หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

พ่อหลวงปิยมหาราช พระราชกรณียกิจด้านประเพณีและวัฒนธรรม

โพสท์โดย ทิมมี่ ทิมมี่

 

 

พระมหากษัตริย์ไทยทุกพระองค์ทรงให้ความสนพระราชหฤทัยในการทำนุบำรุงปรับปรุงบ้านเมืองมาโดยตลอด

อีกทั้งทรงให้ความสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์พระมหากษัตริย์กับประชาชน ในสมัยรัชกาลที่ ๔

ทรงพิจารณาเห็นว่าประเพณีบางอย่างที่เคยปฏิบัติกันมาแต่เดิม เช่นห้ามราษฎรเข้าใกล้ชิดเวลาเสด็จพระราชดำเนิน

และบังคับให้ราษฎรปิดประตูหน้าต่างบ้านเรือนเป็นประเพณีที่ล้าสมัย

จึงโปรดเกล้าฯ ให้ยกเลิกและอนุญาตให้ราษฎรเข้าเฝ้าโดยสะดวก และเปิดโอกาสให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนถวายฎีการ้องทุกข์ได้

ในขณะที่เสด็จพระราชดำเนินด้วย

 

นส่วนราชสำนักทรงมีประกาศให้ข้าราชการสวมเสื้อเข้าเฝ้าตามธรรมเนียมนิยมในอารยะประเทศ                  

ทรงให้ชาวต่างประเทศเข้าร่วมในงานพระราชพิธี และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเครื่องราชอิสริยาภรณ์เลียนแบบประเทศทางตะวันตก

ซึ่งนับว่ามีในเมืองไทยเป็นประเทศแรกในเอเชียต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๕ ทรงให้ "ยกเลิกประเพณีหมอบคลานเข้าเฝ้า"

โดยในวันพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งที่ ๒ ในปี พ.ศ. ๒๔๑๖ เมื่อเสด็จออกมหาสมาคม

เพื่อให้เจ้านาย ข้าราชการ และทูตานุทูตเข้าเฝ้า ได้โปรดเกล้าฯให้ประกาศเลิกประเพณีหมอบคลานและให้ยืนเฝ้าฯ ตามประเพณีตะวันตก

 นอกจากนี้ยังทรงให้ "ยกเลิกจารีตนครบาล" ด้วยทรงพิจารณาเห็นว่าวิธีการไต่สวนของตุลาการตามระเบียบที่ใช้

อำนาจขู่เข็ญถามจำเลยอย่างทารุณ เช่น การบีบขมับ ตอกเล็บ   ซึ่งเรียกว่าจารีตนครบาลนั้นเป็นวิธีการลงโทษที่เกินควร

ไม่เป็นการยุติธรรม ช   าวยุโรปต่างตั้งข้อรังเกียจด้วยเป็นการทารุณไร้อารยธรรม    จึงโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศยกเลิก

และวางระเบียบวิธีซักฟอกพยานสืบหลักฐานใหม่ทรงแก้ไขดัดแปลงพระราชกำหนดกฎหมายให้ราษฎรได้รับความยุติธรรมเสมอหน้ากัน

 

 

 

การแก้ไขประเพณีสืบราชสันตติวงศ์     ทรงแต่งตั้งตำแหน่ง   "สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร"

ตามแบบอารยประเทศที่เรียกองค์รัชทายาทว่า "Crown Prince" และประกาศยกเลิกตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล

หรือตำแหน่งวังหน้า เพื่อให้ประเพณีการสืบราชบัลลังก์เป็นไปตามควรแก่กาลสมัย   โดยได้โปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ"     เป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมารพระองค์แรก  ต่อมาเพื่อพระองค์เสด็จสวรรคตลงใน พ.ศ. ๒๔๓๗

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ สถาปนา "สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ"

ดำรงพระอิสริยยศสยามมกุฎราชกุมารสืบต่อไป   (นับเป็นองค์ที่ ๒ สยามมกุฎราชกุมารองค์ที่   ๓ คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ์พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลปัจจุบัน) 

ทรงเลิกระบบการมีทาสและระบบไพร่หรือการเกณฑ์แรงงานประชาชนมารับราชการโดยไม่ได้รับค่าตอบแทนด้วยการออกฏหมายลักษณะเกณฑ์ทหารแทน ดังกล่าวรายละเอียดไว้แล้วข้างต้น



ในด้านวัฒนธรรมการแต่งกาย เมื่อกลับจากการเสด็จประพาสสิงคโปร์ในปี พ.ศ. ๒๔๑๓ พระองค์โปรดเกล้าฯ

ให้ปรับปรุงประเพณีการไว้ผมและการแต่งกายของคนไทยให้เป็นไปตามสากลนิยม

คือให้ผู้ชายไทยในราชสำนักเลิกไว้ผมทรงมหาดไทย เปลี่ยนเป็นไว้ผมตัดยาวทั้งศีรษะอย่างฝรั่ง

ส่วนผู้หญิงให้เลิกไว้ผมปีก ไว้ผมตัดยาวทรงดอกกระทุ่ม


ต่อมากเมื่อเสด็จประพาสอินเดียใน พ.ศ. ๒๔๑๔  โปรดเกล้าฯ ให้ช่างออกแบบเสื้อชายดัดแปลงจากเสื้อนอกของฝรั่ง

เป็นเสื้อคอปิด กระดุมห้าเม็ด เรียกว่า "เสื้อราชปะแตน" (Raj Pattern ซึ่งเจ้าพระยาภาสกรวงศ์เป็นผู้คิดชื่อเรียกถวาย มาจากคำว่า "ราช" รวมกับคำว่า "Pattern" ในภาษาอังกฤษ)

ผู้ชายยังคงนุ่งผ้าม่วงโจงกระเบนสีต่าง ๆ แต่ให้สวมหมวกอย่างยุโรป ใน พ.ศ. ๒๔๓๙ ให้ข้าราชการฝ่ายทหารทุกกรมกอง

แต่งเครื่องนุ่งกางเกงอย่างทหารญี่ปุ่นแทนการนุ่งโจงกระเบนแบบเก่า   นับเป็นครั้งแรกที่ให้ผู้ชายนุ่งกางเกงเป็นเครื่องแบบทหาร



 การแต่งกายสตรีเริ่มเปลี่ยนแปลงในระยะหลังจากที่รัชการที่ ๕ เสด็จกลับจากยุโรปครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๔๐

สตรีไทยเริ่มหันมานิยมแบบเสื้อของอังกฤษ คือ เสื้อคอตั้งแขนยาว ต้นแขนพองคล้ายขาหมูแฮม

แต่ยังคงมีผ้าห่มเป็นแพรคล้ายสไบเฉียง ส่วนการนุ่งผ้ายกห่มตาดซึ่งเป็นเครื่องแต่งกายตามเกียรติยศของฝ่ายไทย

ที่มีมาแต่โบราณ    ยังคงใช้สำหรับเวลาแต่งกายเต็มยศใหญ่


การแต่งกายได้เปลี่ยนแปลงไปอีกในสมัยรัชกาลที่ ๖ และมีประกาศใช้พระราชบัญญัตินามสกุล,

การกำหนดคำนำหน้านามสตรีและเด็ก , การใช้ธงประจำชาติ , การเปลี่ยนแปลงการนับเวลา จาก "ทุ่ม" "โมง"

โดยเปลี่ยนให้เรียกว่า "นาฬิกา" ฯลฯ

 

ที่มา  http://www.chaiwbi.com/0drem/web_children/2546/cpu02/001/07.html

ที่มา:
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทิมมี่ ทิมมี่'s profile


โพสท์โดย: ทิมมี่ ทิมมี่
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
36 VOTES (4/5 จาก 9 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พฤติกรรมและวัฒนธรรมแปลกประหลาด แต่เป็นเรื่องปกติของผู้คนในอิตาลี ที่คุณอาจจะสงสัยและไม่รู้มาก่อน!นางเอกดัง จบป.เอกแล้ว ลุ้นเล่นการเมืองคืนชีพผักเหี่ยวแบบง่ายๆ..ให้กลับมาสดใสอีกครั้งญี่ปุ่นสั่งกั้นมุมภเขาไฟฟูจิ! เหตุ นนท. ทำพิษสื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต ทางกัมพูชา และ จีนจัดงานโชว์ศิลปะการต่อสู้ กังฟู + โบกาตอร์ ตอนแรกหลายคนนึกว่า จะเอามาสู้ๆกัน อ้อ ไม่ใช่ มาโชว์กระบวนท่าการแสดงเฉยๆ พอมีคนดูอยู่เหมือนกันเด้อ3 นักษัตรที่การเงินเด่น มีโชคด้านการลงทุน เสี่ยงดวงช่วงนี้"เบลเล่" ต้นเหตุดราม่า "ออกัส-กันสมาย"..แจงประเด็นร่วมโต๊ะช่วงสงกรานต์อดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
นางเอกดัง จบป.เอกแล้ว ลุ้นเล่นการเมืองสื่อดัง "วอยซ์ทีวี" ประกาศปิดกิจการ 31 พ.ค.นี้ เลิกจ้างพนักงานกว่า 100 ชีวิต พฤติกรรมและวัฒนธรรมแปลกประหลาด แต่เป็นเรื่องปกติของผู้คนในอิตาลี ที่คุณอาจจะสงสัยและไม่รู้มาก่อน!อดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!Starlink ของ Musk จะหยุดให้บริการ!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เกย์
ทำไมจู่ๆ lกย์ 700 คนถึงพร้อมใจกัน "ฟ้องร้องแอป Grindr"หนัง "เกย์ ครับ น้าผมเป็นเกย์"Short Bus หนังชื่อก้องจาก Cannes Film FestivalThreesome หรือ รักเราสามคน
ตั้งกระทู้ใหม่