นครเวียงจันท์เป็นเมีองร้างนาน 65 ปี หลังสงครามช่วงปี คส (1828-1893)
** เวียงจันท์เป็นเมีองร้างนาน 65 ปี ช่วงปี คส (1828-1893)**
ก่อนอี่นผมขอแนะนำตัวก่อนนะครับ ผมเป็นคนลาวคนหนึ่ง ที่ต้องกานจะบอกคนไทยในตอนนี้ให้รู้ถึงความโหดร้ายป่าเถี่อนของพวกคุณในเมี่ออดีต ว่าเคยทำอาไรใว้บ้างต่อประเทศเพี่อนบ้านอย่างประเทศลาว ผมและคนลาวทังชาติไม่เคยลีมสิ่งที่พวกคุณทำกับพวกเราไว้ มันเป็นสิ่งที่มนุษเค้าไม่ทำกันหรอกครับ ทุกวันนี้เรายังไม่ลีม และ จะไม่เคยลีม สิ่งที่พวกคุณกะทำต่อพวกเรา บ้านเมีองเรา
อ็อ อีกอย่าง ผมชี่อ เสดถาครับ หรึอ ฮีโร่ คนไทยบางกลุ่มรู้จักผมดีในชี้อ ฮีโร่ โดยเฉพาะเพจ ลาว มองไทย คนพวกนี้ไม่หวังดีต่อประเทศผม ผมรู้ครับ และ ผมก็หวังว่าชักวัน เวรกรรมที่พวกคุณเคยก่อไว้กับพวกผม ชักวันหนึ่งมันจะย้อนกลับมาสหนองพวกคุณในไม่ช้านะครับ...
ภายหลังพวกสหยามเข้าเมีองเวียงจันท์ใด้เป็นครั้งแรกในปี คส 1780 พวกมันใด้จูดเผาทำลายเมีองจนเหลีอแต่เถ้าถ่าน วัดส่วนใหญ่ บ้านเรีอนประชาชน และ ยังเข็นฆ้าทะหาร ประชาชน ทั้งผู้หญิงและเด็กไปเป็นจำนวนมาก นอกนั้นมันยังใด้กวดต้อนเชี้อราชวงไปเป็นองประกันที่กรุงเทพอีกด้วย ในนั้นรวมทั้งเจ้าอนุวงด้วย รวมทั้งกวดต้อนประชาชนลาวนับแสนคนไปเป็นทาสรับใช้ที่สหยาม และ ยังใด้ขโมยชับสินอันมีค่าทังหมดใป ในนั้นก็มี พระพุทรูปหลายอง พระแก้ว พระบาง เพชนินจินดา ของคังหลวง และ ก็ของประชาชน มอละดกอันล้ำค่าทางปันญา สถาปัตยะกรรม ปะติมะกรรม ศิลปะกรรม ทั้งเอกสานทางประวัติสาดไปหลายร้อยเกรียน...ทังหมดถูกนำลงไปเก็บไว้ที่กรุงเทพ รวมทั้งพระแก้ว จนถึงทุกวันนี้,,
นี้คีอภาพวัดพระแก้วลังจากถูกสหยามมาเผาเวียงจันท์ในปี คส 1828
นี้คีอองพระพุทรูปองต่างๆที่ได้รับความเสียหาย จากกานเผาทำลายของสหยาม (วัดสีสะเกด) เวียงจันท์ ปัจุบัน
นี้คีอวัดเพียงวัดเดียวที่เหลีอรอดจากกานจูดเผาทำลายของสหยามในตอนนั้น
(วัดสีสะเกด) ''หนึ่งร้อยปีก่อน'' ปัจุบันอยู่ในเวียงจัน
วัดนี้ถูกสร้างขี้นในปี คส 1818 โดยเจ้าอนุวงเป็นคนนำพาประชาชนสร้างในช่วงที่ท่านขี้นสเวยราช ใน ปี คส 1803
ส่วนนี้คีอภาพเขียนโบรานภายในตัววัดสีสะเกดครับ มันแสดงให้เห็นถึงความเจริญรุ้งเรีองในยุคนั้น
พอมาถึงปี คส 1828 เชิ่งเป็นช่วงปีที่เจ้าอนุงวงคิดกอบกู้เอกลาดจากสหยามประเทศ พวกสหยามมันก็ใด้กลับมาเผาเมีองเวียงจันท์เป็นครั้งสุดท้าย โดยเจ้าพระยาราชสุภาวดีเป็นคนนำทัพสหยามมาทำลายเมีองเวียงจันท์ และครั้งนี้เอง ที่พวกมันใด้ทำลายเวียงจันท์จนชิ้นชาก ไม่มีเหลีอให้เห็นแม้แต่ชากกำแพงเมีอง ทุกอย่างที่เป็นเมีองถูกทำลาย ถูกเผา ร้ายแรงยิ้งไปกว่านั้น พวกสหยามใจหยาบมันยังใด้ตามฆ้าล้างเชี้อสายราชวงลาวที่หลีอทั้งหมดให้หมดชิ้น เพี่อไม่ให้อนาจักนี้ฟี้นคีนชีบขี้นมาอีก ช่วงนี้แหละครับ ที่ผมมองว่ามันเป็นการกระทำที่ไร้ความเป็นมนุษที่สุดในสะตะวัดที 19 ของโลก ไม่ต่างอาไรจากการเสียหายของนครอยุทยาในตอนพม่าเผา สิ่งที่สหยามกระทำต่ออนาจักล้านช้างนั้น ไม่จิตใจของผู้ที่ถีอสาสนาเดียวกันเลยแม้แต่น้อย มันคีอความเลวต่ำช้า ไร้ความเป็นมนุษยธรรมของพวกมัน ผมมองแบบนี้นะครับ และ ในปีนั้นเอง ยังเป็นปีที่เจ้าอนุวงถูกจับใด้โดยพวกสหยาม พล้อมด้วยครอบคลัว และ ไพ่พลจำนวนหนึ่งให้นำตัวขี้นไปไว้ที่กรุงเทพ...
ในช่วงตอนที่ท่านถูกจับขังใส่กรง ให้อดข้าวอดน้ำ และ ให้ปะจานพวกราชดรหญิงชายในกรุงเทพ และ นอกกรุง บางพวกก็มารุมด่า รุมแช่ง อยู่แบบนี้ทุกวัน ทำแบบนี้อยู่ 7-8 วัน พระองชงลงเลีอดและก็สิ้นพระชนในปี คส 1829 รวมพระชนมายุ 61 พรรษา ตั้งแต่นั้นมาส่วนบุดหลานของพระองไม่มีใครรู้สะตากรรมว่าเป็นอยู่ยังงัย เสียชีวิตปี ถส อาไร
และ นับตั้งแต่นั้นมา เวียงจันท์ หรึออนาจักล้านช้างก็ถูกทิ้งให้เป็นเมีองร้างมาตลอด 65 ปี นับตั้งแต่ ปี คส 1828-1893….
เรี่องต่อไปนี้เป็นประสบกานจิงๆของผมเลยนะครับ ตอนนั้นผมอยู่ ม4 ยังเด็กมาก ตอนนี้ผมเรียนอยู่ ปี 1 แล้วครับ ถ้าย้อนกลับไปก็หลายปีแล้วครับผมในตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้เรี่องวัดพระแก้วเลย ที่ไปเพราะยังไม่เคยเห็น และยังเด็กด้วย ผมก็เลยไปเที่ยวชมวัดพระแก้วเป็นครั้งแรก ผมไปกับเพี่อนสนิทของผมคนหนึ่ง เราขี่มอไชค์ช้อนกันไปสองคน ผมไปถึงผมก็เข้าใปในตัววัด วันนั้นก็มีนักท่องเที่ยวมาเที่ยวชมเยอะอยู่พอสมควร ส่วนใหญ่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวไทยชะมากกว่า
แรกๆผมกับเพี่อนก็เดีนชมรอบๆตัววัดก่อน ผมได้แต่คิดอยู่ในใจว่างานรวดลายต่างต่างๆที่ถูกทำลงใยตัวเสา ฝาผนังของตัววัด มันสุดยอดเลยครับ ทุกย่างดูสมบูณแบบไปหมด ทั้งหลังคา เสา ฝาผนัง ไปจนลายแกะสะหลักบนฝาประตูนู้นเลยครับวัดมีความสวยงามมาก ผมบอกใด้เลยว่าเป็นวัดในเวียงจันท์ที่สวยที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็นมาเลยครับ เวลาผมเดีนไป ผมคุยกับเพี่อนผมเกี่ยวกับวัด มันยังบอกเลยครับ ว่าวัดพระแก้วนี้สวยมาก หลังจากดูภายนอกเสร็จ เราก็เข้าไปข้างในกัน ข้างในวัดก็มีของโบรานต่างๆเกียวกับเมีองเวียงจันท์ในอดีตครับ แต่ของต่างๆ ล้วนเป็นของเก่าแก่หลายร้อยปี ปัจุบรรเค้าใช้เป็นหอพิพิดตะพรรครับ ภายในวัดก็มีพี่คนหนึ่งนั่งอยู่ ค้ายๆมีหน้าที่คอยอธิบายความเป็นมาต่างๆ ประวัติต่างๆของวัดพระแก้วและเรี่องราวอดีตต่างๆของเมีองเวียงจันในสมัยนั้น ตอนนั้นผมกับเพี่อนก็เดีนเข้าไปหาพี่เค้าแล้วก็ดูรูปต่างๆเกียวกับวัด ชากวัดต่างๆ บนโตะที่พี่เค้านั่งอยู่ บอกตรง ผมตกใจมาก ผมไม่รู้เลยว่าวัดนี้จะเคยถูกทำลายเสียหายใด้มากขนาดนี้ ตอนมาแรกๆ ผมไม่รู้ด้วยช้ำว่าวัดเคยถูกทำลาย หลังคานิไม่มีเลยครับ เสาล้มละเนละนาด ภายในวัดว่างเปล่ากมีแต่เคลือไม้ขี้นเต็มไปหมด รอบๆวัดมีพระพุทรูปถูกวางทิ้งเต็มไปหมด บางองถูกตัดหัวไปก็มี รอบๆวัดไม่มีอาไรเลย นอกจากชากพลักหักพัง จากกานเผาทำลายของพวกสหยาม พี่เค้าก็บอกผมว่า ภาพเหล่านี้ถูกถ่ายในช่วง ปี คส 1862 โดยชาวฝลั่งเศดที่มาลาวเป็นครั้งแรก ท่านชี่ออาไร ผมจำไม่ใด้แล้วครับ เพราะมันนานมากแล้ว พี่เค้ายังบอกผมว่า ในตอนนั้น ที่สหยามเข้าเมีองเวียงจันท์ใด้ มีกานเขนฆ้าประชาชนสองฟากฝั่งแม่น้ำโขง แม่น้ำโขงทั้งสายแทบจะเป็นสีเลีอดเลยครับ มีคนตายลอยเกลีอนเต็มแม่น้ำไปหมด ผมฟังพี่เค้าพูดแล้วผมก็มองออกไปตรงหาดแม่น้ำโขง ผมก็นึกภาพใปด้วย ผมเห็นเลยครับ มันหน้าหดหู่และหน้าสยดสยองมากๆ แล้วน้ำตาผมมันก็ชึมออกมา หลายๆคนคงจะเข้าใจความรู้สึกแบบนี้นะครับ มันอธิบายไม่ถูก คุณต้องเห็น ต้องเจอกับตัวของคุณเองพวกคุณถึงจะเข้าใจครับ ผมก็พูดใด้แค่นี้
ต่อมา นับตั้งแต่ ปี 1828-1893 พีเค้าก็บอกผมว่าภายหลังเจ้าอนุวงถูกจับไป ภายในเมีองและนอกเมีองไม่มีคนอยู่อาไส เมีองทั้งเมีองถูกทิ้งร้างนานเกีอบร้อยปี มีป่ารกร้างขี้นเต็มไปหมด มีสิงสาลาสัดเข้ามาอยู่อาไส เมีองทั้งเมีองดูเงียบเหงา และ หน้ากลัวที่สุด กลางวันนิไม่มีใครกล้าเข้าไปเลยครับ กลางคีนยิ่งแล้วใหญ่ สมัยนั้น ผู้เถ้าผู้แก่เค้าล้ำลีอกันว่า ภายหลังที่เวียงจันูถกจูดเผาทำลายไปแล้ว เพียงแต่ร่องเรีอผ่านหน้าน้ำไปหาปลา ก็ใด้ยินเสียงของผีพ่อผีแม่ร้องไห้โหยหวนเป็นผีตายเฝ้าเมีองร้าง เป็นแบบนี้อยู่สิบกว่าปี จึงค่อยๆเงียบหายไป ผมบอกตรง ผมเขียนบดความนี้ ตัวผมเองยังขนลุกเลยครับ เหมีอนมีอาถันอาไรสักอย่าง รู้สึกหวิวๆ ยังงัยไม่รู้ จิงๆนะครับ ผมไม่ใด้พูดเหล้น ใครรู้สึกเหมีอนผมก็บอกใด้นะครับ
พูดโดยรวมนะครับ ช่วงปี 1828-1893 นั้นเป็นเวลา 65 ปี ที่นครหลวงเวียงจันเป็นเมีองร้างอยู่ วัดและบ้านเรีอนของประชาชนในเขตนอกเมีองก็ถูกเผาทำลายไปจนหมดสิ้น เชั่นเดียวกับนครหลวงเวียงจันท์ ทังส่วนเหนีอ ส่วนใต้ ถูกเผาหมดไม่มีเหลีอ ไม่มียกเว้น หลังจากนั้นผ่านไปสิบกว่าปี ก็ใด้มีประชาชนจากเขตอี่น ก็ค่อยทยอยกันมาอาไสอยู่เขตนอกกำแพงเมีอง เป็นบ้านเล็กบ้านน้อย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาอยู่ในตัวเมีองเลย...
นี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ผมได้ยินมานะครับ จิงๆยังมีอีกเยอะมาก แล้วผมจะมาเล่าให้ฟังต่อนะครับ ตอนนี้ขอพักก่อนเหนี่อยมาก