รายละเอียด OPPO Find 5
พบกับความสมบูรณ์แบบทั้งภาพและเสียงจาก OPPO Find 5 สมาร์ทโฟนระบบปฏิบัติการ Android ที่มาพร้อมความแรงของหน่วยประมวลผล 1.5 GHz Quad Core หน่วยความจำ RAM 2 GB จอแสดงผล Full HD 1080p กว้าง 5 นิ้ว รองรับเครือข่าย 3G การเชื่อมต่อ Wi-Fi กล้องถ่ายรูป 13 ล้านพิกเซล หน่วยความจำภายในมีให้เลือก 2 เวอร์ชั่น 16 GB และ 32 GB
OPPO Find 5 โดดเด่นด้วยจอแสดงผล Retina ความละเอียด Full HD 1920 x 1080 พิกเซล (441 พิกเซลต่อนิ้ว) มาพร้อมเทคโนโลยี One Glass Solution ที่มีความบางเป็นพิเศษให้ภาพสวยงามสดใส ตอบสนองการสัมผัสได้เป็นอย่างดี อีกทั้งขอบตัวเครื่องกับขอบจอแสดงผลถูกเว้นระยะห่างไว้เพียง 3.25 มิลลิเมตร ทำให้ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆ ที่ใช้จอแสดงผล กว้าง 5 นิ้ว เหมือนกัน
ลำโพงและเลนส์กล้องด้านหน้า ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล วางอยู่เหนือจอแสดงผล
ไฟกระพริบแจ้งเตือนฝังอยู่ที่มุมบนขวา
ใต้จอแสดงผลติดตั้งปุ่มกดระบบสัมผัสมาให้ 3 ปุ่ม คือ ปุ่มเมนู, ปุ่มโฮม และ ปุ่มย้อนกลับ มีไฟพื้นหลังสีขาวที่ไม่สว่างมากนักในเวลากลางวัน แต่ไม่เป็นปัญหาเมื่อใช้งานในเวลากลางคืน
พลิกมาดูด้านหลัง จะพบกับกล้องถ่ายรูปความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED สองดวง และที่เห็นเป็นรูเล็กๆ นั้นคือไมโครโฟนตัวที่สอง ถัดลงมาตรงกลางเครื่องได้ประทับตรา OPPO ในแนวตั้ง และ ล่างสุดเป็นตำแหน่งของลำโพง
เนื่องจากหน้ากากด้านหลังไม่สามารถแกะออกได้ ช่องใส่ซิมการ์ดจึงถูกย้ายมาไว้ด้านข้าง โดยออกแบบมาเป็นถาดใส่ซิมการ์ดขนาด MicroSIM และ ใกล้กันมีปุ่ม Power ติดตั้งมาให้
อีกข้างหนึ่งมีเพียงปุ่มปรับระดับเสียง (เพิ่ม/ลด)
ช่องเสียบชุดหูฟัง ขนาด 3.5 มิลลิเมตร อยู่ด้านบนของตัวเครื่อง
ส่วนล่างของตัวเครื่องมีไมโครโฟน และ ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ Micro USB
UI หรือ ส่วนติดต่อผู้ใช้ของ OPPO Find 5 ถูกออกแบบมาให้แตกต่างไปจากรูปแบบเดิมๆ ของระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ เติมความสดใสด้วยรูปภาพไอคอนที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และยังสามารถปรับเปลี่ยนธีมได้อีก โดยมีให้เลือกถึง 10 แบบ แถมดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้จาก NearMe Themes
หน้าจอ Lock Screen มีให้เลือก 3 แบบ คือ พลิกหมุน (แสดงนาฬิกาขนาดใหญ่พร้อมวันที่ ปลดล็อคการใช้งานด้วยการเลื่อนนิ้วไปทางซ้ายหรือขวาจนรูปภาพหมุนกลับด้าน), สไลด์ (แสดงนาฬิกาขนาดใหญ่พร้อมวันที่ ปลดล็อคการใช้งานด้วยการแตะที่รูปแม่กุญแจแล้วเลื่อนไปทางขวา และสามารถปิดเสียงได้โดยการแตะที่รูปลำโพงแล้วเลื่อนมาทางซ้าย) และ สภาพอากาศ (แสดงนาฬิกาขนาดใหญ่พร้อมวันที่และอุณหภูมิตามสภาพอากาศของเมืองที่ตั้งค่าไว้ ปลดล็อคการใช้งานด้วยการแตะที่รูปแม่กุญแจ แล้วเลื่อนไปทางมุมขวาแต่ถ้าเลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้ามจะเข้าสู่โหมดกล้องถ่ายรูป)
ผู้ใช้งานสามารถตั้งค่าหน้าจอ Lock Screen ได้จากหน้าจอโฮม เพียงแตะปุ่มเมนู (ปุ่มสัมผัสมุมล่างซ้าย) เข้าไปที่ลูกเล่นปลดล็อค แล้วเลือกรูปแบบที่ต้องการ
หน้าจอโฮมมีให้เลือกใช้หลายหน้าแบบเดียวกับระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ทั่วไป แต่ที่แปลกตาคือไอคอนทางลัดกับวิดเจ็ตที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม ทั้งนี้จอโฮมถูกแบ่งออกเป็น 3 ส่วน เริ่มจากส่วนบนสุดเป็นแถบแจ้งเตือน แสดงระดับสัญญาณเครือข่าย วันที่ พลังงานแบตเตอรี่ เมื่อลากลงมาเพื่อขยายให้เต็มจอ ก็จะพบกับฟังก์ชั่นการตั้งค่าระบบต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่อ
ส่วนที่ 2 คือ พื้นที่ของหน้าจอโฮม ซึ่งผู้ใช้สามารถวางไอคอนทางลัดและวิดเจ็ดที่ต้องการได้อย่างอิสระ
ส่วนที่ 3 อยู่ล่างสุด มีไอคอนทางลัดวางอยู่ 4 ฟังก์ชั่น โดยจะแสดงผลค้างไว้บนหน้าจอโฮมเหมือนกันทุกหน้า สามารถลบ ย้าย และ เพิ่มได้อีก 1 ไอคอน (ยกเว้นไอคอนที่ใช้เปิดเมนูหลัก จะไม่สามารถลบออกได้)
การตั้งค่าหน้าจอโฮมทำได้ 2 วิธี คือ หาพื้นที่ว่างบนหน้าจอโฮมแล้วแตะนิ้วค้างไว้ หรือ แตะปุ่มเมนู (ปุ่มสัมผัสมุมล่างซ้าย) แล้วเลือกรายการเพิ่ม ในส่วนของการตั้งค่าหน้าจอโฮม ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มหรือลบหน้าจอโฮม ดึงวิดเจ็ดโปรดมาวางบนหน้าจอโฮม และ ตั้งค่าวอลเปเปอร์หรือรูปภาพพื้นหลัง ซึ่งสามารถดาวน์โหลดรูปภาพเพิ่มเติมได้จาก NearMe Wallpapers
เมนูหลักเป็นหน้ารวมแอพพลิเคชั่นทั้งหมด โดยค่าเดิมจากโรงงานจะมีเพียง 2 หน้า แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าใส่แอพพลิเคชั่นมาให้น้อยไปหรือเปล่า เพราะที่จริงมีหลายแอพพลิเคชั่นที่ถูกรวมไว้ในไอคอนเดียว อย่างเช่นไอคอน Google เมื่อเปิดเข้าไปก็จะพบกับแอพพลิเคชั่นของ Google ทั้งหมดถูกรวมไว้ในที่เดียว หรือ ไอคอนเครื่องมือก็เป็นศูนย์รวมของแอพพลิเคชั่นที่เหมาะสำหรับใช้งานในชีวิตประจำวัน
นอกจากนี้ OPPO Find 5 ยังมีธีมมาให้เลือกใช้ถึง 10 แบบ แต่ละแบบจะแสดงรูปภาพพื้นหลังและไอคอนทางลัดแตกต่างกันไป สามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ NearMe Themes และ ดาวน์โหลดเพิ่มเติมได้อีกด้วย
เกมส์
ทดสอบสมรรถนะขุมพลัง Qualcomm Snapdragon S4 Pro APQ8064 1.5 GHz Quad Core ที่มาพร้อมจีพียู Adreno 320 ด้วยเกมส์ 3 มิติแบบจัดหนักอย่าง Real Racing 3 ซึ่งต้องบอกว่าไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะนอกจากเกมส์จะไหลลื่นไม่มีสะดุดแล้ว การแสดงผลก็ยังสวยงามสมจริงอีกด้วย อีกเกมส์หนึ่งที่ได้ทดลองเล่นก็คือ Dungeon Hunter 4 ก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด นอกจากผู้ทดสอบจะหาทางออกจากเกมส์ไม่เจอ
เครื่องเล่นเพลง
เครื่องเล่นเพลงของ OPPO Find 5 อาจจะมีหน้าตาไม่สวยเท่า OPPO Find Clover แต่พลังเสียงของลำโพงเหนือกว่าอย่างชัดเจน ให้เสียงดังกระหึ่มแม้ปรับระดับเสียงไปได้แค่ครึ่งแถบ และถึงแม้จะปรับดังสุด ก็ไม่พบอาการเสียงแตกแต่อย่างใด น่าจะเป็นผลมาจากเทคโนโลยี Dolby 3.0 และถ้ารับฟังผ่านชุดหูฟัง ก็ยังสามารถเปิดระบบเสียง Dirac HD ได้อีกด้วย
เมื่อเข้าไปในส่วนของการตั้งค่า จะสามารถตั้งเวลาปิดเครื่องเล่นอัตโนมัติได้ตั้งแต่ 5 – 125 นาที, เปิดระบบเสียง Dolby หรือ Dirac (ใช้ได้เมื่อเสียบหูฟัง), ปรับเสียงทุ้ม เสียงแหลม และ อีควอไลเซอร์
เครื่องเล่นวิดีโอ
OPPO Find 5 สนับสนุนไฟล์วิดีโอความละเอียด Full HD 1080p มาพร้อมจุดเด่นในการเล่นวิดีโอแบบ Popup Play หรือ การย่อวิดีโอให้เป็นหน้าต่างขนาดเล็ก แล้วให้ลอยอยู่บนจอแสดงผล เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถรับชมวิดีโอได้ตลาดเวลา ในระหว่างที่ใช้งานฟังก์ชั่นอื่นไปด้วย โดยหน้าต่าง Popup Play สามารถลากไปวางในตำแหน่งใดก็ได้ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบเสียง Dolby เต็มอิ่มทั้งภาพและเสียง
กล้อง
OPPO Find 5 ติดตั้งกล้องถ่ายรูปมาให้ 2 ตัว กล้องด้านหลัง ความละเอียด 13 ล้านพิกเซล พร้อมแฟลช LED สองดวง ใช้เซ็นเซอร์รับภาพ Stacked CMOS ขนาด 1/3.06 นิ้ว ค่ารูรับแสง F2.2 บันทึกวิดีโอ ความละเอียด Full HD 1080p สำหรับกล้องด้านหน้ารองรับการถ่ายภาพนิ่งที่ความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซล และ บันทึกวิดีโอความละเอียด HD 720p
คุณสมบัติการถ่ายภาพนิ่ง
ความละเอียดกล้องด้านหลัง : 4208 x 3120, 4208 x 2368, 2048 x 1536, 1920 x 1088 พิกเซล
ความละเอียดกล้องด้านหน้า : 1392 x 1392 พิกเซล
ตั้งเวลาถ่ายภาพอัตโนมัติ 5 วินาที
ระบบจดจำใบหน้า
ปิดเสียงกดชัตเตอร์ได้
แนบพิกัดดาวเทียมพร้อมรูปภาพ
โหมดถ่ายภาพพาโนราม่า สำหรับถ่ายภาพทิวทัศน์แบบมุมมองกว้าง
โหมดถ่ายภาพ HDR (High Dynamic Range) สำหรับถ่ายรูปในบริเวณที่สภาพแสงแตกต่างกัน
การถ่ายภาพต่อเนื่อง ให้กดปุ่มชัตเตอร์ค้างไว้ สามารถบันทึกภาพด้วยความเร็ว 5 ภาพต่อวินาที
ความละเอียดในการบันทึกวีดีโอ
1920 x 1088 พิกเซล, 30 เฟรมต่อวินาที
1280 x 720 พิกเซล, 30 เฟรมต่อวินาที
640 x 480 พิกเซล, 120 เฟรมต่อวินาที
640 x 480 พิกเซล, 30 เฟรมต่อวินาที
ภาพถ่ายจากโทรศัพท์มือถือ OPPO Find 5
คลิกบนรูปภาพเพื่อชมขนาดจริง
ภาพถ่ายถูกบันทึกด้วยความละเอียด 3 ล้านพิกเซล โดยไม่มีการดัดแปลงแก้ไขเพิ่มเติม
อินเตอร์เน็ต
เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ทุกที่ ทุกเวลา บนเครือข่าย GPRS / EDGE / 3G พร้อมสนับสนุนการเชื่อมต่อ Wi-Fi เข้าสู่เว็บไซต์ต่างๆ ด้วยเบราว์เซอร์พื้นฐานที่มากับแอนดรอยด์ หรือ แอพพลิเคชั่น Chrome รับชมคลิปวิดีโอจากทุกมุมโลกผ่านแอพพลิเคชั่น YouTube อัพเดทความเคลื่อนไหวของตัวเองและเพื่อนกับโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คสุดฮิต เช่น Facebook, Line, Instagram เป็นต้น และ สามารถดาวน์โหลดเกมส์หรือแอพพลิเคชั่นเพิ่มเติมได้อีกบน NearMe Apps หรือ Play Store
NFC
เทคโนโลยี NFC (Near Field Communication) คือ การเชื่อมต่อไร้สายในระยะใกล้ (ใกล้จนชิดกัน) เพื่อใช้รับ-ส่งข้อมูล มีคุณสมบัติเด่นคือความรวดเร็วในการเชื่อมต่อ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาแล้วจับคู่อุปกรณ์ใส่รหัสให้วุ่นวายแบบบลูทูธ อย่างไรก็ตาม NFC กับ Bluetooth มีประโยชน์กันคนละด้านจึงไม่สามารถนำมาแทนที่กันได้ และในบางครั้งอาจทำงานร่วมกันด้วย อย่างเช่นการเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับลำโพงบลูทูธไร้สายที่มี NFC โดยปกติแล้วจะต้องทำการค้นหาอุปกรณ์ เชื่อมต่อ แล้วใส่รหัสให้ตรงกัน แต่ถ้ามี NFC ก็เพียงนำโทรศัพท์ไปแตะกับลำโพง เพียงเท่านี้อุปกรณ์ทั้ง 2 ก็ทำงานร่วมกันได้แล้ว
NFC มีใช้อย่างแพร่หลายในต่างประเทศ สามารถนำไปใช้ชำระสินค้า หรือ ใช้แทนตั๋วรถโดยสารสาธารณะได้ โดยการนำโทรศัพท์มือถือที่มี NFC ไปแตะที่เครื่องอ่าน
OPPO Find 5 ถือเป็นสมาร์ทโฟนอีกรุ่นหนึ่งที่ฝังชิป NFC มาให้ในตัว นอกจากจะรองรับการใช้งานตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ยังแถมป้าย NFC Tag มาให้ 2 อัน ทั้งนี้ก่อนเริ่มใช้งานให้เข้าไปที่เมนูการตั้งค่า แล้วเลือก NFC จากนั้นเข้าไปที่ NFC Tag และเลือกฟังก์ชั่นที่ต้องการใช้งาน
ตัวอย่างการใช้งาน NFC Tag ฟังก์ชั่นห้องนอน เมื่อเข้าสู่ฟังก์ชั่นห้องนอน ให้แตะปุ่ม Edit (ในกรณีที่ต้องการเข้าไปแก้ไขการตั้งค่า) จากนั้นจะพบกับฟังก์ชั่นต่างๆ ที่ถูกปิดอยู่ ยกเว้นโหมดเงียบที่เปิดใช้งาน รวมทั้งแอพพลิเคชั่นนาฬิกาที่อยู่ล่างสุด เมื่อกดปุ่ม save จะย้อนกลับมาหน้าที่แล้ว ให้ผู้ใช้งานนำป้าย NFC Tag ที่แถมมา ไปแตะที่ด้านหลังเครื่อง จะได้ยินเสียงแจ้งเตือนพร้อมขึ้นข้อความว่าการเขียน NFC Tag เรียบร้อยแล้ว นั่นหมายถึงป้าย NFC Tag ถูกบันทึกการตั้งค่าเข้าไปใหม่ ส่วนวิธีใช้งานในชีวิตประจำวันก็คือ ก่อนเข้านอนให้นำโทรศัพท์มือถือไปแตะที่ป้าย NFC Tag เพียงเสี้ยววินาที โทรศัพท์มือถือก็จะเปิดโหมดเงียบทันที พร้อมปิดการเชื่อมต่อทุกอย่างตามที่ตั้งค่าไว้ และ เปิดแอพพลิเคชั่นนาฬิกาขึ้นมาโดยอัตโนมัติ
ตัวอย่างการใช้งาน NFC Tag ฟังก์ชั่น Applications วิธีการใช้งานก็คล้ายกับฟังก์ชั่นห้องนอน แต่แทนที่จะเป็นการเปิดโหมดเงียบ กลับเป็นการเปิดแอพพลิเคชั่นที่เราต้องการ ส่วนจะให้เปิดแอพพลิเคชั่นอะไรก็ให้เข้าไปใน Applications แล้วเลือกแอพฯ ที่ต้องการตามรายชื่อได้ทันที หลังจากเลือกแล้วให้นำป้าย NFC Tag ไปแตะที่ด้านหลัง OPPO Find 5 เพื่อเขียนค่าใหม่ จากนั้นทดลองโดยการย้อนกลับมาที่หน้าจอโฮม แล้วนำป้าย NFC Tag ไปแตะที่ด้านหลังเครื่อง โทรศัพท์ก็จะเปิดแอพพลิเคชั่นที่ได้ตั้งค่าไว้ขึ้นมาทันที
ประสิทธิภาพ
ทดสอบการสัมผัสจอแสดงผลด้วยแอพพลิเคชั่น MultiTouch Tester พบว่า OPPO Find 5 รองรับการสัมผัสพร้อมกันสูงสุด 10 จุด ในส่วนประสิทธิภาพของฮาร์ดแวร์ทดสอบโดยแอพพลิเคชั่น Quadrant Standard ได้ตัวเลขออกมาที่ 6,923 ในขณะที่ผลการทดสอบจากแอพพลิเคชั่น AnTuTu Benchmark ได้ 17,127 คะแนน
OPPO Find 5 เปิดตัวในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2556 แต่ก่อนหน้าที่จะเดินทางมาในไทยก็มีข่าวลือและภาพหลุดออกมามากมาย ซึ่งต้องขอบอกว่าสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ ถือเป็นสมาร์ทโฟนรุ่นแรกๆ ที่มากับคุณสมบัติระดับไฮเอนด์ของยุคนี้ คือ ใช้จอแสดงผล Full HD ซีพียู 4 แกน หน่วยความจำ RAM 2 GB และ ด้วยความที่เป็นยี่ห้อใหม่ในไทย OPPO Find 5 จึงตั้งราคาไว้ไม่สูงมากนัก คือ เปิดตัวด้วยรุ่น 16 GB ค่าตัว 16,990 บาท ขณะที่สมาร์ทในระดับเดียวกับเคาะราคาไว้เกิน 2 หมื่นบาท ถึงแม้ราคาจะต่ำกว่าคู่แข่ง แต่คุณภาพไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลย
ที่มา touchphoneview.com