เหตุใดจึงตั้งครรภ์ เรื่องราวที่เปิดเผยก่อนวิทยาศาสตร์นับพันปี
ข้อความต่อไปนี้ จะแสดงเห็นถึง ความเป็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่รู้แจ้งแทงตลอด เป็นครูของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ภิกษุทั้งหลาย เมื่อปัจจัย ๓ ประการประชุมกันเข้า การตั้งครรภ์ก็มีขึ้น คือ หากมารดาบิดาอยู่ร่วมกัน แต่มารดายังไม่มีระดู และสัตว์ที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ การตั้งครรภ์ก็ไม่เกิดขึ้น หากมารดาบิดาอยู่ร่วมกัน มารดามีระดู แต่สัตว์ที่จะมาเกิดยังไม่ปรากฏ การตั้งครรภ์ก็ไม่เกิดขึ้น ภิกษุทั้งหลาย แต่ว่า เมื่อใดก็ตามที่มารดาบิดาอยู่ร่วมกัน ๑ มารดามีระดู ๑ สัตว์ที่จะมาเกิดก็ปรากฏ ๑ เพราะความประชุมพร้อมแห่งปัจจัย ๓ ประการอย่างนี้ การตั้งครรภ์จึงเกิดขึ้น ภิกษุทั้งหลาย มารดาย่อมประคับประคองครรภ์นั้นด้วยท้อง เป็นเวลาเก้าเดือนบ้าง สิบเดือนบ้าง เมื่อล่วงไปเก้าเดือน หรือสิบเดือน มารดาก็คลอดทารกผู้เป็นภาระหนักนั้น
สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่บนภูเขาอินทกูฏซึ่งอินทกยักษ์ครอบครองในเขตกรุงราชคฤห์ ครั้งนั้นแล อินทกยักษ์ได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วกราบทูลด้วยคาถาว่า
ผู้รู้ทั้งหลายไม่กล่าวรูปว่าเป็นชีพ
สัตว์นี้จะประสบร่างกายนี้ได้อย่างไรหนอ
กระดูกและก้อนเนื้อจะมาแต่ไหน
สัตว์นี้จะติดอยู่ในครรภ์ได้อย่างไร
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า
รูปนี้เป็นกลละก่อน
จากกลละเป็นอัพพุทะ
จากอัพพุทะเกิดเป็นเปสิ
จากเปสิเกิดเป็นฆนะ
จากฆนะเกิดเป็นปัญจสาขา
ต่อจากนั้นก็มีผมขนและเล็บเกิดขึ้น
มารดาของสัตว์ในครรภ์บริโภคข้าวน้ำโภชนาหารใด
สัตว์ผู้อยู่ในครรภ์มารดานั้นก็ยังอัตภาพให้เป็นไปด้วยอาหารนั้น
***จะเห็นได้ว่าในครั้ง พุทธกาล หรือประมาณ 2500 กว่าปีล่วงมาแล้ว ไม่มีเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถรู้ได้ในแง่ทางชีววิทยาของการเกิดเป็นบุคคล ไม่ใช่เพียงแค่องค์ประกอบทางกายภาพเท่านั้น แต่พระองค์ทรงมองเห็นไปได้ไกลกว่านั้น องค์ประกอบที่สำคัญ คือ วิญญาณ ดั้งนั้น ต่อให้เราพยายามสร้างบุคคลขึ้นมาโดยวิธีการทางวิทยาสาสตร์ แต่ถ้าขาดองค์ประกอบสุดท้าย ผลลัพธ์ที่ได้ก็เงียบเป็นเป่าสากอยู่ดี และอีกหลายเรื่องราว ที่วิทยาศาสตร์ยังต้องทึ่ง อีกหลายเรื่องราวที่วิทยาศาสตร์พิสูจท์ไม่ได้ เพราะบางอย่างไม่อาจใช้เครื่องมือทางรูปธรรมในการค้นคว้า ทดลอง เพราะ พระพุทธศาสนาลงไปได้ลึกกว่านั้น
ม. ม. ๑๒/๔๕๒