แม่ของฉัน ก็คือพ่อ!
เขาจูงจักรยานไจแอ้นท์คันใหม่เดินอย่างช้าๆ นึกถึงภาพลูกสาวหากได้เห็นรถจักรยานคันใหม่ คงกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเป็นแน่ นึกถึงตรงนี้ เขาก็ยิ้มคนเดียว เขารู้ว่าจักรยานคันนี้มีความหมายกับลูกสาวมาก
เขามักจะคิดว่าลูกสาวเป็นคนโชคร้าย เพราะในยามที่ลูกต้องการแม่มากที่สุด แม่ก็มาด่วนตายจากไป ในตอนนั้น เขาแอบสัญญากับผู้เป็นภรรยาว่า จากวันนี้เป็นต้นไป เขาจะมอบความรักทั้งหมดที่มีให้แก่ลูกสาว ลูกสาวคือสิ่งเดียวอันทรัพย์สมบัติล้ำค่าที่เขามีอยู่ เขาจะเป็นทั้งพ่อและแม่จะไม่ทำให้ลูกสาวรู้สึกขาดซึ่งความรัก
แต่เขาทำงานในโรงงานเล็กๆแห่งหนึ่ง เงินเดือนที่ได้มาแทบจะไม่พอเลี้ยงดูตัวเองและลูกสาว ลูกของคนอื่นมีเสื้อผ้าใหม่สวมใส่ปีละสามสี่ครั้ง แต่ลูกสาวของเขาต้องสวมชุดนักเรียนที่ซักจนซีดมาหลายปีลูกของคนอื่นมีเงินติดมือไปร้องคาราโอเกะ ไปดูหนัง แต่ความบันเทิงที่ลูกสาวของเขามีก็คือการหวีผมเย็บเสื้อผ้าให้ตุ๊กตาที่ซื้อมาหลายปีก่อนเท่านั้นเอง ลูกคนอื่นนั่งรอที่โต๊ะกับข้าว โดยมีแม่เป็นคนทำให้กิน แต่ลูกสาวของเขาต้องเป็นคนรับผิดชอบงานในบ้านทั้งหมดแทนแม่ที่จากไป เพราะอย่างนี้ เขาจึงรู้สึกผิดและสงสารลูกสาวมาก ลูกยังเล็กแต่ต้องมาแบกภาระที่ใหญ่เกินตัว ทุกครั้งที่เห็นลูกลำบาก เขามักจะเอ่ยขอโทษลูกในใจเสมอ!
“ลูกกำพร้าแม่น่าสงสารจริงๆ”
เพื่อนบ้านมักจะพูดเสมอเมื่อพบเจอกับลูกสาวของเขา ทุกครั้งที่ได้ยินประโยคนี้ เหมือนมีเข็มทิ่มแทงลงไปที่ใจเขาทุกครั้ง
“พ่อขอโทษนะลูก”
เขาเคยบอกกับลูกสาวอย่างนี้
“ไม่คะพ่อ สิ่งที่คนอื่นมีหนูไม่เคยขาด แต่สิ่งที่หนูมีคนอื่นกลับไม่มีนะคะ หนูมีพ่อที่ดีที่สุดในโลก”
สิ่งที่ลูกสาวบอกกับเขาวันนั้น คืนนั้นเขานั่งร้องไห้คนเดียว
ถูกแล้ว เขาผิดต่อลูกสาวมาก เพราะเขาเคยสัญญากับภรรยาว่าจะทำให้ลูกสาวเป็นคนมีความสุขที่สุด แต่ความเป็นจริงแล้ว ความสุขอันเป็นพื้นฐานที่ลูกสาวควรได้รับ เขากลับให้ลูกสาวไม่ได้
“หนูจะทำให้พ่อเห็นว่าการมีเสื้อผ้าใหม่ไม่ได้เป็นเรื่องยิ่งใหญ่อะไร”
ครั้งหนึ่งที่ลูกสาวพูดกับเขา และลูกสาวก็ทำได้อย่างที่พูดมา ทุกครั้งที่มีการสอบ ลูกสาวของเขามักจะได้ที่หนึ่งเสมอ เขาจึงรู้สึกภาคภูมิใจในตัวลูกสาวมาก เขาไม่รู้ว่าพ่อแม่บ้านอื่นให้รางวัลกับลูกๆอย่างไร หากลูกของเขาสอบได้ที่หนึ่ง แต่สิ่งที่เขาทำก็คือให้ลูกสาวได้กินอาหารมื้อดีๆสักครั้ง
“พ่อคะ มันไม่จำเป็นสำหรับหนูเลยค่ะพ่อ” ลูกสาวพูดด้วยสายตาเด็ดเดี่ยว
แม้ลูกสาวจะพูดอย่างนี้ แต่เขารู้ดี รถจักรยานคันนี้แหละ ที่มีความหมายต่อลูกสาวมาก
ตอนที่เรียนประถม ลูกบ้านอื่นมีรถรับส่ง สิ่งที่เขาทำได้ก็แค่เดินจูงมือเล็กๆของลูกไปส่งถึงห้องเรียนเท่านั้นเอง ตอนนี้ลูกเรียนมัธยมต้นแล้ว เขาไม่ต้องไปส่งแล้ว แต่โรงเรียนก็ไหลจากบ้านมาก ลูกบ้านอื่นขี่มอเตอร์ไซค์ไปโรงเรียน แต่ลูกสาวของเขา.......
ช่วงหน้าฝน ลูกสาวเดินตัวเปียกโชกกลับบ้านทุกครั้ง เห็นทุกครั้งเขาก็ปวดใจทุกครั้ง มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เพื่อนของลูกมีน้ำใจพาลูกสาวซ้อนจักยานกลับบ้าน แต่โชคร้าย เพราะถนนที่มีแต่โคลนทำให้จักยานหกล้ม ทำให้ทั้งสองคนมีแผลถลอกคนละเล็กน้อย จากนั้นเป็นต้นมา ลูกสาวก็ไม่กล้านั่งจักรยานของเพื่อนอีก กลัวว่าจะทำให้เพื่อนเจ็บตัวเหมือนครั้งที่แล้ว
แม้จะอายุเพียงแค่นี้ ลูกกลับมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีมาก
เขาเคยให้เงินลูกสาวนั่งรถเมล์ไปโรงเรียนวันละ12บาท แต่ลูกสาวกลับน้ำเงินที่เขาให้สะสมไว้จนสามารถซื้อรองเท้าคัทชูแม้จะเป็นรองเท้าธรรมดาคู่หนึ่ง แต่ก็ทำให้เขาจดจำและอยากรักษามันไว้ตลอดชีวิต ลูกสาวรู้ว่าเขาจำเป็นต้องใส่รองเท้าคัทชู ลูกสาวคนนี้เป็นเด็กดีมาก เขาจึงภูมิใจมากเช่นกัน
ผลจากการสอบในครั้งนี้ เขาสังเกตเห็นลูกสาวซึมไปมาก และไม่ยอมบอกผลการสอบให้เขารู้ เขาเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เขาไม่อยากถามลูก กลัวว่าจะทำให้ลูกสะเทือนใจ
เขาตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ในวันเกิดของลูกสาว เขาจะทำให้สิ่งที่คาดหวังไว้เป็นจริงให้ได้
วันนี้ เป็นวันเกิดที่ลูกสาวอายุครบ15ปีบริบูรณ์ เช้านี้ ลูกสาวตั้งใจเอาใบเกรดมาให้เขาดู คะแนนลดลงไปจากครั้งก่อนๆไม่มาก
“ไม่เป็นไรหรอกลูก ลูกจงเชื่อมั่นในตัวเอง” เขาบอกพร้อมกับเช็ดน้ำตาให้ลูก
ต่อให้ลูกสอบไม่ได้ที่หนึ่ง แต่ในใจของเขาลูกเป็นที่หนึ่งเสมอ วันนี้เขาไปเลือกจักรยานที่ร้าน จักรยานรุ่นใหม่มีราคาแพงมาก เขามีเงินไม่พอ เขาจึงเลือกจักยานสีแดงยี่ห้อไจแอ้นท์ เพราะสีแดงคือความหวัง ลูกสาวต้องชอบอย่างแน่นอน
เมื่อกลับถึงบ้าน ลูกสาวทำกับข้าวเสร็จแล้ว
“ลูกรัก มาดูสิ พ่อมีของขวัญวันเกิดมาให้” เขาเข้าไปดึงลูกสาวออกมาจากในครัว
เมื่อเห็นจักรยาน ลูกสาวหยุดยืนตะลึงอยู่กับที่
เมื่อเขาหันไปมอง น้ำตาของลูกสาวหยดแล้วหยดเล่าไหลอาบแก้มไม่ขาดสาย
“ชอบไหม?”เขาถามลูก
“พ่อคะ หนูขอโทษ”
“เด็กโง่เอ้ย อายุสิบห้าแล้วนะ ร้องไห้เป็นเด็กไปได้!”
เขาเอื้อมมือไปลูบผมของลูกสาว จากนั้นก็ใช้มือเช็ดน้ำตาให้ลูก
“ลูกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วนะ” เขาถอนหายใจแล้วพูดออกไป แต่ลูกสาวก็ยังร้องไห้ไม่หยุด
“เป็นอะไรหรือเปล่า ลูกไม่สบายตรงไหนไหม? บอกพ่อสิ!” เขารู้สึกตกใจกับอาการของลูกสาว
ถึงตอนนี้ ลูกสาวของเขาจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองพ่อ และก็บอกพ่อออกไปว่า
“พ่อคะ ที่จริงครั้งนี้หนูก็สอบได้ที่หนึ่งเหมือนทุกครั้งค่ะ! ”
………………..
เด็กน้อยเอ๋ย
เธอคงเคยโทษกล่าวพ่อแม่ใช่ไหม เวลาที่ลูกบ้านอื่นมีคอมพิวเตอร์ใหม่ มีมือถือรุ่นใหม่ แต่เธอไม่มีอะไรสักอย่าง
เธอเคยนึกกลับบ้างไหม เธอเคยให้อะไรกับพ่อแม่บ้าง?
เธอเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่!
เธอเป็นนักเรียนเรียนดีของคุณครู!
เธอเป็นลูกที่ไม่เคยทำให้พ่อแม่เป็นห่วง!
ไม่ว่าเธอจะกำพร้าหรือพ่อแม่ยังอยู่พร้อมหน้า ใกล้วันแม่แล้ว บอกรักคนที่เลี้ยงดูเธอประดุจพ่อแม่สักครั้ง ว่าเธอก็รักเขาเหล่านั้นประดุจพ่อแม่ของเธอเหมือนกัน
นุสนธิ์บุคส์
โพสท์โดย: I sea u