับ
ให้รู้ไว้ครับว่าไม่มีในพุทธบัญญัติใครจะกินไม่กินก็ได้ อย่าไปคิดว่าตัวเองไม่กินแล้วบาป คนกินอย่าไปคิดว่าคนไม่กินเป้นคนบาป เพราะถ้ากินแล้วแต่จิตยังไม่ได้รับการฝึก ก็เท่านั้น