ปิดฉากมหากาพย์รถเมล์เอ็นจีวี ต้นปีมกราคม 2558 คนไทยจะได้ใช้รถเมล์ใหม่ล็อตแรก
ประชาชนผู้มีรายได้น้อย ที่ต้องอาศัยรถเมล์สาธารณะในการเดินทางกับชีวิตประจำวัน คงจะได้ยิ้มออกกันบ้าง หลังจากคณะกรรมการบอร์ด ขสมก.ได้เห็นชอบให้จัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศและรถโดยสารธรรมดาที่ใช้ก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) 3,183 คัน ตามที่นำเสนอคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และได้รับอนุมัติให้ดำเนินการแล้วนั้น โดยแบ่งเป็น 2 ระยะดังนี้คือ ระยะเร่งด่วนจะมีการจัดซื้อจำนวน 489 คัน
ในส่วนระยะที่ 2 นั้นจะจัดซื้อในส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยส่งมอบล็อตละประมาณ 300 คันจนครบ ซึ่งล็อตแรกนี้จะเป็นรถประกอบเสร็จพร้อมใช้งาน รูปแบบรถปรับอากาศยูโร 3 (รถเมล์ชานต่ำ หรือ lowfloor) จำนวน 30 ที่นั่ง ยาว 12 เมตร จะต้องเป็นรถที่ใช้แชสซีส์ใหม่เพื่อรถโดยสาร ส่วนสีและโลโกนั้น อยู่ระหว่างการจัดประกวดออกแบบ
ถ้าให้พูดถึงโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี ที่ผ่านมาได้ดำเนินการมาแล้วหลายรัฐบาลก็ไม่สำเร็จ มักมีประเด็นปัญหาให้ถกเถียงกันอย่างมาก และต่างก็หวั่นวิตก ทั้งในเรื่องของความขัดแย้งทางการเมือง และข้อครหาเรื่องความไม่โปร่งใสของการดำเนินการ โดยเฉพาะการล็อกสเปก เพื่อเอื้อพวกพ้อง ทำให้โครงการดังกล่าวถูกรื้อแล้วรื้ออีกมาโดยตลอด จนไม่สามารถดำเนินการได้ แม้ว่าจะมีการยืนยันว่ามีการตรวจสอบความโปร่งใสในโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวีมาโดยตลอดก็ตาม โครงการก็ยังหยุดนิ่งไม่ขยับไปไหน
จนกระทั่งหลังจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.เข้ามาบริหารประเทศ ก็ได้เร่งรัดดำเนินการโครงการขนาดใหญ่ที่มีความจำเป็นและมีประโยชน์แก่ประชาชน 1 ในนั้น คือโครงการจัดหารถเมล์เอ็นจีวี โดยได้ตั้งคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ หรือ คตร. ที่มี พล.ท.อนันตพร กาญจนรัตน์ ปลัดบัญชีทหารบก เป็นประธานเพื่อตรวจสอบความโปร่งใส
ซึ่งที่ผ่านมา คตร.ได้เข้าตรวจสอบสัญญาการจัดซื้อรถเมล์เพื่อความโปร่งใส และความคุ้มค่าของโครงการก่อนเสนอต่อ คสช. และยังพบว่าปัจจุบัน ขสมก. มีรถเมล์ 3,500 คัน แต่ใช้ได้จริง 2,000 กว่าคัน และส่วนใหญ่ใช้งานมานานกว่า 20 ปีแล้ว ซึ่งภายหลังเมื่อได้ตรวจสอบรายละเอียดโครงการแล้ว "คสช.เห็นชอบให้เดินหน้าโครงการการจัดซื้อทันที โดยจะต้องเสนอให้ต่ำกว่าราคากลางที่กำหนดไว้ คือ รถโดยสารปรับอากาศ 4.5 ล้านบาท ส่วนรถโดยสารธรรมดา 3.8 ล้านบาท พร้อมสั่งการภายในเดือนตุลาคม 2557 นี้ หลังมีการซื้อล็อตแรก แล้วภายในเดือนมกราคม 2558 ต้องส่งมอบได้ล็อตแรก ส่วนที่เหลือทั้งหมดให้ทยอยส่งมอบเดือนละประมาณ 300 คันจนครบกำหนด โดยเริ่มตั้งแต่เดือนเมษายน 2558 เป็นต้นไป
สำหรับโครงการจัดหารถเมล์นี้มีทั้งสิ้น 3,183 คัน วงเงินทั้งสิ้นกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วยรถโดยสารปรับอากาศ 1,524 คัน รถโดยสารธรรมดา 1,659 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างประกาศร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) บนเว็บไซต์ครั้งที่ 11 หากไม่มีการคัดค้านก็จะเปิดขายซองเอกสารประกวดราคาในต้นเดือนกันยายน 2557 และจะเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาให้ได้ในเดือนตุลาคมนี้
จะเห็นได้ว่าทุกขั้นตอนเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาทันที ส่วนการประมูลก่อสร้างอู่จอดรถจำนวน 11 อู่ ขณะนี้ที่ติดตั้งสถานีเติมก๊าซธรรมชาติเอาไว้ด้วยนั้น ซึ่งประมูลไปแล้ว 3 อู่ เหลืออีก 3 อู่สำหรับปีนี้ ส่วนปีหน้าที่ยังค้างอีก 5 อู่นั้นจะเร่งดำเนินการต่อไป โดยกระบวนการในแต่ละขั้นตอนจะมีการรายงานไปยังคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ให้ได้รับทราบ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นนโยบายที่ชัดเจนก็ใจชื้นขึ้นว่าได้ใช้กันแน่ เพราะสภาพรถเมล์ที่วิ่งให้บริการตามท้องถนนในปัจจุบันคงไม่ต้องพูดถึงว่าสภาพอย่างไร แม้ที่ผ่านมาจะมีการจัดระเบียบพนักงานขับรถ หรือกระเป๋ารถเมล์แล้วก็ตาม แต่ที่เห็นกันทุกวี่ทุกวัน ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงนัก อารมณ์ไม่ดีก็มาลงที่ผู้โดยสาร ซิ่งตีนผี ระบายอารมณ์
ดังนั้น แม้ว่าจะมีรถเมล์ใหม่ แต่นิสัยให้บริการแบบเก่าไม่เปลี่ยน ก็จะไม่มีประโยชน์อะไร
ทางที่ดีก็ควรจะปฏิรูปคนไปด้วยควบคู่กันก็น่าจะดีด้วย
เมื่อมาพูดถึงโครงการรถเมล์เอ็นจีวี ก็ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า โครงการนี้จัดเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูซึ่งยังไม่คืบหน้าในขณะนี้ เชื่อว่าหากโครงการนี้ดำเนินการได้เป็นรูปธรรม จะสามารถช่วยลดต้นทุนค่าเชื้อเพลิงได้ถึง 2 ใน 3 ของต้นทุนเชื้อเพลิงของ ขสมก. ส่วนรถที่จะทยอยนำมาใช้งาน ยังเน้นในเส้นทางหลักของแต่ละเขต
รวดเร็วทันใจ คสช.คืนความสุขให้ประชาชนอีก 1 โครงการ หลังจากที่ได้มีการจัดระเบียบรถสาธารณะทุกประเภท ขณะนี้ก็เอาใจใส่ประชาชนที่ต้องอาศัยรถเมล์สาธารณะ หลังจากที่ผ่านมามีรถใช้บริการไม่เพียงพอ รถเก่า เสียกลางคัน ไม่นานเกินรอ ต้นปีมกราคม 2558 พี่น้องประชาชนจะได้ใช้รถเมล์ใหม่ล็อตแรกกันแล้ว.
กัลยา ยืนยง
กระจกไร้เงา ไทยโพสต์
Tuesday, 19 August, 2014