9 โรค ในออฟฟิศ ที่มนุษย์เงินเดือนต้องเฝ้าระวัง
รู้กันหรือไม่ว่า ออฟฟิศ หรือสถานที่ที่มนุษย์เงินเดือนนั่งทำงานกันวันละ 8 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย นอกจากจะเป็นสถานที่ที่เชื่อกันว่ามอบความมั่นคงในชีวิตแล้ว ออฟฟิศที่คนหนุ่มคนสาวหายเข้าไปตอนเช้าตรู่ กรูกันออกมาตอนพักเที่ยง และกลับบ้านตอนเย็น นั่นมี 9 โรคออฟฟิศสิงอยู่
9 โรคที่ต้องเฝ้าระวังมีอะไรบ้างมาดูกัน
1.โรคผมร่วง
อย่าเพิ่งขำเชียวว่า ออฟฟิศทำให้ผมร่วง เพราะนี่ไม่ได้เป็นการขู่ให้ใครกลัว แต่รู้เถอะว่านอกจากอาการเครียดเป็นสาเหตุหลักทำให้เส้นผมร่วงมากกว่า 30 เส้นต่อวันแล้ว หนุ่มสาวออฟฟิศที่ได้รับแสงอาทิตย์ไม่เพียงพอ ก็เป็นสาเหตุทำให้ผมร่วงเช่นกัน เพราะแสงแดดในยามเช้าช่วยให้เราสังเคราะห์วิตามินเคที่จำเป็นต่อร่างกาย รวมถึงหนังศีรษะด้วย
2.ปวดหัว, ไมเกรน
สาเหตุก็คงทราบกันแล้วว่า อาการปวดหัว หรือไมเกรน เกิดจากความเครียด แต่สาเหตุอีกประการที่น่าสนใจคือ การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ กาเฟอีน(กาแฟ น้ำอัดลม ยาชูกำลัง) อาหารไขมันสูง อาหารประเภทเนื้อสัตว์ 90% เป็นอาหารหลัก
แม้ว่าอาการอัลไซเมอร์จะเป็นอาการสมองเสื่อมโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่สาเหตุหลักๆ ของอาการสมองเสื่อมอื่นๆ ก็คือ การรับประทานอาหารดังกล่าว อีกสาเหตุหนึ่งที่น่าสนใจคือการขาดการออกกำลังกายสม่ำเสมอ โดยปรกติเราต้องออกกำลังกายประมาณ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์เป็นอย่างน้อย แต่มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักอ้างว่าไม่มีเวลาออกกำลังกาย
3.ปวดตา น้ำตาแห้ง
การนั่งหน้าจอเกินวันละ 6 ชั่วโมง และการเพ่งอยู่หน้าจอในที่มืดรวมทั้งการขาดวิตามินเอ และบี ถ้าไม่อยากให้น้ำตาแห้งก็ควรหาโอกาสออกไปมองฟ้าบ้างก็น่าจะดีไม่น้อย
4.ไซนัส
ดูเหมือนโรคเป็นหวัด คัดจมูก ภูมิแพ้ จะกลายเป็นโรคประจำของหนุ่มสาวออฟฟิศไปซะแล้ว ก็วันๆ นั่งอยู่แต่ในห้องปรับอากาศ ซึ่งไม่รู้เหมือนกันว่าพนักงานแอร์มาทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศครั้งสุดท้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ ทางที่ดีควรหาเวลาออกไปสูดอากาศข้างนอกบ้าง ปอดจะได้ไม่พังก่อนเวลาอันควร
5. ปากเหม็น
นอกจากอาหารพวกกาแฟ แอลกอฮอล์ ความเครียด ยังเป็นพาหะเร่งให้แบคทีเรียทำงานอย่างมีประสิทธิภาพได้ดีที่สุด ถ้าไม่อยากถูกตราหน้าว่าเป็นคนปากเหม็นก็ต้องพูดให้มากขึ้น น้ำลายจะได้ไม่บูด
6.ปวดคอ, ปวดไหล่
ปวดข้อ ปวดนิ้ว โดยมากเกิดจากอาการนั่งทำงานผิดท่า นั่งเก้าอี้โต๊ะที่ไม่รองรับต่อการทำงาน แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า แม้ท่านจะนั่งถูกท่าแล้ว แต่หากนั่งเป็นเวลานานๆ ไม่มีการเปลี่ยนอิริยาบถซะบ้าง อาการปวดคอ ปวดไหล่ ก็ถามหาเช่นกัน
7.โรคอ้วน
ทุกวันเรากินอาหารอย่างน้อย 3 มื้อ มีพลังงานมากมายเข้าสู่ร่างกาย แต่ถูกเผาผลาญไปน้อยนิดก็ต้องอ้วนเป็นธรรมดา ถ้าไม่อยากให้ออฟฟิศเป็นสถานที่เพาะน้ำหนักแล้วละก็ อาหารประเภทแฮมเบอร์เกอร์ น้ำอัดลม พิซซ่า ที่คุณทำไปกินไปน่ะเลิกซะ
8.โรคกระเพาะ
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งโรคฮิตของหนุ่มสาวออฟฟิศ เพราะนอกจากการกินอาหารไม่เป็นเวลาจะเป็นสาเหตุใหญ่ รู้หรือไม่ว่าการกินอาหารแบบเร่งรีบ ยังส่งผลให้กระเพาะ และระบบขับถ่ายทำงานได้ไม่มีประสิทธิภาพด้วย
9.ริดสีดวง
การนั่งนานๆ จะทำให้เกิดการกดทับของเส้นเลือดดำบริเวณปลายลำไส้ และเกิดอาการเลือดคั่ง บวม ยิ่งน้ำหนักมาก ก็จะยิ่งเร่งให้เป็นโรคนี้เร็วขึ้นเท่านั้น เพราะฉะนั้นนอกจากจะต้องควบคุมน้ำหนักตัวแล้ว ควรอย่างยิ่งที่หนุ่มสาวออฟฟิศจะต้องลุกเดินไปทักเพื่อนร่วมงานบ้าง ว่าแต่อย่าไปเมาท์นานจนเจ้านายตาเขียวเชียว เดี๋ยวจะกลายเป็นโรคตกงานแทนโรคออฟฟิศไม่รู้ด้วยนะ
รู้กันอย่างนี้ ถ้าไม่อยากได้โรคทั้ง 9 เป็นของแถมจากออฟฟิศ ก็ลุกขึ้นมาใส่ใจสุขภาพตัวเองกันได้แล้ว เพื่อคนที่คุณรักและคนที่รักคุณ
ขอบคุณที่มา : กระทรวงสาธารณสุข
วิธีการลดปัญหาเรื่องปวดหลังของคนทำงานออฟฟิค ทำได้โดย
1. ควรเลือกขนาดของโต๊ะเก้าอี้ให้เหมาะสม และพอดีกับสรีระ
2.ไม่ควรใช้เก้าอี้สปริงที่เอนได้ เก้าอี้แบบนี้ไม่ได้มีการรองรับหลังเท่าที่ควร ควรเลือกเก้าอี้ที่สามารถเอนได้ ความสูงของเก้าอี้และโต๊ะต้องได้ระดับกัน
3. คอมพิวเตอร์ที่ใช้ต้องมีการปรับจอให้อยู่ในระดับสายตา คือกึ่งกลางของจออยู่ที่ระดับสายตาของเรา การพิมพ์งาน แป้นคีย์บอร์ดควรอยู่ในระดับข้อศอก ข้อมือ จะได้ไม่ต้องยกแขนขึ้นมาพิมพ์
4. การใช้เม้าท์ ถ้าต้องใช้งานมาก ควรจะเป็นเม้าท์แบบ "แทรกกิ้งบอล" หรือไร้สาย ที่สามารถนำมาใกล้ตัวได้และสามารถใช้ได้ถนัดโดยไม่ต้องยื่นแขนออกไป
5.ไม่ควรนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์นานมากไป ควรจะเบรกทุก 1 ชั่วโมง หรือ 45 นาทีเพื่อพักผ่อนอิริยาบถ
6. ควรนั่งเก้าอี้ให้เต็มก้น ซึ่งสาวออฟฟิศส่วนใหญ่ชอบนั่งแค่ครึ่งหรือปลายเก้าอี้
7.ควรออกกำลังกายหรือบริหารร่างกายอย่างสม่ำเสมอ วิธีง่ายๆ ก็คือการบีบนวดต้นคอ ยืดกล้ามเนื้อคอ หรือเอียงซ้าย-ขวา ก้มและเงยหน้า ฯลฯ แต่ละท่าควรทำค้างไว้สัก 10 วินาที เพื่อให้กล้ามเนื้อหรือเส้นเอ็นยืดตัวได้
ทำได้ครบ 7 ข้อเมื่อไหร่ อาการปวดหลังจะค่อยๆ ห่างหายไปเอง
บทความจาก http://www.nongmaiclub.com
ไทย ชวดเหรียญทอง ปันจักสีลัต ทั้งที่กำลังจะขึ้นรับเหรียญ
แฉเรือทุนไทยขายน้ำมันให้เขมร อดีต สว ประกาศ เตือน ทัพเรือสั่ง 'จมเรือ' ได้ทันที เพราะประกาศกฎอัยการศึก
ย้อนวันวาน “ศูนย์อาหารมาบุญครอง พ.ศ. 2535” ต้นแบบฟู้ดคอร์ทไทย จากคูปองเงินสด สู่ยุคสแกนจ่ายในปลายนิ้ว
คลังเขมรเกลี้ยง ฮุนเซน ขอเงินเดือนเอกชน 5% อ้างช่วยชาติ
ฝั่งเขมร อ้าง สอยโดรนไทยตก แต่ตรวจแล้วไม่ใช่ Dominator XP เป็นโดรนกองทัพบก DP-20
ถล่มอุโมงค์ลับ เนิน 350 ทัพฟ้าส่ง F-16 เสิร์ฟไข่ 6 รอบติด
ค้นพบแหล่งทองคำกว่า 500 ตัน มูลค่าสูงถึง 600,000 ล้านหยวน
ไมโครเวฟ 45 ปี จากครัวบ้านสู่พิพิธภัณฑ์ ตำนานความทนทานที่บริษัทผู้ผลิตยังต้องคารวะ
นาวิกยึดฐานเขมร เจออาวุธจีน ทุ่นระเบิดเพียบ แถมมีเอกสารฝึกวางกับระเบิดคาหนังคาเขา
เปลี่ยนบ้านเป็นพิพิธภัณฑ์! เมื่อ "ผักกาดขาว" เจ้าปัญหา กลายเป็นงานศิลปะระดับโลกในพริบตา
"ฮุน มานี" นำประชาชนกัมพูชาเดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ..เพื่อเรียกร้องสันติภาพ
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ ส่วนข้อคิดประจำวันก็คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะอาทิตย์หน้า ก็ใกล้จะเข้าปีใหม่แล้ว เดี๋ยวงานค้าง เที่ยวไม่สนุก ขอบคุณครับ
ปุ๋ยล็อตใหญ่ ไปชายแดนเกือบ 3,000 นาย
หนุ่มชาวมาเลเซีย ได้คู่จากแอพฯ แต่คุยมาตั้งนาน เพิ่งรู้ว่าคุยกับผู้ชายตอนได้เจอกันนั่นแหล่ะ...
ปิดดีล! จีนยอมขาย TikTok ในสหรัฐแล้ว
ไมโครเวฟ 45 ปี จากครัวบ้านสู่พิพิธภัณฑ์ ตำนานความทนทานที่บริษัทผู้ผลิตยังต้องคารวะ
รวมภาพเรียกรอยยิ้มประจำวันนี้ ส่วนข้อคิดประจำวันก็คือ ทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะอาทิตย์หน้า ก็ใกล้จะเข้าปีใหม่แล้ว เดี๋ยวงานค้าง เที่ยวไม่สนุก ขอบคุณครับ

