หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ขนมไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากมากในสมัยนี้

โพสท์โดย ทิมมี่ ทิมมี่

ทุกวันนี้ดูเหมือนว่าขนมไทยจะถูกวัฒนธรรมตะวันตกเข้าบดบังไปซะจนมิด เพราะว่าเดินไปทางไหนก็เจอแต่ขนมที่เป็นสินค้าอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ จึงทำให้ขนมไทยถูกจัดกลายเป็นของหายาก และหากินได้ยากกว่าเมื่อก่อนเยอะมากเลยทีเดียว ซึ่งขนมไทยบางอย่างก็แทบหาไม่ได้แล้ว จะเจอเฉพาะงานสำคัญๆ ในต่างจังหวัด หรืองานเทศกาลเฉพาะเท่านั้น อาทิเช่น

ขนมทองเอก

ขนมทองเอกในสมัยโบราณนั้นได้มีการนำทองคำเปลวมาตัดเป็นแผ่นสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาประดับไว้ด้านบนของขนมทองเอก โดยใช้วิธีการวางแผ่นทองคำเปลววางไว้บนแม่พิมพ์ก่อนเทขนมทองเอกลงในแม่พิมพ์ แต่ปัจจุบันไม่มีการนำทองคำเปลวมาตกแต่งขนมทองเอก เนื่องจากทองคำเปลวเป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้รับประทาน

ขนมทองเอกเป็นขนมในตระกูลที่มีชื่อว่าทอง ขนมในตระกูลทองนั้นมีอยู่มากมายอันได้แก่ ทองเอก ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมในตระกูลนี้จะต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำ เพราะเป็นขนมที่มีลักษณะสง่างาม และโดดเด่นกว่าขนมชนิดอื่น

ขนมทองเอกนั้นเป็นขนม 1 ใน 9 ชนิดที่ถูกเรียกว่าขนมมงคล อันได้แก่ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น เม็ดขนุน ถ้วยฟู จ่ามงกุฏ ทองเอก และ เสน่ห์จันทร์ ขนมมงคลนั้นจะใช้ในการนำไปประกอบเครื่องคาวหวานเพื่อถวายพระในงานมงคลต่างๆ เช่น งานบวช งานมงคลสมรส หรืองานขึ้นบ้านใหม่ โดยเชื่อว่างานมงคลเหล่านี้จะต้องใช้เฉพาะขนมไทยที่มีชื่อไพเราะ และเป็นสิริมงคล ซึ่งคำว่า เอก ในชื่อขนมทองเอกนั้น หมายความว่า การเป็นที่หนึ่งในมวลขนมทองทั้งหมด

ขนมจ่ามงกุฏ

 เป็นขนมที่ทำยากมีขั้นตอนในการทำสลับซับซ้อน นิยมทำกันเพื่อใช้ประกอบพิธีการที่สำคัญจริงๆ คำว่า “จ่ามงกุฎ” หมายถึงการเป็นหัวหน้าสูงสุดแสดงถึงความมีเกียรติยศสูงส่ง นิยมใช้เป็นของขวัญในงานเลื่อนยศ เลื่อนตำแหน่ง ถือเป็นการแสดงความยินดี และอวยพรให้มีความก้าวหน้า ในหน้าที่การงานยิ่งๆขึ้นไป

จ่ามงกุฎเป็นขนมไทยโบราณที่หารับประทาน ได้ยากใช้เวลาในการทำนานพอสมควร สมัยโบราณจัดเป็นขนมในราชสำนักเป็นเครื่องเสวยสำหรับ ถวายพระเจ้าแผ่นดินดังพระราชนิพนธ์กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานในรัชกาลที่ 2 กล่าวถึงขนมจ่ามงกุฎว่า "งามจริงจ่ามงกุฎใส่ชื่อดุจ มงกุฎทองเรียมร่ำคำนึงปองสะอิ้งน้องนั้นเคยยล"

ขนมเสน่ห์จันทน์

ขนมเสน่ห์จันทน์หมายถึงต้น “จันทน์” ซึ่งเป็นต้นไม้ชนิดหนึ่งมีผลสุก สีเหลือง เปล่งปลั่ง ทั้งสวยงามและมีกลิ่นหอมชวนให้หลงใหล คนโบราณจึงนำความมีเสน่ห์ของผลจันทน์มาประยุกต์ทำเป็น ขนมและได้นำ “ผลจันทน์ป่น” มาเป็นส่วนผสมทำให้มี กลิ่นหอม เหมือนผลจันทน์ ให้ชื่อว่า “ขนมเสน่ห์จันทน์” โดยเชื่อว่าคำว่า เสน่ห์จันทน์ เป็นคำที่มีสิริมงคลจะทำให้มีเสน่ห์ คนรักคนหลง ดังเสน่ห์ของผลจันทน์ ขนมเสน่ห์จันทน์ จึงถูกนำมาใช้ประกอบในงานพิธีมงคลสมรส

 ลูกอินจัน

แต่โบราณนานมามีเรื่องเล่าว่า ชายหนุ่มผู้หนึ่งได้เก็บผลไม้สีเหลืองผุดผ่องไปฝากมารดา เมื่อมารดานำผลไม้นั้นไปเก็บไว้เพื่อรอจะกินพร้อมบุตรชายหลังอาหารเย็น.แต่ผลไม้นั้นกลับได้หายไป คงเหลือแต่กลิ่นที่ยังหอม อบอวล ชวนชื่นใจ พอตกดึกคืนนั้นพระจันทร์เต็มดวง ชายหนุ่มรู้ว่าผลไม้กลิ่นหอมได้หายไป ด้วยความกตัญญูอยากให้มารดาได้ลิ้มรสจึงกลับมายังต้นไม้ ต้นเดิมเพื่อเก็บผลใหม่ไปให้มารดา เขาได้พบกับหญิงสาวสวยผู้หนึ่ง นางกำลังเดินค้นหาผลไม้กลิ่นหอมนี้เช่นกัน นางกล่าวว่าจะนำไปฝากบิดา และทั้งคู่ก็ได้ผลไม้กลับบ้านดังใจ

ต่อมาทุกคืนวันเพ็ญ เขาทั้งคู่จะมาหาผลไม้กลิ่นหอมนี้ด้วยกัน จนในที่สุดก็รักกันและแต่งงานกัน ด้วยมนต์เสน่ห์ของผลไม้นี้เองที่นำมาซึ่งความสุข สมหวัง และด้วยความกตัญญู ทั้งคู่จึงนำเมล็ดที่มีกลิ่นหอมของผลไม้ชนิดนี้มาบดใส่แป้งข้าว ใส่ถั่วบ้าง ใส่ไข่บ้าง กะทิ และน้ำตาล กวนรวมกันพอปั้นได้นำมาปั้นเป็นผลลูกจ้นทน์ แจกจ่ายในงานสมรส จากตำนานของขนมเสน่ห์จันทน์จึงเป็นที่นิยมใช้ในพานขนมแต่งงานมาจนถึงปัจจุบัน

ขนมทองพลุ

“ขนมทองพลุ” อีกหนึ่งขนมมงคลของไทย มีความหมายถึง “ความเจริญ มีชื่อเสียงโด่งดังเหมือนพลุ” ขนมชนิดนี้จริง ๆ มีต้นตำรับมาจากฝรั่งเศส ดัดแปลงมาจากขนมเอแคลร์ ต่างกันตรงที่ขนมเอแคลร์ใช้อบและมีไส้ ส่วนขนมทองพลุจะใช้วิธีทอดเอา ดังนั้นถ้าใครทำขนมเอแคลร์ได้ ก็ทำขนมทองพลุได้เช่นกัน

ขนมทองพลุถูกจัดเป็นขนมชาววัง เพราะสมัยก่อนคนที่จะได้กินขนมที่ใส่นมหรือเนยนั้น ก็มีแต่ชาววัง ข้าราชการชั้นสูงหรือระดับเจ้าสัว ส่วนคนไทยแท้ดั้งเดิมที่เป็นไทยแท้ๆ พื้นบ้านที่ไม่ใช่ลูกแขกจะไม่ค่อยนิยมกินขนมชนิดนี้ด้วยเหตุผลที่ว่า นมหรือเนยมีกลิ่นเหม็นคาว

ปัจจุบันขนมทองพลุถูกดัดแปลงให้มีทั้งไส้หวานและเค็ม

ขนมหยกมณี

เป็นชื่อขนมไทยโบราณชนิดหนึ่ง ชื่อนี้บ่งบอกถึงลักษณะอาหารได้เป็นอย่างดี การนำคำว่า “หยก” รวมกับคำว่า “มณี” บ่งบอกว่าขนมชนิดนี้มีสีเขียวใสแบบหินแก้ว แต่เมื่อรับประทานแล้วก็จะรู้สึกถึงความนุ่มเหนียว มีรสหอมของใบเตย และรสเค็ม ๆ มัน ๆ ของมะพร้าว

ขนมหยกมณี มักทำจากสาคูเม็ดเล็กกวนกับน้ำและน้ำตาล รับประทานคู่กับมะพร้าวทึนทึกขูดฝอย แต่เดิมนิยมใช้สีเขียวจากใบเตย จึงเรียกว่า ขนมหยกมณี

ปัจจุบันมีการปรุงแต่งสีต่าง ๆ เช่น สีชมพู สีม่วง สีเหลือง เป็นต้น ถ้ามีหลายสีอาจใช้ชื่อเรียกตามสีที่ใส่หรือตั้งชื่อให้ไพเราะยิ่งขึ้น และหาทานได้ไม่ยากนักตามตลาดนัดชื่อดังหลายแห่ง

ขนมตะลุ่ม

ขนมตะลุ่ม หรือขนมหน้าสังขยา เป็นขนมไทยโบราณ ๆ คล้ายๆ กับขนมถ้วย ที่หลายคนอาจจะไม่เคยได้ยินแม้แต่ชื่อ หรือเคยได้ยินชื่อ แต่ยังไม่เคยเห็นวิธีการทำหรือไม่เคยเห็นตัวขนมจริง ๆ ขนมชนิดนี้ เป็นขนมไทยโบราณที่มีมาไม่ต่ำกว่าร้อยปี และไม่พบประวัติว่าใครเป็นคนค้นคิด หรือว่าทำขนมนี้ขึ้นในเทศกาลหรือโอกาสใดๆ

ขนมตะลุ่ม มี สองส่วน คือส่วนตัวขนม ทำแป้งข้าวเจ้า แป้งเท้ายายม่อม แป้งมันสำปะหลัง น้ำปูนใส และหางกะทิ นำไปนึ่งจนสุก ส่วนของตัวหน้า ได้แก่ หัวกะทิ ไข่ และน้ำตาล ใส่แป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย แล้วเทลงบนตัวที่สุกแล้ว นำไปนึ่ง เวลาเสิร์ฟตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดพอดีคำหรือลักษณะตามชอบ เวลาจะรับประทานควรรับประทานพร้อมกันเพราะให้รสชาติที่หวาน มัน และมีกลิ่นหอมของกะทิยามรับประทานในคำเดียวกัน 

ขนมดอกโสน

 ขนมดอกโสน เป็นขนมโบราณอีกอย่างหนึ่งของไทยเรา ที่ใช้ดอกโสนเป็นส่วนผสมหลักในการทำขนม แม้ว่าในปัจจุบันยังมีดอกโสนออกดอกบานสะพรั่งให้เห็นช่วงฤดูฝนอยู่ แต่ขนมดอกโสนกลับไม่ค่อยนิยมทำกัน ทั้งที่เป็นขนมที่อร่อยแล้วก็ทำก็ไม่ยากอีกด้วย ดอกโสนนั้นจึงถูกใช้ทำเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม ยำ ทอดใส่ไข่ หรือลวกน้ำพริกจิ้ม ซะมากกว่า

ขนมดอกโสน ภาษาถิ่นเรียกว่า “กวานกาวอะรอย” เป็นอาหารพื้นบ้านที่มีการถ่ายทอดวิธีการทำสืบต่อกันมา ขนมดอกโสนนับเป็นขนมโบราณอีกชนิดหนึ่งที่ปัจจุบันหารับประทานได้ยาก ต้นโสนบริเวณชุมชนจะมีขึ้นอยู่ทั่วไปและจะออกดอกมากในช่วงหน้าฝนจนถึงช่วงต้นฤดูหนาว คนในชุมชนจึงนิยมทำขนมดอกโสนเพราะหาวัตถุดิบจากแหล่งธรรมชาติได้ง่าย ประกอบกับมีวิธีการทำที่ไม่ยุ่งยาก จึงมีการทำขนมดอกโสนในชุมชนกันอย่างแผ่หลายในสมัยโบราณ

ขนมสามเกลอ

เป็นขนมที่แสดงถึงความสามัคคี และไม่มีวันพรากจากกัน โดยใช้เป็นขนมเสี่ยงทายในงานแต่งงาน

ลักษณะของขนมสามเกลอเป็นลูกเรียงกัน 3 ลูกแบบก้อนเส้า การเสี่ยงทายจะดูกันตอนทอด กล่าวคือ ถ้าทอดแล้วยังอยู่ติดกัน 3 ลูก ถือว่าบ่าวสาวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน ถ้าทอดแล้วติดกัน 2 ลูกแสดงว่าจะมีลูกยากหรือไม่มีเลย และถ้าหลุดจากกันหมด ไม่ติดกันเลย แสดงว่าชีวิตคู่จะไม่ยั่งยืนหรือชีวิตสมรสจะไม่มีความสุข อีกนัยหนึ่งถ้าทอดขนมสามเกลอแล้วพองฟูขึ้นจะถือว่าเป็นคู่ที่เหมาะสมกับราวกิ่งทองกับใบหยก แต่ถ้าทอดแล้วด้าน ไม่พองฟู ก็ถือว่าใช้ไม่ได้

ขนมชนิดนี้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือส่วนที่เป็นไส้ที่ทำจากน้ำตาลมะพร้าว, มะพร้าวขูด และงา แล้วเอามาหุ้มด้วยแป้งข้าวเหนียว ส่วนที่สอง ทำจากไข่ไก่ (อาจจะใส่สีผสมอาหารด้วย เพื่อเพิ่มความสวยงาม) ที่นำมาโรยบนกะทะเป็นแผ่นบางๆ เพื่อนำมาห่อตัวขนม

ขนมบุหลันดั้นเมฆ

ลักษณะของขนมจะคล้ายขนมน้ำดอกไม้ เป็นขนมชาววังคิดประดิษฐ์ขึ้นให้มีสีสันอุปมาอุปไมยเลียนแบบเพลงไทย ‘บุหลันลอยเลื่อน’ ซึ่งเป็นเพลงพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ 2 มี 2 ส่วน คือ ส่วนตัวขนม ทำจากแป้งข้าวเจ้า แป้งมัน น้ำดอกอัญชัน น้ำตาลทราย หยอดลงบนถ้วยตะไล เมื่อนำไปนึ่งตรงกลางจะบุ๋มลงไป ส่วนตัวหน้าขนม ประกอบด้วย ไข่ กะทิ น้ำตาลมะพร้าว และนำไปนึ่งต่อจนสุก

ที่มาของบุหลันดั้นเมฆ ตัวขนมจะมีสีฟ้าหรือน้ำเงินที่เปรียบเสมือนตอนกลางกลางคืน และมีใจกลางเป็นสีเหลืองนวลแทนพระจันทร์ที่อยู่กลางท้องฟ้าในตอนนั้น ซึ่งรัชกาลที่ 2 ทรงพระสุบินว่าไปในดินแดนสรวงสวรรค์มีพระจันทร์กระจ่างฟ้าลอยเข้ามาใกล้พระองค์เรื่อยๆ พร้อมกับมีเสียงดนตรีประกอบ เมื่อพระองค์ทรงตื่นจากบรรทมก็ทรงจำทำนองนั้นได้จึงใช้ซอสามสายคู่ใจที่ชื่อว่า "ซอสายฟ้าฟาด" บรรเลงมาเป็นเพลง "บุหลันลอยเลื่อน" ขนมนี้จึงทำมาให้เหมือนกับที่พระองค์สุบินนั่นเอง

การซื้อทานนั้นมันง่าย แต่ถ้าลองทำทานดูบ้างแล้วจะรู้ว่า ราคาขนมไทยนั้นไม่แพงเลย ที่สำคัญ ถ้าทุกคนคิดแต่จะซื้อ ไม่มีใครทำ แล้วจะไปหาทานได้ที่ไหนครัับ

ทิมมี่อยากให้เยาวชนไทยได้รู้จักขนมไทยเหล่านี้ นอกจากจะได้ทราบประวัติที่ไปที่มา เกิดความภาคภูมิใจในความเป็นไทย เราก็สามารถนำไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ให้ตนเองยามเรียนหนังสือได้ การทำขนมให้อร่อยให้เก่งก็ถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่ง ช่วยกล่อมเกลาจิตใจให้ดีงามครับ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทิมมี่ ทิมมี่'s profile


โพสท์โดย: ทิมมี่ ทิมมี่
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
84 VOTES (4/5 จาก 21 คน)
VOTED: Thorsten, in dream, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ, พูดไปก็เท่านั้น
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เกมพลิก!! เมื่อหนุ่ม ๆ เเอบเเม่ไปหาปลา เกือบโดนด่า เเต่พอเห็นลูกได้ปลาตัวใหญ่กลับบ้าน เสียงเปลี่ยนทันทีเลยนะเเม่คนไข้วัย 72 ติดเชื้อโควิดนาน 613 วัน ก่อนกลายพันธุ์ในร่างกายกว่า 50 ครั้งเพื่อน "ออกัส" ซัดแหลก..พระเอกดังต่างหาก ถูกข่มขู่ให้กราบเท้า!!ชาวลาวไม่ทน! หลังหนุ่มจีนโพสทิ้งเงินกีบลงในถังขยะ ทำคนลาวถึงกับไม่พอใจ?สาว "เจี๊ยบ" ทำเนียนเดินรวมกับ นร.ญี่ปุ่น..ทำเอาหนุ่ม "บอย" ถึงกับแยกไม่ออกลูกค้าหนุ่มเศร้า หลังรีวิวชุดกีฬาที่ซื้อมา แต่ดันพลาดเห็นหนอนน้อยเกิดเหตุม้วนเหล็กกลิ้งทับคนตายชาวเน็ตจีนวิจารณ์หลังสถานีรถไฟใหม่หน้าตาเหมือนโกเต็กสาวพม่ารีวิว! ค่าใช้จ่ายในการมาเรียนที่ประเทศไทย?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อิหร่านขู่ถล่มที่ตั้งนิวเคลียร์ ของอิสราเอลด้วยขีปนาวุธเพื่อน "ออกัส" ซัดแหลก..พระเอกดังต่างหาก ถูกข่มขู่ให้กราบเท้า!!เขมรแสบ! นำภาพเก่าสถานท่องเที่ยวไทย ที่เต็มไปด้วยกองขยะมาเล่นไทย?torment: ทรมาน ระทมทุกข์"Colosseum" โคลอสเซียม ณ อิตาลี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เกย์
Short Bus หนังชื่อก้องจาก Cannes Film FestivalThreesome หรือ รักเราสามคนหนัง ป่วนรักหักอกแฟนปลอม (My Fake Boyfriend)Heartstopper ซีซั่น 3 กำลังจะกลับมาเร็วๆนี้
ตั้งกระทู้ใหม่