“ผมไม่ได้อยากจะฆ่า ผมเพียงแต่อยากจะกินเธอเท่านั้นเอง"
“ผมไม่ได้อยากจะฆ่า ผมเพียงแต่อยากจะกินเธอเท่านั้นเอง"
ข้างต้นนี่คือประโยคที่อิสเซ ซากาวะ (Issei Sagawa) พูดไว้หลังถูกจับกุมคดีฆาตกรรมเพื่อนหญิงสาวและนำเนื้อมาทำอาหาร
ติดอันดับอีกแล้ว พ่อยุ่นคนนี้ ฆ่าคนแค่คนเดียวแต่พี่แกดังไปทั่วโลกเลย ได้อันดับหนึ่ง ฆาตกรที่กฎหมายเอาผิดไม่ได้ แล้วยังติดสุดยอดคนกินคนอีก ขณะที่ก่อเหตุนั้นเขาอายุ 16 ปี เขาเป็นเด็กทุนได้เรียนที่ปารีส ที่มีความฝันว่าเขาอยากจะกินคนสักครั้งในชีวิต และวันนั้นก็มาถึงเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 1981 (วันเกิดครบ 32 ปีของเขา) ซาคาวะเชิญเรนี ฮาร์เทเวลท์ (Renée Hartevelt) นักศึกษาชาวดัชต์มา ที่ห้องพักของเขาโดยอ้างว่าต้องการจ้างเธอมาอ่านบทกวีภาษาเยอรมันให้ฟัง และเมื่อเธอมาถึงและเมื่อเธอหันหลัง เขาก็ใช้ปืนยิงที่ศีรษะของเรนี จนเสียชีวิต จากนั้นก็ข่มขืนและแล่เนื้อเธอออกเอามาทำอาหารและกิน ใช้เวลา 2 วันเพื่อทดลองว่าเนื้อของคนในส่วนไหนอร่อย เขาปรุงรสด้วยเกลือ พริกป่นและพริกไทย ในคำให้การตอนหนึ่งเขาบอกว่า "เนื้อมนุษย์เป็นดังเนื้อปลาทูนาที่นุ่ม และไม่เหม็นคาว"
เขาถูกจับได้ในเวลาต่อมาหลังจากเอาศพเรนีไปทิ้ง ถูกตัดสินว่ามีความบกพร่องทางจิตจนไม่สามารถรับผิดชอบคดีได้ ต้องเข้ารับการบำบัดทางจิตตลอดชีวิต ระหว่างนั้น อินุฮิโกะ โยะโมะตะ นักเขียนชาวญี่ปุ่น เข้าเยี่ยมเขาและสัมภาษณ์เรื่องการฆ่าเพื่อนเขียนเป็นหนังสือชื่อ อินเดอะฟ็อก (In the Fog; "ในฝรั่งเศส") ออกเผยแพร่ในประเทศญี่ปุ่น จะอย่างไรก็ดี ซาคาวะเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลอังรีโครันเป็นเวลา 14 เดือนก่อนจะถูกส่งตัวกลับญี่ปุ่นเพื่อการบำบัดต่อที่โรงพยาบาลมะสึซะวะ (Matsuzawa Hospital)
บรรดานักจิตวิทยาตรวจแล้วเห็นพ้องต้องกันว่า เขาไม่ได้วิกลจริต แต่มีกมลสันดานชั่วอย่างไรก็ดี ฝ่ายบ้านเมืองญี่ปุ่นไม่สามารถดำเนินคดีต่อเขาได้ เพราะศาลฝรั่งเศสบอกปัดไม่ส่งเอกสารที่เกี่ยวข้องให้ โดยให้เหตุผลว่า คดีสิ้นสุดลงแล้วในประเทศฝรั่งเศส เพราะฉะนั้น ซากาวะจึงแจ้งออกจากโรงพยาบาลเองเมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2529 และได้รับอิสรภาพนับแต่นั้น มีผู้กังขาและวิพากษ์วิจารณ์การปล่อยเขาเป็นอันมากว่าพ่อของเขาก็วิ่งเต้นจนเขาได้อิสรภาพออกมาสู่สังคมภายนอก
ปัจจุบัน อิสเซ ซากาวะ ใช้ชีวิตอยู่อย่างเป็นอิสระเท่าที่ชาวญี่ปุ่นคนหนึ่งจะสามารถมีได้ เขาออกหนังสือหลายเล่มและเคยได้รับเชิญไปออกรายการโทรทัศน์ในฐานะแขก กิตติมศักดิ์หลายครั้ง ร่วมทั้งได้แสดงเป็นตัวละครที่เรียก "ถ้ำมองวิปริต" (sadosexual voyeur) ในภาพยนตร์แนวฉวยโอกาสชื่อ อุวะกิซุมะชิโจะกุเซะเมะ (浮気妻 恥辱責め Uwakizuma Chijokuzeme ) แปลว่า "เมียไม่ซื่อต้องทรมานให้อาย" ซึ่งฮิซะยะซุ ซะโต (Hisayasu Satō) กำกับเผยแพร่ในปี 2535 ซากาวะยังได้เขียนหนังสือชื่อ โชเน็งเอ (Shōnen A) เพื่อวิพากษ์วิจารณ์เหตุการณ์ที่เซโตะ ซะกะกิบะระ (Seito Sakakibara) เด็กชายวัยสิบสี่ปีซึ่งเอกสารราชการเรียกโดยใช้นามสมมุติว่า "เด็กชายเอ" ฆ่าตัดศีรษะและทำร้ายเด็กคนอื่นหลายคนต่อเนื่องกันในเมืองโคเบะเมื่อปี 2540
แต่คนคงรู้จักและยังจดจำเขาในฐานะ ฮันนิบาลแห่งเอเชีย ฮันนิอิสเซ ซากาวะ