กินไข่..แค่ไหน? ถึงดีพอ
ไข่มีโปรตีนที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แต่จะกินไข่ในปริมาณมากน้อยแค่ไหนถึงจะดีพอ และไม่ส่งผลร้ายต่อร่างกายของเราไปติดตามกัน
บริโภคไข่น้อยกว่า 3 ฟองต่อสัปดาห์
กินไข่น้อยกว่า 3 ฟองใน 1 สัปดาห์ถือว่าไม่เพียงพอ เพราะการกินไข่ในปริมาณที่น้อยเกินไป หรือไม่กินไข่เลย อาจส่งผลเสียต่อเส้นประสาทสมองได้ โดยในไข่ 1 ฟอง จะมีปริมาณวิตามินบี 12 ซึ่งดีต่อร่างกาย ซึ่งวิตามินบี 12 จำเป็นต่อการสร้างเยื่อหุ้มป้องกันเส้นใย และถ้าขาดวิตามิน เส้นใยประสาทอาจถูกทำลายจนฟื้นฟูกลับคืนมาไม่ได้ อีกทั้งไข่ยังดีต่อสายตาอีกด้วย
การทานไข่อย่างน้อย 3 ฟองต่อสัปดาห์จะช่วยป้องกันภาวะสูญเสียสายตาที่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเพิ่มขึ้นได้ เนื่องจากสารลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารในตระกูลแคโรทีนอยด์ ในไข่แดงจะช่วยบำรุงจอประสาทตานั่นเอง
บริโภคไข่ 6 ฟอง ต่อสัปดาห์
ใน 1 สัปดาห์ หากสามารถกินไข่ได้ 6 ฟอง ถือว่าพอดี เพราะไข่จะช่วยให้ร่างกายคุณดูดซึมแคลเซียมได้ดี และยังช่วยลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุน แถมปริมาณสารซีลีเนียมและวิตามินอี ในไข่ยังช่วยป้องกันโรคหัวใจอีกทั้งยังช่วยให้มีรูปร่างดี ป้องกันไม่ให้หุ่นกลมเหมือนไข่อีกด้วย
>> โปรตีนในไข่จะทำให้รู้สึกอิ่มขึ้น 50 เปอร์เซ็นต์ และยังทำให้ลดปริมาณมื้อเที่ยงที่ทานโดยเฉลี่ยได้อีก 164 แคลอรี และการทานไข่วันละ 3 ฟอง เป็นเวลา 2 วัน ต่อสัปดาห์ จะช่วยหนุ่มนักเล่นเวททั้งหลายสร้างกล้ามเนื้อที่ปราศจากไขมันได้ เป็น 2 เท่า ในช่วงเวลา 12 สัปดาห์
>> ไข่ถือว่ามีผลน้อยมากต่อการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด เมื่อเทียบกับปริมาณไขมันอิ่มตัว อีกทั้งมีการวิจัยพบว่าการทานไข่ช่วยลดคอเลสเตอรอล LDL (ไม่ดี) เพิ่มคอเลสเตอรอล HDL (ดี) และลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมองได้
อย่างไรก็ตาม ไข่ที่ให้ผลดีต่อร่างกาย อาจส่งผลร้ายได้เหมือนกัน หากทานมากกว่า 1 ฟองต่อวันติดกันทุกวันในขณะที่การทานไข่สูงสุด 6 ฟองต่อสัปดาห์ไม่ได้ทำให้มีอันตรายถึงชีวิต แต่หากทานไข่ 7 ฟองหรือมากกว่านั้นภายใน 1 สัปดาห์ จะไปเพิ่มปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดอันตรายถึงชีวิตได้ 23 เปอร์เซ็นต์ และที่สำคัญคือสำหรับหนุ่มที่เป็นเบาหวานอยู่แล้ว ไข่อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้
เพื่อสุขภาพที่ดีและแข็งแรง ควรเลือกทานอาหารที่ดี มีประโยชน์ และต้องทานในปริมาณที่เหมาะสมด้วย แล้วก็อย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอไปพร้อม ๆ กันด้วย จะได้แข็งแรงห่างไกลโรคภัย
ที่มา ... Woman's Story