รถไฟไทย : = ชนิดรถโดยสารแต่ละประเภทของการรถไฟแห่งประเทศไทย
รวมฉลอง 117 การรถไฟแห่งประเทศไทย วันนี้เลยมีภาพของรถโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทยมาให้ชมกัน
ลักษณะของรถพ่วงที่ให้บริการ
รถไฟจะแบ่งเป็น 3 ชั้น
ชั้น 1
ชั้น 2
ชั้น 3
และจะแบ่งเป็นประเภทย่อยๆอีกคือ รถนั่ง รถนอน และรถปรับอากาศ จะมีข้อมูลดังต่อไปนี้
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 (บนอ.ป)
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 นั้นจะมีลักษณะห้องโดยสารเป็นห้องๆ ใน 1 ห้องจะเป็นเตียงนอน มีความเป็นส่วนตัวสูง ซึ่ง รฟท. มีรถนอนปรับอากาศชั้น 1 ให้บริการ 2 แบบ คือ
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด 24 ที่นั่ง (บนอ.ป24)
รถนอนประเภทนี้ จะแบ่งเป็น 12 ห้อง ใน 1 ห้อง จะมี 2 เตียง เป็นเตียงล่าง 1 เตียง เตียงบน 1 เตียง
และห้องที่เป็นคู่ๆกันมีประตูสามารถเปิดเข้าหากันได้ คือ ห้อง 1/2 ,3/4 ,5/6, 7/8, 9/10, 11/12
ขบวนที่ให้บริการ
สายเหนือ
ขบวนรถด่วนพิเศษนครพิงค์ที่ 1/2 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ (จะพ่วงในวันที่ไม่มี บนอ.ปJR)
สายอีสาน
ขบวนรถด่วนที่ 67/68 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 69/70 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ
สายใต้
ขบวนรถด่วนพิเศษระหว่างประเทศที่ 35/36 กรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ (ตัดรถแค่หาดใหญ่)
ขบวนรถด่วนพิเศษทักษิณที่ 37/38 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ
รู้ไว้ใช่ว่า...
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ในเที่ยวไปห้องนอนจะอยู่ฝั่งซ้ายของขบวนรถ
ส่วนขากลับ ห้องนอนจะอยู่ขวามือของขบวนรถ
ห้องน้ำ จะมี 2 ห้อง ไม่มีหน้าต่าง แต่จะมีพัดลมดูดอากาศแทน
รถนอนปรับอากาศชั้น 1 ชนิด JR-West (บนอ.ปJR)
รถรุ่นนี้เป็นรถนอนเดิมของ JR-West ประเทศญี่ปุ่น มีขนาดที่ใหญ่และความกว้างค่อนข้างมาก ทำให้ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่ตาม ซึ่งมีความแตกต่างกับรุ่นเดิมคือ มีห้องนอน 10 ห้อง ห้องละ 1 เตียงเท่านั้น และห้องที่เป็นเลขคู่กันสามารถเปิดประตูเชื่อมต่อถึงกันได้ด้วย
ขบวนรถที่มีให้บริการ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 13/14 กรุงเทพ – เชียงใหม่ - กรุงเทพ
รู้ไว้ใช่ว่า เที่ยวไปห้องนอนจะอยู่ฝั่งขวามือของขบวนรถ ส่วนเที่ยวกลับจะอยู่ซ้ายมือ
รถนอนชั้น 2
รถนอนชั้น 2 ที่มีให้บริการในการรถไฟนั้น จะมีอยู่ทั้งสิ้น 6 ประเภท
1. รถนอนชั้น 2 พัดลม (บนท.32)
2. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 32 ที่นั่ง (บนท.ป32)
3. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 36 ที่นั่ง (บนท.ป36)
4. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นโตคิว (บนท.ป40)
5. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นแดวู (บนท.ป40)
6. รถนอนชั้น 2 ปรับอากาศ ชนิด 34/30/26 ที่นั่ง JR-West (บนท.ปJR)
เลขที่นั่ง
เตียงบน = เลขคี่
เตียงล่าง = เลขคู่
รถนอนชั้น 2 (บนท.32)
รถนอนชั้น 2 หรือ รถนอนพัดลมชั้น2ตามชื่อสามัญที่เรียกกันนั้น เป็นการให้บริการลักษณะนั่งกลางวัน นอนกลางคืน การออกแบบรถนั้นตรงกลางจะเป็นทางเดินยาวไปตลอดแนว ส่วนเตียงนอนและที่นั่งนั้นจะอยู่ฝั่งซ้าย และขวาของทางเดินยาวไปตลอดแนว
เก้าอี้นั่งนั้น ในกลางวันจะมีลักษณะคล้ายชั้น 3 คือหันหน้าเข้าหากัน แต่ในเวลากลางคืนนั้น เก้าอี้ทั้ง 2 จะ
จับมาชนกันปรับนั่น ดึงนี่ ก็จะกลายเป็นฐานรองเตียงล่าง แค่ปูฟูก และผ้าปูที่นอน วางหมอนวางผ้าห่ม
มันก็จะกลายเป็นเตียงล่างอย่างสมบูรณ์
ส่วนเตียงบนนั้นจะไขออกมา และจัดเตียงให้เรียบร้อย ก็กลายเป็นเตียงบนให้นอนแล้ว
**** สำหรับรถนอนพัดลมนั้น อาจจะเหมาะกับคนที่อยากนอน แต่ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการความสบายแบบขีดสุด เนื่องจากมันไม่มีแอร์
วิธีการนอนที่ฟินที่สุดนะครับ
หากคุณเป็นคนไม่ชอบอยู่ที่อึดอัดชนิดต้องเห็นเดือนเห็นตะวัน
ควรเปิดกระจก 1/2 ของหน้าต่าง และปิดบานเกล็ดลงมา 1/2 ของหน้าต่าง เพื่อให้ลมนั้นเข้ามาตามรอยแง้มได้
หรือถ้าหากลมตีผ้าม่านที่ปิดตรงทางเดิน ก็ให้เอาเหน็บไว้ใต้ฟูก เราก็จะรู้ด้วยว่า มีใครเลิกผ้าม่านเราเข้ามารึเปล่า เพื่อความปลอดภัยของเราด้วย
รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 32 ที่นั่ง (บนท.ป32)
รถนอนประเภทนี้จะดัดแปลงมาจากรถนอนพัดลมชนิด 32 ที่นั่งครับ
ลักษณะเลยจะไม่แตกต่างกันมากเท่าไหร่
แล้วก็ไม่ค่อยพบเห็นเท่าไหร่แล้วด้วย เรียกได้ว่าเป็นรถนอนรุ่นบุกเบิกเลยล่ะ
ขบวนที่มีให้บริการ
ขบวนรถเร็วที่ 107/108 กรุงเทพ - เด่นชัย - กรุงเทพ
รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 36 ที่นั่ง (บนท.ป36)
รถนอนรุ่นนี้ดัดแปลงมาจากรถนอนแสตนเลสพัดลมชนิด 36 ที่นั่ง มีให้บริการอยู่ในขบวนรถดังต่อไปนี้
สายเหนือ
รถด่วน 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
สายใต้
รถเร็ว 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ
รถเร็ว 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ
รถเร็ว 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ
รถเร็ว 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ
รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง (รุ่นโตคิว)
รถนอนรุ่นนี้เป็นรถนอนปรับอากาศรุ่นที่เป็นพื้นฐานของรถไฟไทย จะมีทั้งหมด 40 ที่นั่ง เบาะหนังสีน้ำตาล
แต่ข้างในจะค่อนข้างดูคับแคบเพราะบันไดขึ้นเตียงบนจะวางในแนวทำมุมฉากกับเตียงจนพื้นที่ทางเดินมีน้อย
ขบวนที่มีให้บริการ
สายตะวันออกเฉียงเหนือ
รถด่วน 67/68 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
รถด่วน 69/70 กรุงเทพ – หนองคาย - กรุงเทพ
สายใต้
รถด่วนพิเศษ 37/38 กรุงเทพ – สุไหงโกลก - กรุงเทพ
รถด่วน 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ
รถด่วน 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ
รถนอนปรับอากาศชั้น 2 ชนิด 40 ที่นั่ง รุ่นแดวู
เป็นรถนอนปรับอากาศที่มีขนาดเตียงใหญ่ที่สุดในบรรดารถทั้งหมด จะพ่วงให้บริการเพียง 2 ขบวนเท่านั้นในประเทศ
สายเหนือ
รถด่วนพิเศษนครพิงค์ 1/2 กรุงเทพ – เชียงใหม่ - กรุงเทพ
สายใต้
รถด่วนพิเศษระหว่างประเทศ 35/36 กรุงเทพ – บัตเตอร์เวอร์ธ – กรุงเทพ
โดยขนาดที่กว้างขวางนั้นทำให้คนที่จะไปเชียงใหม่ หรือ หาดใหญ่ ถึงได้ไขว่คว้าหาตั๋วขบวนนี้กันให้ควั่ก
คุณรู้หรือไม่ว่า เตียงที่กว้างนั้นเกิดจากการออกแบบบันไดให้ติดกับผนังเตียง จึงทำให้มีพื้นที่กว้างขึ้น แต่เตียงบนมีขนาดเท่ารุ่นเดิมนะจ๊ะ
แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่า รถรุ่นนี้ที่ไว้กระเป๋าจะค่อนข้างแย่ ถึง แย่มากๆ คือเตียงบนน่ะครับ มันจะเป็นเหมือนหิ้งเล็กๆเท่านั้นเอง ส่วนเตียงล่าง แนะนำว่ายัดไว้ใต้เตียงจะดีที่สุด หรือ ไว้ที่ในเตียงเราเลยก็ได้เช่นกันครับผม
รถนอนปรับอากาศชั้น 2 รุ่น JR-West
รถนอนปรับอากาศรุ่นนี้จะต่างกับรุ่นอื่นๆ คือ
รถรุ่นอื่นนั้นจะมีทางเดินตรงกลาง ส่วนซ้ายขวาของทางเดินจะเป็นเตียงนอนไปตลอดแนว
แต่รถ JR หรือที่เรียกว่า "บลูเทรน" (ถึงตอนนี้จะม่วงแล้วก็เหอะ)
ทางเดินจะมีอยู่ฝั่งเดียวริมหน้าต่าง และอีกฝั่งจะเป็นห้องโดยสาร (ไม่มีประตูปิด) ในห้องหนึ่งจะมี 4 เตียง เป็นเตียงล่าง 2 เตียงบน 2
ขบวนที่มีให้บริการ มีขบวนเดียวเท่านั้น คือ
รถด่วนพิเศษ 13/14 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ
*** เหมาะกับการเดินทางกันเป็นกลุ่ม แต่เสียงดังอาจไม่ค่อยได้นะครับเพราะมันไม่มีประตูกั้นห้อง
หากคุณเบื่อที่จะอยู่ในห้อง บริเวณทางเดินหน้าห้อง มีเก้าอี่้เล้กๆพับได้ให้นั่งชมวิวด้วย
รถนั่งชั้น 2 (บชท.)
ท. ตัวสุดท้ายของตัวย่อ นั้นมาจากคำว่า “โท” ที่แปลว่า 2 รถนั่งชนิดนี้เบาะนั่งเป็นหนังขนาดใหญ่พอดีลำตัว สามารถปรับเอนได้ และมีข้อได้เปรียบกว่ารถแอร์คือ ที่นั่ง และพื้นที่เหยียดขา “กว้างมากกกกก” เพราะทั้งตู้มีแค่ 48 ที่นั่งเท่านั้น เหยียดสบ๊ายยยยยย
อีกทั้งการออกแบบค่อนข้างดี ถึงจะเปิดหน้าต่างรับลมทุกบาน แล้วนั่งเอนกายสบายใจบนเบาะ คุณเชื่อหรือไม่ว่า “ลมไม่ตีโดนหน้า” เก๋ป่ะล่ะ...
แต่เสียอย่างเดียว เบาะรุ่นใหม่ที่ดูสวยงามน่าสัมผัสนั้น กลับสวยแต่รูป จูบไม่ค่อยหอม กล่าวคือ เอนได้ค่อนข้างน้อย และมีขนาดเบาะใหญ่จนพื้นที่ให้หายใจหายคอนั้นมีน้อยลง รวมถึงถาดวางอาหารที่เมื่อกางออกมาแล้ว แทบจะชนพุง......อย่างว่าแหละครับ ของเก่าอาจจะไม่สวยแต่การใช้สอยนั้นดีกว่าของใหม่ที่สวยงามเยอะเลย
ขบวนที่มีให้บริการ
สายเหนือ
ขบวนรถเร็วที่ 109/102 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 51/52 กรุงเทพ – เชียงใหม่ – กรุงเทพ
สายอีสาน
ขบวนรถเร็วที่ 135/136 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 139/140 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 145/146 กรุงเทพ – อุบลราชธานี – กรุงเทพ
สายใต้
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 37/38 กรุงเทพ - สุไหงโกลก - กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 83/84 กรุงเทพ – ตรัง – กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนที่ 85/86 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 167/168 กรุงเทพ – กันตัง – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 169/170 กรุงเทพ – ยะลา – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 171/172 กรุงเทพ – สุไหงโกลก – กรุงเทพ
ขบวนรถเร็วที่ 173/174 กรุงเทพ – นครศรีธรรมราช – กรุงเทพ
รถนั่งดีเซลรางชั้น 2 ปรับอากาศ รุ่น ATR (กซม.ป58)
รถรุ่นนี้จะสร้างความปวดเศียรเวียนเกล้าให้กับการจองเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นรถชั้น 2 แค่รุ่นเดียวในประเทศที่เบาะไม่สามารถหมุนหันไปทางเดียวกันได้ ภายในรถจะแบ่งเป็น 4 ส่วนไว้ คั่นด้วยประตูขึ้นลง และประตูกลางตู้ ฉะนั้นแล้วต้องดูดีดีว่าเบาะมันหันไปทางไหน
ในบางคันนั้น จะเป็นสีน้ำเงิน เบาะยังเก่าอยู่
ในบางคันนั้น จะเป็นสีแดง เบาะเพิ่งเปลีย่นใหม่ ตามแบบที่ คุณเด็กศิลป์ เอามาลงเด๊ะครับ
และในบางคันนั้นจะเป็นสีเขียว เช่นในภาพ มีแค่คันเดียวครับ
ขบวนที่มีรถรุ่นนี้ให้บริการ
สายเหนือ
รถเร็ว 105/106 กรุงเทพ – ศิลาอาสน์ – กรุงเทพ
สายอีสาน
รถด่วน 71/74 กรุงเทพ – ศรีสะเกษ – กรุงเทพ
รถด่วน 73/72 กรุงเทพ – ศีขรภูมิ – กรุงเทพ
รถด่วน 75/78 กรุงเทพ – อุดรธานี – กรุงเทพ
รถด่วน 77/76 กรุงเทพ – หนองคาย – กรุงเทพ
รถพิเศษ
รถนำเที่ยว 911/912 กรุงเทพ – สวนสนประดิพัทธิ – กรุงเทพ
รถดีเซลรางสปรินเตอร์ (กซข.ป)
เจ้าแห่งความเร็วซึ่งสามารถซัดความเร็วได้ 160 แต่โดนลดให้เหลือ 120 ตามที่ กระทรวงคมนาคมและการรถไฟกำหนดความเร็วเอาไว้ เอาไปปรับปรุงภายในใหม่ซะเก๋เชียว ข้างนอกสีฟ้าใส สวยมากกกกกกกก ประหนึ่งว่าเหมือนเพิ่งลากลงมาจากเรือใหม่ๆ
สปรินเตอร์มีอายุการใช้งานที่นานมาแล้วพอสมควร จากวันแรก 2534 จนปัจจุบัน 2555 ก็ 21 ปีแล้ว (อายุไม่ต่างจากเราเลย)
สปรินเตอร์นั้นมีให้บริการเพียงแค่ขบวนเดียวในประเทศคือ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 3/4 กรุงเทพ – สวรรคโลก – ศิลาอาสน์ – กรุงเทพ
รถดีเซลรางแดวู (กซข.ป)
ดีเซลรางแดวู ถูกนำมาทดแทนดีเซลรางสปรินเตอร์ที่เก่าแก่เป็นโบราณสถาน คนก็ยังคงนิยมเรียกกันว่าสปรินเตอร์กันอยู่ (ทั้งๆที่มันไม่ใช่)
แดวูนั้นถูกส่งมาสยามประเทศเมื่อปี 2538 ในช่วงงานซีเกมส์เชียงใหม่พอดี ด้วยรถที่เบาหวิว และทำด้วยสแตนเลสจึงดูปราดเปรียวไม่ต่างกับสปรินเตอร์เลย
ตอนที่นำมา มี2รุ่นครับ คือรุ่นที่ 1 กับรุ่นที่ 2 จะเทียบข้อแตกต่างให้เห็นชัดๆ
รุ่นที่ 1 มี 74 ที่นั่ง มิติรถค่อนข้างเล็ก เลยทำให้เอนได้น้อยและที่ค่อนข้างแคบ
รุ่นที่ 2 มี64 ที่นั่ง มิติรถอวบอ้วน เอนได้เยอะกว่า ที่นั่งน้อยกว่าเลยมีพื้นที่มากกว่า คือง่ายๆ ดีกว่านั่นเอง
แต่ว่ารถทั้ง 2 รุ่นก็จะปนเปกันไปในขบวน จึงเรียกได้ว่าความเสี่ยงที่จะเจอเป็น 50:50
ถ้าอยากจะจองให้ดี คันที่ 2 ไม่แนะนำ เพราะร้อยละ 90 คุณจะเจอแต่รถรุ่นแรกครับ
ขบวนที่ให้บริการเป็นรถดีเซลรางแดวู
สายเหนือ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 9/10 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 11/12 กรุงเทพ - เชียงใหม่ - กรุงเทพ
สายอีสาน
ขบวนรถด่วนพิเศษ 21/22 กรุงเทพ - อุบลราชธานี - กรุงเทพ
สายใต้
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 39/40 กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี - กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 41/42 กรุงเทพ - ยะลา - กรุงเทพ
ขบวนรถด่วนพิเศษที่ 43/44 กรุงเทพ - สุราษฎร์ธานี - กรุงเทพ
รถนั่งชั้น 3 (บชส.)
นี่คือชนกลุ่มใหญ่ของประเทศ ด้วยจำนวนและปริมาณที่มหาศาลและความป๊อปปูล่าสำหรับพี่น้องชาวไทยที่กำลังทรัพย์ไม่เอื้อกับการนั่งรถนอนหรือรถแอร์ ด้วยความที่เป็นรถพัดลมด้วย ที่นั่งเยอะด้วย ขายตั๋วยืนได้ด้วย ก็เลยมีความอึดอัด และไม่ชอบใจตามมา
"ซึ่งส่วนมากคนที่มีประสบการณ์การนั่งรถไฟไม่ค่อยดี ก็เพราะไอ้รถชั้น 3 เนี่ยแหละ แถมยังมาพาลไปหารถไฟทุกประเภทอีกด้วย "
ก่อนนั่งรถชั้น 3 คุณต้องทราบข้อมูลดังต่อไปนี้ไว้ก่อนเลยนะครับ จะเป็นประโยชน์กับคุณมากๆเลย
1. รถนั่งชั้น 3 “เกือบทั้งหมด” ไม่มีแอร์
2. รถนั่งชั้น 3 ไม่สามารถปรับเบาะได้
3. รถนั่งชั้น 3 ที่เป็นรถทางไกล และเป็นรถไฟปกติที่วิ่ง จะใช้เบาะนวม ไม่ใช่เบาะไม้
4. รถนั่งชั้น 3 ระยะใกล้ๆ คุณเจอเบาะไม้แน่ แต่จะเจอมากเจอน้อยแล้วแต่ดวง
5. รถนั่งชั้น 3 มีที่นั่งระบุในตั๋ว (ทางไกล) ฉะนั้นใครเนียนมานั่ง จับกระชากลงจากเก้าอี้ได้เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ
รถนั่งชั้น 3 นั้น จะเป็นทางเลือกที่ค่อนข้างลำดับแรกๆของผู้โดยสารที่ต้องการลดค่าใช้จ่าย หรือ นักเรียน นักศึกษาที่ไปเที่ยวกันเป็นกลุ่มเยอะๆ
ซึ่งทำให้หลายคนพาลคิดไปว่า รถไฟมีแค่แบบนี้แบบเดียว
ด้วยความที่เป็นชั้นประหยัดสุดๆ ทำให้มีคนใช้เยอะมาก และสิ่งที่ตามมาคือความโทรมของรถ รวมถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ของห้องน้ำด้วย
ซึ่งกรณีนี้จะมีข้ออธิบายเหตุและผลว่าทำไมห้องน้ำถึงมีกลิ่นได้
เห็นไหมครับว่ารถไฟไทยของเราก็มีแบบนี้ ไม่ได้มีแต่รถนั้งชั้นสาม และรถทั้งหมดก็ไม่ได้ใช้มาตั้งแต่สมัยรัชการที่ 5 นะครับ
สุดท้ายนี้ใครอยากโดยสารแบบไหน เชิญสัมได้ด้วยตัวเองที่รถไฟไทยครับ