สุดยอดสถานที่ที่คุณควรไปเยือนบน Middle-earth
อันดับสถานที่ &อาณาจักรที่น่าไปเหยียบย่างบนดินแดน Middle-earth อันดับทั้งหมดจัด
ตามอำเภอใจทั้งสิ้น ใครชอบไม่ชอบอย่างไรติชม คอมเมนต์ได้นะครับ
อันดับที่ 15 Erebor, Dale&Esgaroth
อาณาจักรคนแคระ ตั้งอยู่ใต้ภูเขาโลนลี่ ก่อตั้งโดยธราอินที่ 1 ทายาทแห่งตระกูลของดูริน ใกล้กันเป็นที่ตั้งของนครเดลและเอสการอธเมืองทะเลสาบ
ทำไมถึงน่าไปเยือน: อาณาจักรนี้ร่ำรวยมาก! ทองคำเพียบ แต่ถ้าไปเยือนในยุคที่สามโปรดระวังมังกร!
อันดับที่ 14 Shire
ดินแดนทางตะวันตกของเอเรียดอร์ ส่วนหนึ่งของอาณาจักรอานอร์ เป็นที่อยู่ของพวกฮอบบิท ที่มีนิสัยรักสงบ สนุกสนานและรักธรรมชาติ Shire แบ่งการปกครองเป็นสี่ส่วนแต่ละส่วนเรียกว่า Farthing
ทำไมจึงน่าไป: ใครจะปฏิเสธความงดงามของชนบท บ้านใต้เนินเขาพร้อมประตูกน้าต่างกลมๆและมิตรไมตรีจากเจ้าของบ้านที่แสนจะอารีย์อย่าง
พวกฮอบบิทได้เล่า ถึงแม้ว่าอาหารที่เค้ายกมาเลี้ยงอาจจะจานเล็กไปหน่อยก็เถอะ แถมยาสูบของที่นี่ก็ขึ้นชื่ออย่าบอกใคร แกนดัล์ฟคอนเฟิร์ม
อันดับที่ 13. Greenwood the Great &Woodland realms
ป่าใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของ Middle-earth เป็นที่อยู่ของสัตว์ป่ามากมายรวมทั้งแมงมุมยักษ์ด้วย แม้ว่าทางตอนใต้จะมีป้อมเก่าๆน่ากลัวในนาม Dol gudur แต่ถ้าคุณขึ้นไปทางเหนือก็จะได้พบอาณาจักรของเอล์ฟป่าที่ปกครองโดยกษัตริย์เอล์ฟนามธรันดูอิล (น่าเสียดายว่าพระองค์ไม่ค่อยชอบแขกแปลกหน้าสักเท่าไหร่)
ทำไมถึงน่าไปเยือน: ถ้าคุณโชคดีได้รับการต้อนรับจากพวกเอล์ฟป่า คุณจะได้ชมพระราชวังของพระองค์ ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากพระราชวังที่งดงามที่สุดบน Middle-earth เชียวนะ (แต่น่าเสียดายพวกซิลวันมือไม่ถึง เลยไม่อาจเทียบได้แม้เศษเสี้ยวของเมเนกร็อธ แต่ก็ยังน่าไปดูอยู่ดี) และถ้าโชคดีธรันดูอิลจะชวนคุณดื่มไวน์รสเลิศฤทธิ์แรง (มหาดเล็กเกลเลียนคอร์นเฟิร์ม) หรืออาจร่วมขบวนล่าสัตว์กับองค์กษัตริย์ก็ได้ถ้าคุณชอบ
อันดับ 12. Eregion/Hollin
อาณาจักรสุดท้ายของพวกโนลดอร์บน Middle-earth ร่วมก่อตั้งโดย กาลาเดรียล, เคเลบอร์น และเคเลบริมบอร์ เป็นแหล่งรวมของ Gwaith-i-Mírdain ช่างฝีมือระดับสุดยอดของพวกเอล์ฟ
เหตุผลที่น่าไปเยือน: ถ้าคุณมีโอกาสไปเยือน Ost-in-Edhil นครหลวง ในยุคที่สองคุณอาจเห็นการสร้างแหวนแห่งอำนาจ แต่ให้ระวังตอนเค้าสร้างแหวนเอล์ฟสามวงสุดท้าย ถ้าใกล้เสร็จเมื่อไหร่ เซารอนก็ใกล้มาถล่มอาณาจักรทิ้งแล้วหล่ะ หากไม่รีบหนีระวังจะเหลือซากเหมือน Ost-in-Edhil ดังภาพ
อันดับ 11. Gondor
อาณาจักรสุดท้ายของชาวนูเมนอร์ ก่อตั้งโดยอิสซิลดูร์และอนาริออน พร้อมๆกับอาณาจักร Arnor ตั้งอยู่ระหว่างเทือกเขาขาวและเทือกเขาเงา ติดกับมอร์ดอร์ (ช่างกล้า) มีนครเอกสามนครคือ Minas Ithil (Minas Morgul) ทางตะวันออก Minas Anor (Minas Tirith) ทางตะวันตก และนครหลวง Osgiliath ตั้งอยู่สองข้างแม่น้ำ Anduin
สาเหตุที่น่าไปเยือน: แม้ว่าจะเสื่อมลงในยุคที่สาม แต่ก่อนหน้านั้นเคยมียุคทองที่อาจเทียบเคียงได้กับอาณาจักรนูเมนอร์เลยทีเดียว และจาก Minas Tirith คุณสามารถติดตามความเคลื่อนไหวของเซารอนชนิดไม่อาจคลาดสายตาทีเดียว
อันดับ 10 Arnor
อาณาจักรของชาวนูเมนอร์ที่ลี้ภัยมาตั้งอาณาจักรใหม่บน Middle-earth ก่อตั้งโดยเอเลนดิล และสืบทอดโดยสายวงศ์ของอิสซิลดูร์ สิ่งก่อสร้างสำคัญคือนครหลวง Anuminas ป้อม Fornost และ Amon Sul แม้ว่าภายหลังจะแบ่งเป็นสามแคว้นคือ Arthedain, Cardolan, Rudaur และถูกทำลายโดยอังค์มาร์ แต่ทายาทก็ยังคงสืบทอดมาจนอารากอร์นกระทั่งได้ครองบัลลังค์แห่งกอนดอร์และพื้นฟูอาร์นอร์ขึ้นมาใหม่
สาเหตุที่น่าไปเยือน: จะมีซากโบราณสถานของมนุษย์แห่งไหนน่าสนใจไปกว่าอาณาจักรโบราณของชาวดูเนไดน์อีกเล่า แถมถ้าไปยืนบน Amon Sul ถูกเวลายังอาจได้เห็นนาซกูลแทงโฟรโดอีกด้วยนะ แหล่มไปเลย!
อันดับ 9 Mordor
อันดับเก้าตกเป็นของอาณาจักรของเซารอน Mordor ตั้งอยู่ภายในเทิอกเขาเงา ทางตะวันออกของ Gondor ใจกลางอาณาจักรเป็นที่ตั้งของภูเขาไฟ Orodruin ที่ซึ่งเซารอนใช้ถ้ำ Sammath Naur เป็นสถานที่หลอมแหวน One Ring และมีหอคอยทมิฬ Barad-dur เป็นที่บัญชาการ เซารอนไม่ค่อยชอบรับแขกเท่าไหร่เลยมีทางเข้าอาณาจักรแค่สองทาง คือทางประตูดำ Morrannon ทางตอนเหนือโดยมีหอคอยคู่ (Towers of the Teeth) Carchost และ Narchostเป็นยามเฝ้าอยู่ และทางตะวันตกเหนือ Minas Morgul ซึ่งเซารอนเลี้ยงแมงมุมยักษ์ Shelob ไว้เฝ้าบ้าน
ทำไมถึงน่าไป: อาณาจักรที่ชั่วร้ายที่สุดในยุคที่สองและสามเชียวนะ จะไม่คิดไปเยือนหน่อยรึ?
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับ Mordor: เนื่องจากเซารอนใช้แหวน One Ring ในการสร้าง Mordor เมื่อแหวนถูกทำลายทั้งหอคอย ทั้งภูเขาไฟก็ถล่มระเบิดระเบ้อพินาจหมด
อันดับ 8 Lindon
ดินแดนแห่งเสียงเพลงภายใต้การปกครองของกิล-กาลัด กษัตริย์องค์สุดท้ายของโนลดอร์ Lindon ตั้งอยู่บนแผ่นดิน Ossirion (land of Seven Rivers) ตะวันตกของเทือกเขาสีน้ำเงิน ล้อมรอบด้วยแม่น้ำเจ็ดสายทำให้ Lindon เต็มไปด้วยป่าไม้และสีเขียวขจี ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของกิล-กาลัดพวกเอล์ฟส่วนมากเดินทางออกจาก Middle-earth ไปยัง Valinor โดยใช้ท่าเรือ Grey haven (Mithlon) ภายใต้การดูแลของเคียร์ดัน
ทำไมจึงควรไปเยือน: อาณาจักรของจอมกษัตริย์โนลดอร์องค์สุดท้าย และถ้าคุณต้องการเจอเอล์ฟที่แก่ที่สุดบน Middle-earth หรืออยากเจอเอลรอนตอนหนุ่มๆคุณมาถูกที่แล้วล่ะ หรือถ้าคุณต้องการนั่ง Valinor Express ที่นี่เป็นที่เดียวที่คุณจะโดยสารเรือพิเศษได้
อันดับ 7 Dwarrowdelf
Khazad-dum, Moria หรือ Dwarrowdelf อาณาจักรและเหมืองแร่ของคนแคระ เป็นที่มั่นของคนแคระในตระกูลดูริน (Durin long beard) ตั้งอยู่ภายใต้เทือกเขามิสตี้ เป็นที่เดียวในโลกที่มีการขุดพบ Mithril ในยุคที่สองพวกโนลดอร์ก่อตั้งอาณาจักรสุดท้ายคือ Eregion ขึ้นทางตะวันตกของ Moria และได้เจริญสัมพันธไมตรีกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน จนกระทั่งพวกเอล์ฟสร้างแหวนแห่งอำนาจขึ้นมาและมอบวงหนึ่งให้แก่ดูรินที่สาม ต่อมาเซารอนโจมตีมอเรียแต่คนแคระปิดประตูหนีและขุดลึกลงไปจนกระทั่งป๊ะกับบัลรอคที่หนีมากบดานอยู่ตั้งแต่สิ้นสุดยุคที่หนึ่ง กษัตริย์ดูรินที่หกถูกฆ่า และคนแคระหนีออกไปจากมอเรีย จนร้างมาตลอดยุคที่สาม
เหตุผลที่น่าไปเยือน: อาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนแคระ ที่เดียวที่สามารถหาแร่ mithril ได้ แต่ระวังบัลรอคให้จงหนัก! และถ้าคุณอ่านภาษาเอล์ฟไม่ออกไม่แนะนำให้เข้าทางประตูตะวันตก
เหตุการณ์หลังยุคที่สาม: คนแคระกลับมายังมอเรียภายใต้การนำของกษัตริย์ดูรินที่เจ็ด (คนสุดท้าย)
อันดับที่ 6 Rivendell
ภายในหุบเขา Imladris เป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ The Last Homely House East of the Sea ก่อตั้งโดยเอลรอนในยุคที่สอง เพื่อเป็นที่ลี้ภัยของเอล์ฟจาก Eregion คฤหาสน์แห่งนี้เป็นที่พำนักของเอลดาร์ที่ยังคงอยู่ใน Middle-earth ตลอดยุคที่สาม และเป็นที่ดูแลรักษาสายเลือดแห่งอิสซิลดูร์ และเป็นสถานที่ที่ก่อตั้งคณะพันธมิตรแห่งแหวนอีกด้วย ที่นี่ยังมี Hall of Fire ซึ่งคุณสามารถมาร้องรำทำเพลง หรือนั่งฟังนิทาน และเรื่องเล่าเก่าๆที่ผู้คนลืมไปเกือบหมดแล้วได้
สาเหตุที่น่าไปเยือน: หนึ่งในดินแดนสุดท้ายของเอล์ฟที่คงความงดงามได้ตลอดยุคที่สาม ยาวมาถึงต้นยุคที่สี่ เจ้าบ้านผู้อบอุ่นและชาญฉลาด บวกกับบุตรสาวคนงามและเอลดาร์มากมายที่เหลืออยู่ และยังเป็นที่พำนักสุดท้ายของเคเลบอร์นเอล์ฟลอร์ดคนสุดท้ายใน Middle-earth
อันดับที่ 5 Lothlorien
อาณาจักรเดิมของชาวซิลวันในนาม Lindorinand ต่อมาเปลี่ยนเป็น Lorinan หรือ Laurelindorinan ต่อมาเมื่อกาลาเดรียลและเคเลบอร์นได้เข้ามาดูแลจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Lothlorien เป็นที่เดียวบน Middle-earth ที่สามารถพบต้น Mallon ได้ และเป็นอาณาจักรเอล์ฟที่งดงามที่สุดในยุคที่สาม ใบไม้ที่นี่จะไม่ร่วงในฤดูหนาวแต่ใบจะเปลี่ยนเป็นสีทองและผลัดใบเมื่อถึงฤดูใบไม้ผลิ เมืองหลวงคือ Caras Galadhon ที่พำนักของกาลาเดรียลและเคเลบอร์น สถานที่ขึ้นชื่อได้แก่น้ำตก Nimrodel และเนิน Cerin Amroth
ทำไมถึงควรไปเยือน: แค่ได้เจอกาลาเดรียลก็ไม่ต้องมีเหตุผลอื่นแล้ว แต่ถ้ายังไม่พอคุณสามารถเอ็นจอยกับชีวิตบนยอดไม้ร่วมกับชาวกาลาธริมได้ อาจจะแอบขโมยสูตรเลมบัส(ระวังกาลาเดรียลมองตาเหลียกแบบคนหวงสูตร)หรือเรียนวิธีฟั่นเชือกตามแบบฉบับชาวเอล์ฟ หรือถ้าเมื่อยเท้าก็ไปนั่งแช่เท้าในลำธารนิมรอเดลได้ เริ่ดจะตาย
อันดับที่ 4 Gondolin
อาณาจักรสุดท้ายของเอล์ฟชาวโนลดอร์บนแผ่นดิน Belerian ที่ยืนหยัดต่อต้านมอร์กอร์ธ ปกครองโดยทัวร์กอน Gondolin ตั้งอยู่บนเทือกเขาวงแหวน (Encircling mountains) ได้รับฉายาว่านครลับแล (Hidden City) เนื่องจากไม่มีผู้ใดภายนอกอาณาจักรทราบที่ตั้งของนคร
Gondolin มีลักษณะเป็นนครสีขาว ล้อมรอบด้วยประตูเมืองเจ็ดชั้น และเป็นต้นแบบของนคร Minas Tirith ในอาณาจักร Gondor
ทำไมถึงน่าไปดู: นครที่งดงามจนเทียบได้กับ Tirion นครหลวงของโนลดอร์ในวาลินอร์
ตอนนี้กอนโดลินเป็นยังไงบ้าง: หลังจากฮูรินปากเปราะตะโกนเรียกทัวร์กอนจนมอร์กอร์ธรู้ที่ตั้งของ Gondolin แล้ว จึงแอบจับมายกลินหลานชายของทัวร์กอนมาเค้นความลับ (เอาอิดริลลูกสาวของทัวร์กอนมาล่อ) จนรู้ทางลับเข้าออกนครเป็นอย่างดีจึงยกทัพออร์ค มังกรและบัลรอคมาถล่ม ไม่นาน Gondolin ก็จมอยู่ในกองเพลิง
อยากไปเหรอ?: คุณคงต้องดำน้ำไปดูแล้วหล่ะเพราะอาณาจักรทั้งหมดบน Belerian จมน้ำไปเรียบร้อยแล้ว
อันดับที่ 3 Doriath
อาณาจักรเอล์ฟซิลดาร์ภายใต้การปกครองของธิงโกล ตั้งอยู่ใจกลางแผ่นดิน Belerian ล้อมรอบด้วยป่า Region ทางตอนเหนือและ Neldoreth ทางตอนใต้ ซึ่งเกิดจากอำนาจเวทมนต์ของเทพี Melian เพื่อป้องกันอาณาจักรตรงกลางอาณาจักรเป็นที่ตั้งของพระราชวัง Menegroth (The Thousand caves) พระราชวังที่งดงามที่สุดใน Middle-earth และมีท้องพระโรงห้องหับมากมายนับพัน
ทำไมถึงได้ที่สาม: อาณาจักรของเอล์ฟที่ยิ่งใหญ่งดงามที่สุดบน Middle-earth
เกิดอะไรขึ้นกับโดริอัธ: หลังจากธิงโกลสิ้นพระชนม์ เทพีเมลิอันก็กลับไปวาสลินอร์ทิ้งให่ประชาชนรับศึกกับพวกคนแคระจนอาณาจักรล่มสลาย ต่อมาดิออร์ลูกชายของเบเรนและลูธิเอนเข้ามาบูรณะใหม่แต่โดนลูกๆของเฟอาร์นอร์ ส่งสาสน์มาขอให้คืน Silmaril แต่ดิออร์ไม่ยอม จึงเกิดเป็น Kinslaying ครั้งที่สองในหมู่เอล์ฟ โดริอัธจึงพินาจถาวร
อันดับที่ 2 Angban
อันดับสองเป็นอาณาจักรของจอมมารมอร์กอร์ธ Angban เป็นอาณาจักรที่สองของมอร์กอร์ธ (ที่แรกคือ Atumno ที่มอร์กอร์ธใช้สร้างพวกออร์คเป็นครั้งแรก) ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของแผ่นดิน Belerian มีที่บัญชาการคือหอคอย Thangorodrim ประตูดำของอาณาจักรของมอร์กอร์ธแข็งแกร่งยิ่งกว่า Mordor และไม่มีกองทัพใดไม่ว่าจะเอล์ฟหรือมนุษย์จะบุกเข้าไปได้ (เซารอนมันก็แค่เด็กๆ มอกอร์ธอยากจะกล่าว) แต่ขอโทษลูธิเอนกับเบเรนสามารถเดินดุ่ยๆเข้าไปถึงหน้าบัลลังค์ได้ด้วยเชือกเพียงเส้นเดียวนะจ๊ะ
ทำไมถึงได้ที่สอง: จะมีอาณาจักรไหนยิ่งใหญ่ไปกว่านี้อีก นอกจากดินแดนของเทพวาลาร์
ถ้าอยากไปดู: เสียใจกองทัพวาลาร์ถล่มซะราบไปแล้วในสงคราวแห่งพระพิโรธ (War of Wrath) ส่วนหอคอย Thangorodrim โดนเออาเรนดิลปามังกรใส่ถล่มไปเรียบร้อย
อันดับที่ 1 Almaren
อันดับหนึ่งตกเป็นของ Almaren ที่ประทับแห่งแรกของเหล่าเทพวาลาร์บนเกาะใหญ่ใจกลางมหาทะเลสาบ (Great Lake) ก่อตั้งขึ้นภายหลังสงครามครั้งแรกระหว่างเหล่าวาลาร์และมอร์กอร์ธ (ตอนนั้นยังเป็นเมลคอร์ หนึ่งในวาลาร์อยู่) ก่อนยุคที่หนึ่ง เป็นจุดที่แสงสว่างจากดวงตะเกียงทั้งสองคือ Illuin และ Ormal ประสานกัน (ตอนนั้นยังไม่มีดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หรือทวิพฤษา) ต่อมาเมลคอร์อาศัยจังหวะที่เหลาวาลาร์เผลอโค่นเสาที่แขวนตะเกียงทั้งสองทิ้ง ทำให้แผ่นดินแยกออกและน้ำท่วมเข้าสู่ Middle-earth เกิดเป็นอ่าวเล็กอ่าวน้อยมากมาย และ เกาะ Almaren ก็พินาจไป
เหตุผลที่ได้ที่หนึ่ง: จะมีที่ไหนงดงามเกินกว่าที่ประทับของเทพผู้สร้างโลกได้อีกเล่า
ถ้าอยากไปดู: เสียใจด้วยคุณคงต้องดำน้ำไปดูแล้วล่ะ หรือไม่ก็ตามไปทวีปอาร์มันได้ วาลาร์ย้ายสาขาไปตั้งวาลินอร์ที่นั่นแล้ว