หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ชวนชม JURASSIC PARK 3D : ความมหัศจรรย์ที่ควรค่าแก่การลองสักตั้งในโรง [รีวิวหนัง+ระบบสามมิติ]

โพสท์โดย [S]UPERMAN

 

จั่วหัว : ปลุกตำนานไดโนเสาร์ให้คืนจอใหญ่อีกครั้ง ระเบิดความมันส์ทะลุจอแบบสามมิติ ตื่นเต้น สมจริงยิ่งขึ้นประหนึ่งไม่เคยได้ดูชมมาก่อน นี่เป็นหนังยอดเยี่ยมอีกเรื่องที่มีมนต์ขลังเหนือกาลเวลา

 

Jurassic Park (3D) : กำเนิดใหม่ ไดโนเสาร์

 

คมนิด จี๊ดเลย : ความประมาท คือหนทางไปสู่ความตาย

 

Napat's Rating : (A+++++) , 10 /10

 

อัพเดท เรื่องหนัง ทันใจ!! คลิก Like!!! : 

https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans

 

- คำเตือน : นี่คือเรตติ้งและความคิดเห็นส่วนตัวหลังชมหนังของผมคนเดียวเท่านั้น ย้ำว่าส่วนตัวนะครับ บางคนเห็นตรง บางคนอาจเห็นต่าง ถือว่าเอามาแลกเปลี่ยนทัศนะกันเฉยๆ โปรดอย่าได้ถือสากับคำวิจารณ์ของผมเลยนะครับ เพราะเป็นเพียงอีกหนึ่งเสียงจากการชมหนังในฐานะคนดูหนังธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น -

 

 

จากใจ..ถึงหนังเรื่องนี้ : นี่คือการกลับมาครั้งยิ่งใหญ่ของภาพยนตร์ในตำนานอีกเรื่องของฮอลลีวู้ด จากการกำกับของพ่อมดฮอลลีวู้ด "สตีเว่น สปีลเบิร์ก" ที่ได้เนรมิตไอเดียที่ว่า ถ้าหากไดโนเสาร์กลับมามีชีวิตได้อีกครั้ง โลกของเราจะเป็นอย่างไร

 

การกลับมาของหนังเรื่องนี้ ยังทำให้คนรุ่นหลังอย่างผม ที่ไม่มีโอกาสได้เห็นปรากฏการณ์ของจูราสิค พาร์คในโรง เพราะตอนนั้นยังเพิ่งลืมตามาดูโลกได้ไม่นาน จนถึงในวันนี้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสตีตั๋วเพื่อที่จะได้ดูหนังเรื่องนี้ในโรงกับเขาเสียที และได้เห็นมนต์เสน่ห์ที่หนังเรื่องนี้ร่ายใส่บนจอตั้งแต่ต้นจนจบ แถมยังทะลุจอIMAX 3Dออกมาอีกต่างหาก พอได้ดูแบบนี้ รู้สึกว่าได้ดูเต็มตา ระทึกถึงใจ แบบเต็มอารมณ์เสียที

 

พูดถึงระบบของโรงไอแมกซ์พารากอนสามมิติ ก็เป็นอีกครั้งที่ต้องชื่นชมว่าระบบนี้ทำให้การดูหนังของผม ได้รับอรรถรสอย่างครบถ้วนและเติมเต็มความรู้สึกของคนดูหนังคนนึงให้สามารถเต็มอิ่มและอินไปกับหนังที่สุดอีกครั้งเท่าที่มันจะพาเราไปได้ การนำหนังเรื่องนี้มาทำในระบบสามมิติทำให้เราได้เห็นมุมมองที่รู้สึกเข้าถึงมากยิ่งขึ้น สัมผัสได้มากขึ้น และระบบเสียงที่ยอดเยี่ยมทำให้เรารู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่กับตัวละครเหล่านี้ในป่าด้วยจริงๆ อีกทั้งจอใหญ่ๆแบบนี้ยังทำให้เราได้เห็นสีหน้าแววตาของนักแสดงที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติกันทุกคนได้อย่างเต็มตา และฉากลุ้นระทึกทำเราตื่นเต้นจนต้องร้องเหวอออกมาเหมือนกับไม่เคยดูมาก่อนได้จริงๆ ดังนั้นเป็นอีกครั้งที่ผมต้องย้ำก่อนรีวิวเนื้อหนังว่า ถ้าท่านต้องการครบอรรถรสตามที่หนังมันต้องการจะมอบให้ ทางเลือกอย่าง IMAX 3D น่าจะเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์นั้นมากที่สุดแล้วเท่าที่ผมจะแนะนำได้

 

มาพูดถึงตัวหนังกันบ้าง หลังจากที่ไม่ได้ดูชมตั้งแต่ยังเล็ก กลับมาดูตอนนี้อีกทีก็เหมือนได้รีรันดูใหม่ ได้เห็นมุมมองที่กว้างมากขึ้น ด้วยวุฒิภาวะที่ได้เติบโตมาตามวัย ก็รู้สึกอยากจะเขียนถึงหนังเรื่องนี้เหมือนกัน นอกจากความสนุก ความมันส์ระทึก และดนตรีประกอบที่ยอดเยี่ยมไร้ที่ติของจอห์น วิลลี่ยม จะมาทำให้ผมได้ขนลุกขนพองไปกับฉากอลังการและเนื้อเรื่องสนุกๆแล้ว หนังยังมีมุมมองที่ทำให้ซาบซึ้งตรึงใจจนน้ำตาคลอได้ทีเดียว ซึ่งผมก็โดนแบบนี้จังๆกับการชมรอบนี้

 

ตั้งแต่การเปิดฉากไดโนเสาร์แบบเต็มๆพร้อมเพลงธีมสุดอลัง อยู่ๆน้ำตาก็คลอออกมาอย่างไม่มีเหตุผล มันคงเป็นความรู้สึกที่ว่า เราได้เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อสิบกว่าปีก่อน คนทั้งโลกถึงตะลึงงันกับฉากเหล่านี้ ทั้งๆที่วันนี้มันควรจะเป้นเรื่องธรรมดากระจิบริบร่อย เพราะซีจี เมคอัพก็ทำได้ทุกอย่าง สารพัดสรรพสิ่งหมดแล้ว แต่มันไม่ใช่กับเรื่องนี้ ผมรู้สึกว่าสปีลเบิร์กได้ร่ายมนต์ขลังให้หนังเรื่องนี้เหนือกาลเวลาด้วยอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูก แต่ผมรู้สึกสัมผัสได้ตลอดการรับชม

 

อีกฉากที่ผมชอบมากๆคือฉากในช่วงกลางและท้ายเรื่อง ที่ว่าด้วยเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างดร.แกรนด์ ตัวเอกของเรื่องผู้ขึงขัง และไม่ชอบความอ่อนโยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งคือกับเด็กๆ ซึ่งยิ่งถ้าพวกเด็กๆที่มองเขาเป็นเหมือนไอดอล เป็นความหวังของเขา สำหรับดร.แกรนด์มันคือความไร้สาระ และเป็นความน่ารำคาญเสียทั้งสิ้น แต่แล้วเมื่อเกิดเหตุที่ทำให้เขามีอันต้องมาตกยากลำบากด้วยกัน เขากลับที่จะต้องมาเป็นผู้แบกรับ "ความหวัง" ของเด็กๆเหล่านี้ไว้ อันมีสองคน ได้แก่ เล็กซ์ และทิมน้อย และเมื่อการผจญภัยของพวกเขาได้เชื่อมโยงความสัมพันธ์บางอย่างเข้าไว้ด้วยกัน เขาก็สัมผัสได้ถึง "ความหวัง" ที่เด็กๆเหล่านี้มีให้ และเขาก็รู้สึกสุขใจอย่างแท้จริงในวันที่เขาค้นพบว่า "ความหวัง" นี้ของหัวใจดวงน้อยๆที่มาจากเด็กเหล่านี้มันสำคัญเพียงใด และมีค่าเพียงใดต่อพวกเขา ฉากบนต้นไม้และฉากบนเฮลิคอปเตอร์ คือฉากที่ทรงพลังยิ่งในความรู้สึกนี้ ซึ่งหนังก็ได้มีดร.แซทเล่อร์ ว่าที่แฟนของดร.แกรนด์ ที่เป็นเหมือนตัวแทนของคนดูที่ได้คอยมองเห็นถึงความสัมพันธ์ส่วนนี้ของเขา ที่จากเป็นคนอคติ แต่แล้วเขาก็สามารถทลายกำแพงนี้ลงได้เองด้วย"ความรัก"นั่นเอง ผมฟินกับฉากเหล่านี้มากๆเป็นอันดับต้นๆ เป็นอะไรที่เหนือกาลเวลาจริงๆ

 

นอกจากนี้ถ้ามานั่งวิเคราะห์ดีๆ ผมมองว่าหนังเรื่องนี้คือตัวแทนของประโยคสำนวนที่ว่า "ความประมาท เป็นหนทางที่นำไปสู่ความฉิบหายหรือความตายได้"

 

ลองสังเกตุดูดีๆ ตัวละครแต่ละตัวมันจะมีความประมาทอยู่ในตัวทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นประมาทต่อชีวิต ประมาทต่อหน้าที่ของตน

 

หรือที่ชัดที่สุดคือการประมาททางความคิดและทัศนคติของดร.แฮมมอนด์ ที่ถ่ายทอดบทบาทที่แสนยอดเยี่ยมนี้โดยผู้กำกับออสการ์ในตำนานอย่าง"คานธี" และเป็นไอดอลของสปีลเบิร์กอีกที อย่าง ท่านริชาร์ด เอทแทนบอรอกซ์

 

ดร.แฮมมอนด์เชื่อว่า การค้นพบครั้งสำคัญที่ทำให้ไดโนเสาร์ของเขากลับมามาชีวิตได้ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดียิ่ง แต่เขาไม่ได้หาทางคิดหรือทางป้องกันด้วยความรอบรู้ที่มากพอ นั่นจึงทำให้สิ่งที่เขาคิดกลับมาเล่นงานตนเองและคนรอบข้างในภายหลัง ถึงเป็นเหตุที่ว่า ทำอะไรต้องคิดหน้าคิดหลังดีๆ ถ้าเราเป็นหมองูและไม่เชี่ยวเรื่องงูมากพอ ก็อย่าเข้าไปเล่นกับงู ไม่เช่นนั้นเราเอง ที่อาจเป็นฝ่ายตายเพราะงูก็เป็นได้

 

กระนั้นการหาทางป้องกัน ถ้ามันเป็นขั้นตอนที่สายเกินไป การหาทางแก้ปัญหาต่างหากคือสิ่งที่จะช่วยทำให้ทุกอย่างดีขึ้นได้เร็ว อย่างน้อยการที่เรายังคงมีสติ สามัคคีกัน และพร้อมที่จะเผชิญวิกฤติที่เราไม่รู้ว่าจะมีอะไรข้างหน้า ก็จะทำให้เราสามารถรอดพ้นสถานการณ์อันเลวร้ายนี้ไปได้ ถ้าหากเปรียบสถานการณ์บ้านเมืองที่เลวร้ายในบ้านเราเป็นดั่งเหล่าไดโนเสาร์ที่ดุร้าย แล้วเปรียบเราคนไทยเป็นคนติดเกาะในพาร์คแห่งนี้ มันจะมีสักวันไหมนะ ที่เราต่างจะจับมือและช่วยกันหาทางออกที่ดีกว่าให้กับบ้านเมืองเราได้ หรือว่าจะรอให้ไดโนเสาร์ที่แสนดุร้ายฟูมฟักแพร่พันธุ์มากขึ้นไปเรื่อยๆจนถึงวันที่เราไม่อาจที่จะหยุดยั้งได้อีก น่าคิดไม่น้อย

 

"เพราะชีวิตล้วนมีหนทางของมัน"

 

เราจึงภาวนาว่า แต่ละชีวิต แต่ละความเป็นไปของสรรพสิ่ง จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้า ไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โดยที่จะเอาเบื้องหลังในอดีตมาเป็นบทเรียนและแก้ไขคืนวันให้ดียิ่งขึ้นต่อไป เผื่อว่าสักวันนึงถ้าเรารับมือกับปัญหาต่างๆได้ อาจมีวันที่ไดโนเสาร์และมนุษย์จะอยู่เคียงคู่กันได้จริงๆก็เป็นได้ ใครจะรู้

 

ปล.ขอบคุณ Jurassic Park ที่ทำให้สัมผัสถึงความมหัศจรรย์ของคำว่า"ภาพยนตร์" อีกครั้งนะครับ และทำให้ผมยังศรัทธากับประโยคที่ว่า "ภาพยนตร์ที่เหนือกาลเวลามีอยู่จริง" ถ้าอยากรู้ ก็ลองพิสูจน์กันเอาเองนะครับทุกคน

 

ปล2.สุดท้ายนี้ ขอฝากหนังสั้น(+เบื้องหลัง)ชวนตีความเรื่องนึงไว้ให้ชมกันนะครับ ควรตั้งใจดูและคิดตามไปด้วย น่าจะได้อะไรกลับไปขบคิดกันบ้างไม่มากก็น้อยครับ







และขอฝากหนังตัวอย่างทีเซอร์ "หนังซอมบี้-ไซไฟ" ผลงานเรื่องใหม่ของผมไว้ด้วยนะคร้าบ คาดว่าจะมาในช่วงเดือนสิงหาคมครับ




อันนี้ตัวอย่างหนัง "Jurassic Park 3D" ครับ

 

แถมดนตรีที่ไพเราะมากๆที่จะพาเราท่องไปในโลกของจูราสิค พาร์คครับ ลองฟังดู แค่เพลงก็ฟินได้แล้ว บ่องตงๆครับ

 

ติดตามผลงานรีวิวอื่นๆและผลงานหนังสั้นต่อได้ที่นี่ครับ 

 

ใครชอบอ่านรีวิวหรืออยากติดตามเรื่องราวข่าวสารดีๆจากผม 

 

ผมจะไป"แชร์"ให้ทุกท่านโดยตรงในเพจด้านล่างนี้นะคร้าบ มาLikeเยอะๆนะคร้าบ คลิกไปแล้วไม่ผิดหวังครับ!!

 

และสุดท้าย อย่าลืมช่วยกันโหวตกระทู้นี้นะคร้าบ

 


https://www.facebook.com/Napat.Tang.Fans

https://www.facebook.com/S.L.Studios.Ent

เนื้อหาโดย: [S]UPERMAN
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
[S]UPERMAN's profile


โพสท์โดย: [S]UPERMAN
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
แล้งหนัก...ประปาไร้น้ำ เกาะพีพีต้องซื้อน้ำใช้ช็อตฮาประชาชี : บ้านญาติบรรยากาศแบบนี้ ต้องหาคนมานอนเป็นเพื่อนหน่อยเน่อ ไม่งั้นหลอนแน่ๆอดีตผู้บริหารหญิง Google ไทย เมาแล้วขับ ลาออกเมื่อต้นปี..ทั้งนี้ยังมาก่อเหตุซ้ำอีก!อดีตหัวหน้าพรรคคนดัง ย้ายซบ ปชป. ตอบแทนบุญคุณช่วยเป็น สส. สมัยแรก
ตั้งกระทู้ใหม่