เยือน ทุ่งสังหาร จรึงแอ็ก ตอนที่ 1
สวัสดีครับ หลังจากที่ได้รีวิวกระทู้แรกไปเมื่อวาน เกี่ยวกับคุก โตนสแลง วันนี้ก็ถึงคิวของ ทุ่งสังหาร หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “Killing Fields’’หากพูดถึง กัมพูชา หลายๆท่านอาจนุกถึงนครวัด หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก คาสิโน (ตอนนี้ที่กัมพูชามี คาสิโนเกือบแปดสิบคาสิโนแล้ว แต่ส่วนมาก จะอยู่ติดชายแดน กัมพูชา เวียดนาม แต่ฝั่งไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปอยเปต
บ้านเมืองกัมพูชาในช่วงการพัฒนา ฝุ่นเยอะมากๆ ตอนนี้เห็นที่กรุงพนมเปญมีการเร่งสร้างถนนหนทางกัน หลายเส้นเลยทีเดียว บรรยากาศระหว่างทางไป ทุ่งสังหาร จากรูปล่างซ้ายไปถึงก็หาไรกินก่อนเลย แต่กินได้นิดหน่อย ยังทึ่งอยู่กับภาพที่เห็นจากคุกตวลสแลงมันยังเป็นภาพติดตาตรึงใจผม
ผมเดินทางต่อจากคุก ตวลสแลง มาที่ทุ่งสังหารหรือที่ชาว กัมพูชาเรียกกันติดปากว่า จรึงแอ็ก Choeung ek Ginodical Center คำว่า genocide คำนี้ออกเสียงว่า จีโนไซด์ แปลว่า การล้างเผ่าพันธุ์จนทำให้เกือบสูญพันธุ์คำนี้เราจะเจอมากที่สุดเวลาที่นัก วิชาการหรือนักประวัติศาสตร์พูดถึงเรื่องสงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ฮิตเลอร์พยายามจะล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว
คำว่า genocide เป็นคำที่รุนแรง มันมากกว่าคำว่า murder ที่แปลว่าการฆ่า หรือฆาตกรรม และมากกว่าคำว่า kill ที่แปลว่า การฆ่า genocide เป็นคำที่พูดถึงการฆ่าคนเป็นจำนวนมาก เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือการทำให้ชาติใดชาติหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสูญพันธุ์ให้ได้
ไปถึงจะมีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาที่นี่มากพอสมควรซึ่งมากกว่าที่คุกโตนสแลง
ค่าเข้าชมเห็นมีบางท่านบอกว่าหกดอลล่าร์ส่วนผมถามราคาตั๋วเป็นภาษากัมพูชา กลับบอกว่าไม่เก็บ เข้าไปจะเจอ อนุสรณ์สถานตั้งตระหง่าน อยู่
อนุสรณ์นี้หากมองดูเพียงภายนอกแล้ว หลายคนอาจจะคิดว่ามันก็คืออนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเอกราชของชาว เขมรเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าภายในมันกลับบรรจุไว้ด้วยเรื่องราวอันโหดเหี้ยมและภาพอันน่า สะพรึงกลัวที่ไม่มีวันจะลบเลือนไปจากความทรงจำของชาวเขมรได้เลย เพราะภายในอนุสรณ์สถานเจืองเอ็กนั้นคือสถานที่เก็บหัวกะโหลกของชาวเขมร เหยื่อของการสังหารโหดที่เรียกว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" เมื่อประมาณเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา มันจึงเป็นเสมือนสถานที่แสดงถึงความโหดร้ายและระลึกถึงผู้เสียชีวิตชาวเขมร ที่ต้องดับดิ้นลงไปด้วยน้ำมือของคนชาติเดียวกัน
เชื่อว่าชาวเขมรที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ คงจะไม่มีใครลืมเลือนเหตุการณ์ ในปี ค.ศ.1975 ที่ชีวิตคนประมาณ 1 ล้าน 7 แสนคน ได้ถูกนำไปทารุณอย่างโหดร้าย ก่อนที่จะถูกส่งไปยังสนามแห่งหนึ่งตรงช่องเอกในจังหวัดกันดาล ชานกรุงพนมเปญ ซึ่งชาวเขมรรู้จักกันดีในนามของ "Killing Fields" หรือ "ทุ่งสังหาร" ณ ที่แห่งนี้เหยื่อทั้งหมดถูกยิง ถูกตัดหัว ถูกทุบตี ถูกแทงและอีกสารพัดวิธีการทรมานสุดแต่ที่ชาวเขมรด้วยกันจะคิดออกมาได้
ว่ากันว่าถ้าเหยื่อเป็นเด็กจะถูกจับเท้าและฟาดอย่างแรงกับต้นไม้จนตายคาที่ จากนั้นก็จะถูกจับแขวนคอยังกิ่งไม้ในรอบๆ ทุ่งสังหาร ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก่อนที่จะถูกฆ่าพวกเขาจะถูกบังคับให้ขุดหลุมขนาดใหญ่เหมือน กระทะ เมื่อขุดเสร็จก็จะถูกยิงทิ้งในหลุมนั้นทันที เหยื่อทั้งหมดนอนตายอย่างทุกข์ทรมานในสนามแห่งนี้และคงเหลือไว้เพียงหัว กะโหลกให้คนรุ่นหลังได้เห็นเท่านั้น โดยต่อมาได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ครอบหัวกะโหลกเอาไว้ ซึ่งก็คืออนุสรณ์สถานเจืองเอ็กในปัจจุบันนั่นเอง
เชื่อหรือไม่ !? เรื่องสยองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะคน 2 คนแท้ๆ และสองคนนี้เป็นคนเขมรโดยกำเนิด แต่ใจเขาสุดอำมหิตจนเป็นเหตุให้คนเขมรตายถึง 3 ล้านคน คนแรกคือนายเขียว สัมพันธ์ และคนที่สองคือ พอล พต (Pol Pot)
ซาลอท ซาร์ (Saloth Sar) หรือ พอล พต (1925-1998) เป็นผู้นำเขมรแดงและเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาในปี ค.ศ.1976-1979 – พอล พต มีชื่อเดิมว่าชาลอท ชาร์ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1925 ที่เมืองกำปงธม ในครอบครัวเศรษฐีหัวสมัยใหม่ พ่อเป็นเจ้าที่ดินที่มั่งคั่ง ส่วนพี่สาวและญาติฝ่ายหญิงทำงานในวัง (เป็นนางรำ แต่บางแหล่งบอกว่าเป็นสนม)
ในเวลานั้นกัมพูชาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังสับสนวุ่นวาย เนื่องจากขณะนั้นเขมรยังถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมอยู่ ทำให้วัยรุ่นนักศึกษาเขมรเกิดแฟชั่นฮิตในการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ โดยหวังว่าการปกครองนี้จะช่วยให้กัมพูชาเจริญก้าวไกลกว่าประเทศอื่นๆ
โฉมหน้าของ พอล พต หรือ พล พต ผู้นำเขมรแดง
โฉมหน้าของ นาย เขียว สัมพันธ์ และ เจ้าสีหนุ
พอล พต ในตอนเด็กนั้นไม่มีเค้าของผู้นำที่โหดร้ายในอนาคตสักนิด เขาเป็นเด็กเรียบร้อย มารยาทงาม ชอบคิดคนเดียวเงียบๆ มากกว่าจะพูด คะแนนการเรียนใช่ว่าจะดีเลิศมากมายนัก แต่กระนั้น พอต พต ก็มีดีอยู่อย่างคือ เขาเก่งภาษาฝรั่งเศสและความที่เป็นเด็กเส้นทำให้เขาได้ทุนเรียนเมืองนอกที่ กรุงปารีสในสาขาเกี่ยวกับไฟฟ้าและคลื่นวิทยุเมื่อปี ค.ศ.1949
แม้จะไปเรียนนอกก็ตาม แต่พอล พต ใช่ว่าจะตั้งใจเรียนมากนัก คะแนนสอบเขาห่วยจัด เอาแต่หมกอ่านหนังสือไปวันๆ ไม่นานก็เริ่มเบื่อที่จะคุยกับเพื่อนๆ ในสาขาเดียวกันและมุ่งหาเพื่อนที่มีแนวคิดที่เสมือนกับเขาและที่สำคัญจะต้อง เป็นคนชาติเดียวกันกับเขา นั่นคือ "สายเลือดกัมพูชา"
ต่อมาไม่นานนัก เขาได้มาพบกับเพื่อนที่เขาต้องการ บุคคลที่จะนำพาชีวิตและอุดมการณ์ของเขาให้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง โชคชะตาพา "เขียว สัมพันธ์" และ "พอล พต" ให้มาพบกัน ทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างถึงพริกถึงขิง – เขียว สัมพันธ์ ได้ให้เหตุผลถึงการมีอยู่ของรูปแบบทุนนิยมอันจะก่อให้เกิดการทำลายกันเองให้ พอล พต ได้ฟัง จนทำให้พอล พต ถึงกับอึ้งในความคิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าฝรั่งเศสจะช่วยพัฒนาชาวเขมรให้ดียิ่งขึ้น
แต่เพราะการเปิดประเด็นของเขียว สัมพันธ์ ที่กล่าวถึงนโยบายประเภทเลี้ยงสัตว์ป่าให้อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่สอนให้ชาวเขมรไม่ขยันขันแข็ง มีการส่งเสริมการพักผ่อนกลางวันถึง 2 กะ ทำให้ชาวเขมรไม่กระตือรือร้นและใฝ่รู้ในการเรียนและฝรั่งเศสจะได้ปกครอง ง่ายๆ
นายเขียวเอ่ยปากทฤษฎีที่เขาศึกษาว่านี่คือวิธีการปกครอง ที่เหมาะแก่ประเทศกัมพูชาแก่พอล พต ว่า“ลบล้างกฎเกณฑ์และเรื่องราวทุกอย่างของชาติตะวันตก (ฝรั่งเศส) ที่เคยวางรากฐานปกครองกัมพูชาเอาไว้ ยุติการแสวงประโยชน์ในทุกทาง ให้ประเทศกัมพูชาเจริญในการปกครองแบบชนบท คือ ไม่มีเมืองใหญ่ ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีระบบเงินตาและไม่มีการศึกษา” แม้ทฤษฏีนี้จะเป็นแค่ลมปากของนายเขียว แต่พอล พต ชอบใจมาก เขาคิดว่าจะนำทฤษฏีนี้มาใช้กับประเทศกัมพูชาในอนาคต
(นี่คืออุดมการณ์ของแกนนำเขมรแดง ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียที่คนทั้งโลกไม่อาจลืมเลือนค่ะ)
เดินเข้าไปตรงอนุสรณ์สถานที่ตั้งตระหง่านท้าแดดท้าฝน เป็นที่เก็บกระโหลกของเหยื่อผูเสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง
ผมถ่ายรูปแบบไกล้ๆมาไม่กี่รูป กะโหลกศรีษะของผู้เสียชีวิตจะวางเรียงราย เข้าไปด้านใหน และมีหลายชั้นสูงขึ้นไป เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกะโหลกศรีษะมนุนย์แบบ ชัดๆ มันช่างดูน่ากลัวจริงๆ นี่ขนาดเวลาผ่านมานานหลายปีแล้ว
จากนั้นพอล พต ก็เริ่มหลงใหลคอมมิวนิสต์ อีกสองปีต่อมา คือในปี ค.ศ.1952 เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส ซึ่งต่อต้านลัทธิต่อต้านอาณานิคม ร่วมกับนายเส็ง สาลี ซึ่งเคยอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน และต่อมาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อวีรกรรมที่ทำให้ตนเองต้องถูกลอยแพ
นั่นคือการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังสมเด็จสีหนุ ตราหน้าว่าเป็นฆาตกรประชาธิปไตยที่ยังตั้งไข่ ทำให้ฝรั่งเศสสั่งปิดสมาคมนักศึกษากัมพูชา (KSA) และถูกระงับเงินทุนเข้าประเทศ ทำให้สมาคมนักศึกษาต้องแตกกระเซ็น – พอล พต ต้องเดินทางกลับประเทศพร้อมกับเขียว สัมพันธ์ ในปี ค.ศ.1953 และทำงานในโรงเรียนเอกชนในกรุงพนมเปญ
แต่ฉากหลังนั้นทำงานให้กับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่นานนัก พอล พต ออกพื้นที่ไปยังจังหวัดกำปงจามเพื่อร่วมมือกับพวกเวียดมินห์ในช่วงสงครามกับ ฝรั่งเศส ต่อมาก็กลับมาที่พนมเปญเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวประสานงานระหว่างพรรคการเมือง หัวเอียงซ้ายและพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งแบ่งออกเป็นสองปีกคือปีกสนับสนุน เวียดนามและปีกต่อต้านเวียดนาม
ในปี ค.ศ.1954 กัมพูชาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในข้อตกลงของสนธิสัญญาเจนิวา หลังสงครามโลกฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเก่าต้องการกัมพูชากลับมาไว้ในมือเหมือน เดิมเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินและต่างประเทศ แต่ทางกัมพูชาได้รับบทเรียนนั้นแล้ว จึงไม่ยอมแน่นอนและได้ทำการขับไล่กองทัพฝรั่งเศสจนเรียกได้ว่าเผ่นป่าราบจน ไปถึงสมรภูมิที่คนยุคหลังเรียกว่า "เดียนเบียนฟู"
กษัตริย์ของเขมรนั่นคือ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ (เรียกสั้นๆ ว่า สมเด็จสีหนุ) ทรงได้รับเลือกจากสภาให้สืบราชสมบัติจากพระอัยกา (ท่านตา) คือสมเด็จสีศวัด มนีวงศ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1941 ในภายหลังพระองค์ได้ทรงสละราชสมบัติให้พระบิดาคือสมเด็จพระนโรดม สุระมฤติ ทรงดำรงเป็นกษัตริย์แทน เพื่อมาลงรับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี
สมเด็จสีหนุได้ทรงพยายามนำประเทศให้ทำตัวเป็นกลางปลอดจากจากกองกำลัง เวียดนามและต้องการรวบอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวจึงให้พรรคการเมืองต่างๆ ปะทะกันเอง พระองค์ยังทรงปราบปรามพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแบบสุดโต่ง พรรคคอมมิวนิสต์ก็โดนผลกระทบนี้ด้วย กลุ่มแกนนำที่สำคัญโดนฆ่าตัดตอนจนมากมายหลายคน – พอล พต จึงได้เลื่อนขึ้นมารับตำแหน่งในพรรคอย่างรวดเร็ว ต่อมาในปี ค.ศ.1963 ทางการกัมพูชาได้ขึ้นบัญชีดำพอล พต เป็นอาชญากรหมายเลขหนึ่งที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด
ปี ค.ศ.1963 พอล พต จำต้องลี้ภัย เขาเลือกที่จะหนีไปเวียดนามและขอความช่วยเหลือจากเวียดนามเหนือ (ตอนนั้นเวียดนามยังคงแบ่งเป็นเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้) จัดตั้งกองกำลังเป็นเขมรแดงหรือกลุ่ม Khmer Rouge (Red Cambodians) แต่ในตอนนั้นเวียดนามเหนือกำลังสู้กับสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถช่วยพอต พต ได้มากนัก – พอล พต สิ้นหวังกับเวียดนามเหนือ เขาเลยเดินทางไปยังจีน เขาได้รับการตอนรับอย่างดีจากพวกซ้ายจัด อีกทั้งเขาได้แนวคิดใหม่ๆ จากจีน และอยากนำมาใช้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม นโยบายก้าวกระโดด
ใน ปี ค.ศ.1966 พอล พต กลับมากัมพูชา เวลานั้นประชาชนเขมรกำลังทะเลาะกัน เนื่องด้วยพวกชาวนาออกมาต่อต้านรัฐบาลของสมเด็จสีหนุเพราะไม่สามารถ แก้ไขราคาข้าวได้ ทำให้ชาวเขมรหลายคนเข้าร่วมพรรคคอมมัวนิสต์ของพอล พต มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งปีต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งกลับมาใช้ชื่อเดิมคือ Communist Party of Kampuchea หรือ CPK (แปลเป็นไทยได้ว่า "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งกัมพูเชีย (กัมพูชา)")
จากนั้นเป็นต้นมาสงครามกลางเมืองเขมรก็เริ่มต้นขึ้น แม้ทหารจากรัฐบาลจะมีจำนวนมากกว่ากองกำลังของพอล พต และเวียดนามเหนือไม่มาช่วยเหลือก็ตาม แต่กระนั้นปี ค.ศ.1968 พอล พต ก็ก้าวมาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของกลุ่มเขมรแดงที่เรียกว่า ประธานพรรค (Collective Leaders) มีผู้ติดตามนับร้อย ปกป้องเขาอย่างกับไข่ในหิน
ย้อนกับมายังสมเด็จสีหนุพระมหากษัตริย์และนายก รัฐมนตรี ต่อมาพระบิดาของพระเจ้าสีหนุซึ่งครองราชย์อยู่ในกัมพูชาเพียง 5 ปีก็ทรงสวรรคต ทำให้พระเจ้าสีหนุดำรงตำแหน่ง 2 ควบนั่นคือ พระมหากษัตริย์และนายกรัฐมนตรีไปด้วย พระองค์เจอปัญหารอบ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวในการบริหารประเทศ การเมืองที่ร้อนฉ่า
และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ในปี ค.ศ.1970 สมเด็จสีหนุเสด็จเดินทางไปรักษาโรคมะเร็งที่จีนและโซเวียต นายพลลอน นอล ถือโอกาสปลดพระองค์ออกจากตำแหน่งประมุขของรัฐและยึดอำนาจมาไว้เป็นของตนเอง – นายพลลอน นอล มีแนวคิดไม่สนับสนุนเวียดนามเหนือและร่วมมือสหรัฐทุกรูปแบบ (มีข่าวลือว่า CIA อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้)
ในที่สุดเหตุการณ์ปานปลาย สงครามกลางเมืองของกัมพูชายิ่งเลวร้ายขึ้น สมเด็จสีหนุตอนนี้ติดค้างในปักกิ่ง พยายามออกรายการวิทยุเพื่อปลุกระดมต่อต้านรัฐบาล แต่ก็ใช่ว่าวิธีนี้จะได้รับผลดีมากนัก สมเด็จสีหนุเลยต้องเข้าไปจูบปากกับศัตรูคู่แค้นที่ครั้งหนึ่งพระองค์เกลียด นักเกลียดหนาอย่างพอล พต เพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับรัฐบาลของนายพลลอน นอล
จากเพื่อนเป็นศัตรู-จากศัตรูมาเป็นเพื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างคือผลประโยชน์ เวียดนามเหนือก็เข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย นายพลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามใต้และสหรัฐฯ ได้ใช้สิทธินี้ขอกำลังฝูงบินของสหรัฐฯ นำทิ้งระเบิดที่ภาคตะวันออกของกัมพูชาทำให้ผู้บริสุทธิ์ตายนับพัน
เหตุการณ์แทนที่จะดีกลายเป็นร้ายขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านเขมรเหม็นขี้หน้านายพลลอน นอล สุดขาดใจ ถึงขั้นจับนายลอน นิล พี่ชายของลอน นอล ไปคว้านท้องเอาตับมาต้มแบ่งกิน รัฐบาลของลอน นอล เต็มไปด้วยคอรัปชั่น บ้านเมืองไม่มีเขื่อนมีแป ถึงขนาดข้าราชการบางคนเอาปืนไปขายให้พวกคอมมิวนิสต์ไปยิงชาวบ้านเล่นก็มี ตัวนายพลลอน นอล ก็อ่อนแอ ล้มเหลวในการบริหารประเทศ วันๆ เอาแต่ขอความช่วยเหลือสหรัฐฯ
ปี ค.ศ.1972 เวียดนามเหนือยุติการรบกับรัฐบาลนายพลลอน นอล และส่งมอบภาระให้กับพอล พต กับกองทัพต่อไปและด้วยความสนับสนุนจากประเทศจีน บวกกับตัวนายพลลอล นอล ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐน้อยลง ทำให้พอล พต ยึดกัมพูชาได้เมื่อปี ค.ศ.1975 กองทัพเขมรแดงได้รับชัยชนะ นายพลลอน นอล ลี้ภัยไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนก่อนที่กองทัพเขมรแดงจะเข้ายึดเมืองหลวง ทันทีที่กองทัพเขมรแดงภายใต้การนำของพอล พต ยึดเขมร สิ่งแรกที่พอล พต ออกคำสั่งไปคือให้นำผู้นำระดับสูง ข้าราชการ ลูกจ้างรัฐบาลและผู้นำระดับสูงของรัฐบาลหลายคนไปยิงทิ้งกันต่อหน้าสาธารณชน
เช้าของวันที่ 17 เมษายน ค.ศ.1975 กองกำลังของเขมรแดงเดินแถวกันเข้ามาในกรุงพนมเปญบนถนนที่รกร้างว่างเปล่า กองกำลังนี้แต่งตัวเหมือนชุดชาวนาหรือไม่ก็ชุดสีกากีแบบง่ายๆ อายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี พวกเขาไม่สนใจการต้อนรับของประชาชนมากนัก แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงปีใหม่ของเขมรพอดี (บางที่บอกว่าเป็นวันชาติของกัมพูชา)
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบ
เขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"
ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจาย
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
เซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568
ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉย
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี
"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชน
หลังหยุดยิงได้ไม่กี่ชั่วโมง พบเครื่องบินปริศนา บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ
10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิต
เสธ.เดือด มีแต่พื้นที่ของกูกับของมึง..เท่านั้น
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัล
วัฒนธรรมของ สัตว์เลื้อยคลาน ที่มันคือกิ้งก่าขนาดใหญ่
นี่หน่ะหรือ ขนมที่ใช้ในพิธีขันหมาก
ศึกเดือดกลางเมืองชล! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะคารมกลุ่มแม่ยก "พี่เฮ้ง" ปมแก้รัฐธรรมนูญและตรวจสอบทุจริต
บราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ ส่วนผสมน้อย อร่อยสร้างภาพ
ความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม











