หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เยือน ทุ่งสังหาร จรึงแอ็ก ตอนที่ 1

โพสท์โดย PLAYER18

สวัสดีครับ  หลังจากที่ได้รีวิวกระทู้แรกไปเมื่อวาน เกี่ยวกับคุก  โตนสแลง  วันนี้ก็ถึงคิวของ  ทุ่งสังหาร หรือที่รู้จักกันทั่วไปว่า “Killing Fields’’หากพูดถึง กัมพูชา  หลายๆท่านอาจนุกถึงนครวัด หนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลก   คาสิโน  (ตอนนี้ที่กัมพูชามี คาสิโนเกือบแปดสิบคาสิโนแล้ว  แต่ส่วนมาก จะอยู่ติดชายแดน กัมพูชา  เวียดนาม  แต่ฝั่งไทยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ปอยเปต  

 

 บ้านเมืองกัมพูชาในช่วงการพัฒนา ฝุ่นเยอะมากๆ ตอนนี้เห็นที่กรุงพนมเปญมีการเร่งสร้างถนนหนทางกัน หลายเส้นเลยทีเดียว บรรยากาศระหว่างทางไป ทุ่งสังหาร  จากรูปล่างซ้ายไปถึงก็หาไรกินก่อนเลย แต่กินได้นิดหน่อย  ยังทึ่งอยู่กับภาพที่เห็นจากคุกตวลสแลงมันยังเป็นภาพติดตาตรึงใจผม

   ผมเดินทางต่อจากคุก ตวลสแลง  มาที่ทุ่งสังหารหรือที่ชาว กัมพูชาเรียกกันติดปากว่า จรึงแอ็ก Choeung ek Ginodical Center       คำว่า genocide คำนี้ออกเสียงว่า จีโนไซด์ แปลว่า การล้างเผ่าพันธุ์จนทำให้เกือบสูญพันธุ์คำนี้เราจะเจอมากที่สุดเวลาที่นัก วิชาการหรือนักประวัติศาสตร์พูดถึงเรื่องสงครามโลก ครั้งที่ 2 ที่ฮิตเลอร์พยายามจะล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว

                              คำว่า genocide เป็นคำที่รุนแรง มันมากกว่าคำว่า murder ที่แปลว่าการฆ่า หรือฆาตกรรม และมากกว่าคำว่า kill ที่แปลว่า การฆ่า genocide เป็นคำที่พูดถึงการฆ่าคนเป็นจำนวนมาก เป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ หรือการทำให้ชาติใดชาติหนึ่ง กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งสูญพันธุ์ให้ได้

ไปถึงจะมีรถทัวร์พานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมาที่นี่มากพอสมควรซึ่งมากกว่าที่คุกโตนสแลง   

 ค่าเข้าชมเห็นมีบางท่านบอกว่าหกดอลล่าร์ส่วนผมถามราคาตั๋วเป็นภาษากัมพูชา กลับบอกว่าไม่เก็บ เข้าไปจะเจอ อนุสรณ์สถานตั้งตระหง่าน อยู่

                      อนุสรณ์นี้หากมองดูเพียงภายนอกแล้ว หลายคนอาจจะคิดว่ามันก็คืออนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเอกราชของชาว เขมรเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่าภายในมันกลับบรรจุไว้ด้วยเรื่องราวอันโหดเหี้ยมและภาพอันน่า สะพรึงกลัวที่ไม่มีวันจะลบเลือนไปจากความทรงจำของชาวเขมรได้เลย เพราะภายในอนุสรณ์สถานเจืองเอ็กนั้นคือสถานที่เก็บหัวกะโหลกของชาวเขมร เหยื่อของการสังหารโหดที่เรียกว่า "ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์" เมื่อประมาณเกือบ 30 ปีที่ผ่านมา มันจึงเป็นเสมือนสถานที่แสดงถึงความโหดร้ายและระลึกถึงผู้เสียชีวิตชาวเขมร ที่ต้องดับดิ้นลงไปด้วยน้ำมือของคนชาติเดียวกัน
                      
                       เชื่อว่าชาวเขมรที่ยังคงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบันนี้ คงจะไม่มีใครลืมเลือนเหตุการณ์ ในปี ค.ศ.1975 ที่ชีวิตคนประมาณ 1 ล้าน 7 แสนคน ได้ถูกนำไปทารุณอย่างโหดร้าย ก่อนที่จะถูกส่งไปยังสนามแห่งหนึ่งตรงช่องเอกในจังหวัดกันดาล ชานกรุงพนมเปญ ซึ่งชาวเขมรรู้จักกันดีในนามของ "Killing Fields" หรือ "ทุ่งสังหาร" ณ ที่แห่งนี้เหยื่อทั้งหมดถูกยิง ถูกตัดหัว ถูกทุบตี ถูกแทงและอีกสารพัดวิธีการทรมานสุดแต่ที่ชาวเขมรด้วยกันจะคิดออกมาได้

ว่ากันว่าถ้าเหยื่อเป็นเด็กจะถูกจับเท้าและฟาดอย่างแรงกับต้นไม้จนตายคาที่ จากนั้นก็จะถูกจับแขวนคอยังกิ่งไม้ในรอบๆ ทุ่งสังหาร ถ้าเป็นผู้ใหญ่ก่อนที่จะถูกฆ่าพวกเขาจะถูกบังคับให้ขุดหลุมขนาดใหญ่เหมือน กระทะ เมื่อขุดเสร็จก็จะถูกยิงทิ้งในหลุมนั้นทันที เหยื่อทั้งหมดนอนตายอย่างทุกข์ทรมานในสนามแห่งนี้และคงเหลือไว้เพียงหัว กะโหลกให้คนรุ่นหลังได้เห็นเท่านั้น โดยต่อมาได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ครอบหัวกะโหลกเอาไว้ ซึ่งก็คืออนุสรณ์สถานเจืองเอ็กในปัจจุบันนั่นเอง

             เชื่อหรือไม่ !? เรื่องสยองทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะคน 2 คนแท้ๆ และสองคนนี้เป็นคนเขมรโดยกำเนิด แต่ใจเขาสุดอำมหิตจนเป็นเหตุให้คนเขมรตายถึง 3 ล้านคน คนแรกคือนายเขียว สัมพันธ์ และคนที่สองคือ พอล พต (Pol Pot)

              ซาลอท ซาร์ (Saloth Sar) หรือ พอล พต (1925-1998) เป็นผู้นำเขมรแดงและเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศกัมพูชาในปี ค.ศ.1976-1979 – พอล พต มีชื่อเดิมว่าชาลอท ชาร์ เกิดเมื่อปี ค.ศ.1925 ที่เมืองกำปงธม ในครอบครัวเศรษฐีหัวสมัยใหม่ พ่อเป็นเจ้าที่ดินที่มั่งคั่ง ส่วนพี่สาวและญาติฝ่ายหญิงทำงานในวัง (เป็นนางรำ แต่บางแหล่งบอกว่าเป็นสนม)

              ในเวลานั้นกัมพูชาอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อกำลังสับสนวุ่นวาย เนื่องจากขณะนั้นเขมรยังถูกฝรั่งเศสยึดเป็นอาณานิคมอยู่ ทำให้วัยรุ่นนักศึกษาเขมรเกิดแฟชั่นฮิตในการปกครองแบบคอมมิวนิสต์ โดยหวังว่าการปกครองนี้จะช่วยให้กัมพูชาเจริญก้าวไกลกว่าประเทศอื่นๆ

โฉมหน้าของ พอล พต หรือ พล พต ผู้นำเขมรแดง

โฉมหน้าของ นาย เขียว สัมพันธ์ และ เจ้าสีหนุ

พอล พต ในตอนเด็กนั้นไม่มีเค้าของผู้นำที่โหดร้ายในอนาคตสักนิด เขาเป็นเด็กเรียบร้อย มารยาทงาม ชอบคิดคนเดียวเงียบๆ มากกว่าจะพูด คะแนนการเรียนใช่ว่าจะดีเลิศมากมายนัก แต่กระนั้น พอต พต ก็มีดีอยู่อย่างคือ เขาเก่งภาษาฝรั่งเศสและความที่เป็นเด็กเส้นทำให้เขาได้ทุนเรียนเมืองนอกที่ กรุงปารีสในสาขาเกี่ยวกับไฟฟ้าและคลื่นวิทยุเมื่อปี ค.ศ.1949

           แม้จะไปเรียนนอกก็ตาม แต่พอล พต ใช่ว่าจะตั้งใจเรียนมากนัก คะแนนสอบเขาห่วยจัด เอาแต่หมกอ่านหนังสือไปวันๆ ไม่นานก็เริ่มเบื่อที่จะคุยกับเพื่อนๆ ในสาขาเดียวกันและมุ่งหาเพื่อนที่มีแนวคิดที่เสมือนกับเขาและที่สำคัญจะต้อง เป็นคนชาติเดียวกันกับเขา นั่นคือ "สายเลือดกัมพูชา"

                  ต่อมาไม่นานนัก เขาได้มาพบกับเพื่อนที่เขาต้องการ บุคคลที่จะนำพาชีวิตและอุดมการณ์ของเขาให้เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง โชคชะตาพา "เขียว สัมพันธ์" และ "พอล พต" ให้มาพบกัน ทั้งสองพูดคุยกันได้อย่างถึงพริกถึงขิง – เขียว สัมพันธ์ ได้ให้เหตุผลถึงการมีอยู่ของรูปแบบทุนนิยมอันจะก่อให้เกิดการทำลายกันเองให้ พอล พต ได้ฟัง จนทำให้พอล พต ถึงกับอึ้งในความคิด เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาคิดว่าฝรั่งเศสจะช่วยพัฒนาชาวเขมรให้ดียิ่งขึ้น

                   แต่เพราะการเปิดประเด็นของเขียว สัมพันธ์ ที่กล่าวถึงนโยบายประเภทเลี้ยงสัตว์ป่าให้อยู่ในบ้าน ซึ่งเป็นวิธีที่สอนให้ชาวเขมรไม่ขยันขันแข็ง มีการส่งเสริมการพักผ่อนกลางวันถึง 2 กะ ทำให้ชาวเขมรไม่กระตือรือร้นและใฝ่รู้ในการเรียนและฝรั่งเศสจะได้ปกครอง ง่ายๆ

                 นายเขียวเอ่ยปากทฤษฎีที่เขาศึกษาว่านี่คือวิธีการปกครอง ที่เหมาะแก่ประเทศกัมพูชาแก่พอล พต ว่า“ลบล้างกฎเกณฑ์และเรื่องราวทุกอย่างของชาติตะวันตก (ฝรั่งเศส) ที่เคยวางรากฐานปกครองกัมพูชาเอาไว้ ยุติการแสวงประโยชน์ในทุกทาง ให้ประเทศกัมพูชาเจริญในการปกครองแบบชนบท คือ ไม่มีเมืองใหญ่ ไม่มีโรงงานอุตสาหกรรม ไม่มีระบบเงินตาและไม่มีการศึกษา” แม้ทฤษฏีนี้จะเป็นแค่ลมปากของนายเขียว แต่พอล พต ชอบใจมาก เขาคิดว่าจะนำทฤษฏีนี้มาใช้กับประเทศกัมพูชาในอนาคต

(นี่คืออุดมการณ์ของแกนนำเขมรแดง ที่ก่อให้เกิดการสูญเสียที่คนทั้งโลกไม่อาจลืมเลือนค่ะ)


       เดินเข้าไปตรงอนุสรณ์สถานที่ตั้งตระหง่านท้าแดดท้าฝน เป็นที่เก็บกระโหลกของเหยื่อผูเสียชีวิตจากการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของเขมรแดง

ผมถ่ายรูปแบบไกล้ๆมาไม่กี่รูป  กะโหลกศรีษะของผู้เสียชีวิตจะวางเรียงราย เข้าไปด้านใหน และมีหลายชั้นสูงขึ้นไป  เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นกะโหลกศรีษะมนุนย์แบบ ชัดๆ  มันช่างดูน่ากลัวจริงๆ  นี่ขนาดเวลาผ่านมานานหลายปีแล้ว

จากนั้นพอล พต ก็เริ่มหลงใหลคอมมิวนิสต์ อีกสองปีต่อมา คือในปี ค.ศ.1952 เขาเข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ฝรั่งเศส ซึ่งต่อต้านลัทธิต่อต้านอาณานิคม ร่วมกับนายเส็ง สาลี ซึ่งเคยอยู่ที่กรุงเบอร์ลิน และต่อมาสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ได้ก่อวีรกรรมที่ทำให้ตนเองต้องถูกลอยแพ

                     นั่นคือการส่งจดหมายเปิดผนึกไปยังสมเด็จสีหนุ ตราหน้าว่าเป็นฆาตกรประชาธิปไตยที่ยังตั้งไข่ ทำให้ฝรั่งเศสสั่งปิดสมาคมนักศึกษากัมพูชา (KSA) และถูกระงับเงินทุนเข้าประเทศ ทำให้สมาคมนักศึกษาต้องแตกกระเซ็น – พอล พต ต้องเดินทางกลับประเทศพร้อมกับเขียว สัมพันธ์ ในปี ค.ศ.1953 และทำงานในโรงเรียนเอกชนในกรุงพนมเปญ

                      แต่ฉากหลังนั้นทำงานให้กับสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์ ไม่นานนัก พอล พต ออกพื้นที่ไปยังจังหวัดกำปงจามเพื่อร่วมมือกับพวกเวียดมินห์ในช่วงสงครามกับ ฝรั่งเศส ต่อมาก็กลับมาที่พนมเปญเพื่อทำหน้าที่เป็นตัวประสานงานระหว่างพรรคการเมือง หัวเอียงซ้ายและพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งแบ่งออกเป็นสองปีกคือปีกสนับสนุน เวียดนามและปีกต่อต้านเวียดนาม

                   ในปี ค.ศ.1954 กัมพูชาเกิดการเปลี่ยนแปลงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นกัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศสในข้อตกลงของสนธิสัญญาเจนิวา หลังสงครามโลกฝรั่งเศสเจ้าอาณานิคมเก่าต้องการกัมพูชากลับมาไว้ในมือเหมือน เดิมเพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงินและต่างประเทศ แต่ทางกัมพูชาได้รับบทเรียนนั้นแล้ว จึงไม่ยอมแน่นอนและได้ทำการขับไล่กองทัพฝรั่งเศสจนเรียกได้ว่าเผ่นป่าราบจน ไปถึงสมรภูมิที่คนยุคหลังเรียกว่า "เดียนเบียนฟู"

                      กษัตริย์ของเขมรนั่นคือ สมเด็จพระนโรดม สีหนุ (เรียกสั้นๆ ว่า สมเด็จสีหนุ) ทรงได้รับเลือกจากสภาให้สืบราชสมบัติจากพระอัยกา (ท่านตา) คือสมเด็จสีศวัด มนีวงศ์ ตั้งแต่ปี ค.ศ.1941 ในภายหลังพระองค์ได้ทรงสละราชสมบัติให้พระบิดาคือสมเด็จพระนโรดม สุระมฤติ ทรงดำรงเป็นกษัตริย์แทน เพื่อมาลงรับตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรี

                      สมเด็จสีหนุได้ทรงพยายามนำประเทศให้ทำตัวเป็นกลางปลอดจากจากกองกำลัง เวียดนามและต้องการรวบอำนาจไว้แต่เพียงผู้เดียวจึงให้พรรคการเมืองต่างๆ ปะทะกันเอง พระองค์ยังทรงปราบปรามพรรคการเมืองที่มีแนวคิดแบบสุดโต่ง พรรคคอมมิวนิสต์ก็โดนผลกระทบนี้ด้วย กลุ่มแกนนำที่สำคัญโดนฆ่าตัดตอนจนมากมายหลายคน – พอล พต จึงได้เลื่อนขึ้นมารับตำแหน่งในพรรคอย่างรวดเร็ว ต่อมาในปี ค.ศ.1963 ทางการกัมพูชาได้ขึ้นบัญชีดำพอล พต เป็นอาชญากรหมายเลขหนึ่งที่ทางการต้องการตัวมากที่สุด

                      ปี ค.ศ.1963 พอล พต จำต้องลี้ภัย เขาเลือกที่จะหนีไปเวียดนามและขอความช่วยเหลือจากเวียดนามเหนือ (ตอนนั้นเวียดนามยังคงแบ่งเป็นเวียดนามเหนือกับเวียดนามใต้) จัดตั้งกองกำลังเป็นเขมรแดงหรือกลุ่ม Khmer Rouge (Red Cambodians) แต่ในตอนนั้นเวียดนามเหนือกำลังสู้กับสหรัฐฯ ทำให้ไม่สามารถช่วยพอต พต ได้มากนัก – พอล พต สิ้นหวังกับเวียดนามเหนือ เขาเลยเดินทางไปยังจีน เขาได้รับการตอนรับอย่างดีจากพวกซ้ายจัด อีกทั้งเขาได้แนวคิดใหม่ๆ จากจีน และอยากนำมาใช้อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติอุตสาหกรรม นโยบายก้าวกระโดด

 ใน ปี ค.ศ.1966 พอล พต กลับมากัมพูชา เวลานั้นประชาชนเขมรกำลังทะเลาะกัน เนื่องด้วยพวกชาวนาออกมาต่อต้านรัฐบาลของสมเด็จสีหนุเพราะไม่สามารถ แก้ไขราคาข้าวได้ ทำให้ชาวเขมรหลายคนเข้าร่วมพรรคคอมมัวนิสต์ของพอล พต มากยิ่งขึ้น อีกหนึ่งปีต่อมาพรรคคอมมิวนิสต์ซึ่งกลับมาใช้ชื่อเดิมคือ Communist Party of Kampuchea หรือ CPK (แปลเป็นไทยได้ว่า "พรรคคอมมิวนิสต์แห่งกัมพูเชีย (กัมพูชา)")

                           จากนั้นเป็นต้นมาสงครามกลางเมืองเขมรก็เริ่มต้นขึ้น แม้ทหารจากรัฐบาลจะมีจำนวนมากกว่ากองกำลังของพอล พต และเวียดนามเหนือไม่มาช่วยเหลือก็ตาม แต่กระนั้นปี ค.ศ.1968 พอล พต ก็ก้าวมาเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของกลุ่มเขมรแดงที่เรียกว่า ประธานพรรค (Collective Leaders) มีผู้ติดตามนับร้อย ปกป้องเขาอย่างกับไข่ในหิน

                      ย้อนกับมายังสมเด็จสีหนุพระมหากษัตริย์และนายก รัฐมนตรี      ต่อมาพระบิดาของพระเจ้าสีหนุซึ่งครองราชย์อยู่ในกัมพูชาเพียง 5 ปีก็ทรงสวรรคต     ทำให้พระเจ้าสีหนุดำรงตำแหน่ง 2 ควบนั่นคือ    พระมหากษัตริย์และนายกรัฐมนตรีไปด้วย   พระองค์เจอปัญหารอบ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นความล้มเหลวในการบริหารประเทศ การเมืองที่ร้อนฉ่า

                       และแล้วทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ในปี ค.ศ.1970 สมเด็จสีหนุเสด็จเดินทางไปรักษาโรคมะเร็งที่จีนและโซเวียต นายพลลอน นอล ถือโอกาสปลดพระองค์ออกจากตำแหน่งประมุขของรัฐและยึดอำนาจมาไว้เป็นของตนเอง – นายพลลอน นอล มีแนวคิดไม่สนับสนุนเวียดนามเหนือและร่วมมือสหรัฐทุกรูปแบบ (มีข่าวลือว่า CIA อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ครั้งนี้)

                      ในที่สุดเหตุการณ์ปานปลาย สงครามกลางเมืองของกัมพูชายิ่งเลวร้ายขึ้น สมเด็จสีหนุตอนนี้ติดค้างในปักกิ่ง พยายามออกรายการวิทยุเพื่อปลุกระดมต่อต้านรัฐบาล แต่ก็ใช่ว่าวิธีนี้จะได้รับผลดีมากนัก สมเด็จสีหนุเลยต้องเข้าไปจูบปากกับศัตรูคู่แค้นที่ครั้งหนึ่งพระองค์เกลียด นักเกลียดหนาอย่างพอล พต เพื่อเข้าร่วมต่อสู้กับรัฐบาลของนายพลลอน นอล

                       จากเพื่อนเป็นศัตรู-จากศัตรูมาเป็นเพื่อน ทุกสิ่งทุกอย่างคือผลประโยชน์ เวียดนามเหนือก็เข้าร่วมศึกครั้งนี้ด้วย นายพลลอน นอล ที่ได้รับการสนับสนุนจากเวียดนามใต้และสหรัฐฯ ได้ใช้สิทธินี้ขอกำลังฝูงบินของสหรัฐฯ นำทิ้งระเบิดที่ภาคตะวันออกของกัมพูชาทำให้ผู้บริสุทธิ์ตายนับพัน

                         เหตุการณ์แทนที่จะดีกลายเป็นร้ายขึ้นเรื่อยๆ ชาวบ้านเขมรเหม็นขี้หน้านายพลลอน นอล สุดขาดใจ ถึงขั้นจับนายลอน นิล พี่ชายของลอน นอล ไปคว้านท้องเอาตับมาต้มแบ่งกิน รัฐบาลของลอน นอล เต็มไปด้วยคอรัปชั่น บ้านเมืองไม่มีเขื่อนมีแป ถึงขนาดข้าราชการบางคนเอาปืนไปขายให้พวกคอมมิวนิสต์ไปยิงชาวบ้านเล่นก็มี ตัวนายพลลอน นอล ก็อ่อนแอ ล้มเหลวในการบริหารประเทศ วันๆ เอาแต่ขอความช่วยเหลือสหรัฐฯ

พอล พต อาศัยจังหวะสะสมกองกำลังและปัจจัยการรบมากขึ้นเรื่อยๆ เขาปลูกฝังอุดมการณ์ของคอมมิวนิสต์ที่ทำให้คนเรามีฐานะเท่าเทียมกันในสังคม ทำให้ชาวนาที่ยากจนชอบเขมรแดงมากขึ้นและพื้นที่การครอบครองของเขมรแดงก็ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

                        ปี ค.ศ.1972 เวียดนามเหนือยุติการรบกับรัฐบาลนายพลลอน นอล และส่งมอบภาระให้กับพอล พต กับกองทัพต่อไปและด้วยความสนับสนุนจากประเทศจีน บวกกับตัวนายพลลอล นอล ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐน้อยลง ทำให้พอล พต ยึดกัมพูชาได้เมื่อปี ค.ศ.1975 กองทัพเขมรแดงได้รับชัยชนะ นายพลลอน นอล ลี้ภัยไปตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนก่อนที่กองทัพเขมรแดงจะเข้ายึดเมืองหลวง ทันทีที่กองทัพเขมรแดงภายใต้การนำของพอล พต ยึดเขมร สิ่งแรกที่พอล พต ออกคำสั่งไปคือให้นำผู้นำระดับสูง ข้าราชการ ลูกจ้างรัฐบาลและผู้นำระดับสูงของรัฐบาลหลายคนไปยิงทิ้งกันต่อหน้าสาธารณชน

เช้าของวันที่ 17 เมษายน ค.ศ.1975 กองกำลังของเขมรแดงเดินแถวกันเข้ามาในกรุงพนมเปญบนถนนที่รกร้างว่างเปล่า กองกำลังนี้แต่งตัวเหมือนชุดชาวนาหรือไม่ก็ชุดสีกากีแบบง่ายๆ อายุเฉลี่ยประมาณ 15 ปี พวกเขาไม่สนใจการต้อนรับของประชาชนมากนัก แม้ว่าช่วงนี้จะเป็นช่วงปีใหม่ของเขมรพอดี (บางที่บอกว่าเป็นวันชาติของกัมพูชา)
 
 
 
เบื่ออ่านหรือยังคะ อันนี้เกริ่นๆ เฉยๆนะ ก่อนเกิดเหตุการณ์
 
ขอบคุณ คุณ Gripphen33 ที่โพสให้อ่านค่ะ
 
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
PLAYER18's profile


โพสท์โดย: PLAYER18
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
44 VOTES (4/5 จาก 11 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
"ซินแสดัง" เผยดวงเมืองประเทศไทย ปี 2569..ยิ่งรบ ยิ่งแข็งแกร่ง ศัตรูแพ้ราบคาบเขมรวิเคราห์ "จุดอ่อนของ T-50TH คืออะไร?"ทัพภาค 2 จัดหนัก งัดจรวดไทย DTI-1G รับใช้ชาติ ถล่ม BM-21 เขมรให้กระจายวิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลเซียนหวยคึกคัก ม้าสีหมอกปล่อยแนวทางเลขเด็ด งวด 2 มกราคม 2568ปิดตำนานรถ EV ราคาถูก ทิ้งลูกค้า, ดีลเลอร์ หอบเงินจากภาครัฐฯ กลับจีนหน้าตาเฉยเจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์AI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 2 มกราคม 69..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี"ทัพฟ้าไทย" ยืดอกรับ ส่งฝูงบินถล่มคลังแสงพระตะบอง ลั่น "เราไม่ได้เริ่มก่อน" แต่ต้องทำเพื่อปกป้องประชาชนหลังหยุดยิงได้ไม่กี่ชั่วโมง พบเครื่องบินปริศนา บินเข้าสู่กรุงพนมเปญ10 พรรณไม้สวยพิษร้าย: ความงดงามที่ต้องแลกด้วยอันตรายถึงชีวิตเสธ.เดือด มีแต่พื้นที่ของกูกับของมึง..เท่านั้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
วิเคราะห์หวยงวดวันที่ 2 มกราคม 69 โดยใช้ AI..เลขไหนมีสิทธิ์ถูกรางวัลวัฒนธรรมของ สัตว์เลื้อยคลาน ที่มันคือกิ้งก่าขนาดใหญ่นี่หน่ะหรือ ขนมที่ใช้ในพิธีขันหมากศึกเดือดกลางเมืองชล! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะคารมกลุ่มแม่ยก "พี่เฮ้ง" ปมแก้รัฐธรรมนูญและตรวจสอบทุจริตบราวนี่ ไม่ใช้เตาอบ ส่วนผสมน้อย อร่อยสร้างภาพความงามที่ไม่เสื่อมคลายของ คิมซารัง แม้จะอายุเกือบ 50 ปีแล้วก็ตาม
ตั้งกระทู้ใหม่