หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

อ่านหนังสืออย่างไรให้จำแม่น?

โพสท์โดย bourbon

 

 

 

 

เคล็ดลับการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียนนี้ เป็นเทคนิคง่ายๆ นักเรียนนักศึกษาสามารถนำไปปฏิบัติได้ทุกคน ขอแต่เพียงเข้าใจเคล็ดลับวิธีการเท่านั้นเอง หัวใจสำคัญของการทำความเข้าใจและจดจำบทเรียน คือ การหมั่นฝึกฝนตามขั้นตอนให้เกิดความเคยชินจนติดกลายเป็นนิสัยการอ่านเพื่อทำความเข้าใจนี้จะแตกต่างจากการอ่านเพียงเพื่อท่องจำ 

      

     1. เวลาอ่านบทเรียนหรือตำรา ให้อ่านอย่างตั้งใจ แต่ทว่าเราจะไม่อ่านไปเรื่อยๆ คือเราจะหยุดอ่านเมื่อจบย่อหน้าหรือหยุดเมื่ออ่านไปได้พอสมควรแล้ว

      2. จากนั้นให้ปิดหนังสือ แล้วลองอธิบายสิ่งที่ตนเองได้อ่านมาให้ตัวเองฟังคือ เราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังด้วยภาษาสำนวนของเราเอง ฟังแล้วเข้าใจหรือเปล่า หากเราสามารถอธิบายให้ตัวเองฟังรู้เรื่อง แสดงว่าเราเข้าใจแล้ว ให้อ่านต่อไปได้

      3. หากตอนใดเราอ่านแล้ว แต่ไม่สามารถอธิบายให้ตัวเองรู้เรื่อง แสดงว่ายังไม่เข้าใจ ให้กลับไปอ่านทบทวนใหม่อีกครั้ง

      4. หากเราพยายามอ่านหลายรอบแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจจริงๆให้จดโน้ตไว้เพื่อนำไปถามอาจารย์ จากนั้นให้อ่านต่อไป

      5. ข้อมูลบางอย่างในตำราจำเป็นที่จะต้องท่องจำ เช่น ตัวเลข สถิติ ชื่อสถานที่ บุคคล หรือ สูตรต่างๆ ฯลฯ ก็ควรท่องจำไว้ด้วย เพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ ที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

      6. การเรียนด้วยวิธีท่องจำ โดยปราศจากความเข้าใจ เรียนไปก็ลืมไป สูญเสียเวลาเปล่าประโยชน์ เสียเงินทอง

      7. การเรียนที่เน้นแต่ความเข้าใจ โดยไม่ยอมท่องจำ ก็จะทำให้เราเข้าใจเรื่องต่างๆไม่ชัดเจน คลุมเครือ

      8. ดังนั้นควรมีเทคนิคง่ายๆ สั้นๆ ดังต่อไปนี้

      ก.ให้อ่านหนังสือ สลับกับ การอธิบายให้ตัวเองฟัง          

 ข.ให้ท่องจำเฉพาะข้อมูลที่จำเป็นต้องจำจริงๆ เช่น ตัวเลข ชื่อเฉพาะต่างๆ 
 
 
 
 

           เคล็ดลับ การเรียนเก่ง 

1.คุมเวลาตื่นนอนให้ได้ทุกวันก่อน.


เช่น ตื่น 6 โมงเช้านอน 4 ทุ่ม ซัก 1 เดือนติดต่อกัน  
ให้ได้ก่อนค่อยมาว่าจะอ่านหนังสือ.  
เพราะจะเป็นการจัดระบบมันสมองใด้อย่างดีเยี่ยม  
และจะรู้สึกว่าสมองมีพลังใน
การรับรู้.  
ถ้าทำข้อนี้ไม่ได้ อย่าคิดว่าจะ
เรียนให้ดีได้ยาก


2. หลักการอ่านหนังสือใดๆ ไม่จำเป็นต้องอ่านทีละนานๆ.


เช่นตั้งไว้ว่า วันนึง เราจะ อ่านซัก 1 - 2 ชม.ก็เกินพอ.  
แต่สำคัญอยู่ที่ความต่อเนื่อง. ถ้ายังบังคับตัวเองไม่อยู่ ข้อ 1. ก็เป็นการฝึกบังคับอย่างนึงแล้ว  
ต้องอ่านทุกวัน ไม่มีวันหยุด.


3. ที่ว่า 1 -2 ชม.นั้นต้องรู้ว่าตัวเองเราสามารถรับได้ครั้งละเท่าไร

อย่างเช่นจะ อ่านวันละ 2 ชม. แต่แบ่ง เป็น 4 ยก. ครั้งละ 25 - 30 นาที และพัก 5- 10 นาที


4. อ่านจบวันนึงๆ ต้องมีสรุปแบบเล่มยาวๆ เลยนะ.


สรุปสั้นๆ ว่าวันนี้ได้อะไรบ้าง สูตรอะไรๆ หรือความเข้าใจอะไร


5. ถึงตอนนอนให้นั่งสมาธิซัก 5 นาทีพอรู้สึกใจเริ่มนิ่ง ให้นึกที่เราสรุปไว้ เมื่อกี๊.

ถ้านึกไม่ออกแสดงว่าสมาธิตอนอ่านหนังสือไม่ดี
ให้เปิดไฟ ลุกออกไปดูที่สรุปใหม่ แล้วนึกใหม่.


 
 

6. ต้องรู้วิธีเรียนในแต่ละวิชา.

เช่น คณิต + ฟิสิกส์ เน้นความเข้าใจเป็นอันดับ 1  
เคมี เน้น เข้าใจ + ท่องจำบางอย่าง เช่น ตารางธาตุ ถ้าท่องยังไม่ได้แสดงว่าไม่เข้าใจว่ามันจำเป็นต้องจำ  
อังกฤษ เป็นเรื่องทักษะ ต้องใช้บ่อยๆ.  
เวลาจะทำอะไรก็นึกเป็นภาษาอังกฤษบ้าง  
เช่นนึกจะทักเพื่อนว่าไปไหน ก็นึกว่า  
where do you go? อะไรเป็นต้น  
แล้วก็ต้องเข้าใจ เป็นภาษาต่างด้าวยังมีคำหรือสำนวนที่เราไม่เข้าใจอีกเยอะ  
ดังนั้นเรื่องศัพท์ต้องรู้เยอะๆ เวลาจะไปดูหนัง Entertain กันทั้งที  
ก็เลือกดูเรื่องที่เขามีแต่ sub title เป็นภาษาอังกฤษ


7. วิธีเรียนพวกวิชาที่ใช้ความเข้าใจ


อันดับแรกต้องรีบศึกษาเนื้อหาทั้งหมดให้จบอย่างรวดเร็ว  
ถามว่าอ่านจากไหน อย่ามองไกล  
แบบ
เรียนนั่นล่ะ อย่าเพิ่งไปมองพวกคู่มือ  
ถ้าเราอ่านแบบ
เรียนไม่รู้เรื่อง ก็อย่าไปหวังจะดูตำราอื่นเลย  
จากนั้นให้รีบหา แบบฝึกหัด มาทำในแบบ
เรียนนั่นล่ะให้ได้หมดก่อน  
จากนั้นค่อย เสาะหาตำราคู่มือที่คิดว่าเราดี อ่านแล้วเข้าใจอีกซักเล่มนึงมาอ่านเนื้อหาให้หมดอีกที แล้วทำแบบฝึกหัดในเล่มนั้นให้จบหมด  
สำคัญคือความตั้งใจนะ 
ต้องเข้าใจว่าเรา มีความรู้ในบทนั้นๆจบแล้ว  
ทำไมยังทำโจทย์บางข้อไม่ได้
พยายามคิด  
สุดท้ายไม่ออก ก็ดูเฉลย แล้วต้องตอบตัวเอง  
ให้ได้ว่าเราไม่เข้าใจที่ตรงไหน? ทำไมทำไม่ได้  
โจทย์ข้อนั้นๆ เป็นเทคนิคเฉพาะหรือเปล่า  
ต่อไป ก็เสาะหาพวกข้อสอบต่าง ๆ มาให้เยอะที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว ก็ ทำๆจนเกิดรู้สึกว่า  
บรรลุ !!! ในเรื่องนั้นๆ มันเป็นความรู้สึกคล้ายๆ สำเร็จเป็นผู้วิเศษอะไรทำนองนั้น หรือฝึกวิทยายุทธสำเร็จแบบนั้น  
มองโจทย์ปุ๊บ จะเกิดความคิด แปร๊บ ๆ ขึ้นมานึกออกทะลุหมด  
เมื่อนั้นรู้สึกแบบนี้เมื่อไร ให้รีบสรุปเนื้อหาบทนั้นๆ ออกมา  
ในกระดาษขนาดประมาณ 2.5 นิ้ว คูณ 4 - 5 นิ้ว  
ใช้หน้าหลังเขียนให้พอให้ได้ใน 1 บทต่อ 1 แผ่น อาจจะมียกเว้นบางบท  เช่น สถิติ อาจใช้ถึง 6 แผ่น หรือตรีโกณ 3 แผ่น ส่วนใหญ่ไม่เกินหรอก

. 8. สิ่งที่สำคัญที่สุดในการทำอะไรก็ตามที่

คือ ต้องมีความรู้ติดสมอง สามารถหยิบมาใช้การได้ทันที ถ้าคิดจะเรียนเพื่อสอบนั่นก็แสดงว่า กำลังคิดผิดอย่างใหญ่หลวง เด็กสมัยใหมนี้ชอบคิดว่าเรียนๆ ไปเพื่อสอบ สอบเสร็จก็เลิก  
นั่นเป็นเพราะผลพวงของระบบ แข่งใน
การศึกษาของไทยเรา เด็กต้องสอบ Entrance เข้าต่อ ทำให้ไม่เกิดความรู้สึกในการใฝ่รู้  
ต้องเข้าใจว่าเรา
เรียนหนังสือนี่ ต้องถือว่าไม่มีใครมาบังคับเรา  
เรา
เรียนเพื่อตัวเราเอง เพื่อพัมนาสมองเราเอง พัฒนา มุมมองความคิดต่างๆเพื่อให้เราเป็นยอดคนเอง สามารถที่จะพึ่งตัวเองได้ทุกเมื่อ  
ไม่ว่าจะยังอยู่ในความดูแลของผู้ปกครองหรือหลุดจากอ้อมแขน บิดามารดาเมื่อไร ต้องสามารถที่จะกล้าคิดและทำ พึ่งตัวเอง ยังชีพตัวองในสังคมนี้ได้ ดังนั้น จากข้อ 7.
เราต้องบันทึกความรู้ที่เรารู้แล้ว  
ให้เป็นความรู้ยาวนานติดสมอง

โดยทำดังต่อไปนี้ 
- ให้นึก ! โน๊ตย่อที่เราสรุปเอง อาทิตย์ละหน ติดต่อกัน ซัก 1 เดือนหรือ 4 อาทิตย์ 
นึกนะไม่ใช่เปิดดูถ้านึกไม่ออก แสดงว่าไม่ได้สรุปเองแล้วล่ะเปิดหนังสือ แล้วสรุปตามแหงๆ  
จากนั้นให้ทิ้งห่างเป็น นึก 1 เดือนต่อครั้ง  
จนเริ่มรู้สึกเบื่อ เพราะนึกทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว 
ให้เลิก ใกล้สอบค่อยว่ากันอีกที  
กระบวนการที่ว่านึกตั้งแต่ 1 อาทิตยืจนเลิกนึกนี่  
คาดว่าไม่ตำกว่า 3 เดือนนะ
ใครน้อยกว่านี้ แสดงว่าโกหกตัวเองชัวร์


9. กระบวนการสุดท้าย เป็นการเพิ่มพลังความมั่นใจในตัวเองซึ่งต้องกระทำติดต่อกันบ่อยๆ เรื่อยๆ   คือกระบวนการสอบแข่งขัน


ตรงนี้สำคัญมาก ถ้าเป็นไปได้สอบแข่งซะแต่  
ม.1 จนจบ ม.6 เลย จะทำให้เรารู้อันดับตัวเอง  
เมื่อเทียบกับคนอื่นๆ เช่นเราอาจจะ
เรียนได้เกรดดี แต่พอสอบแข่ง จริง ๆล่ะ สู้เขาได้ใหม? 
ทักษะใน
การทำข้อสอบ มีใหม?  
เข้าห้องก็เดินหน้าลุยทำแต่ข้อแรกยันข้อสุดท้ายเลยหรือเปล่า  
ก็พวก สมาคม โอลิมปิก หรืออะไรก็ตามที ทั้งสอบแข่งในโรงเรียน  
เช่น โรงเรียนจัดเอง หรือสัปดาห์ต่าง เช่น สัปดาห์วันวิทยาศาสตร์  
ภาษาอังกฤษ โครงงานวิทยาศาตร์ ตอบปัญหาภาษาไทย อังกฤษ ฯลฯ  
สุดท้ายทั้งหมดที่ว่ามา ถ้าน้องคนไหนทำได้นะซัก 1 - 2 ปี รู้ผลแน่  
รับรองได้ 100 % เลยว่าอย่างน้อยต้องอยู่ในอันดับ 1 - 3 ของชั้นแน่นอน 

อ้อ.....ลืมบอกไป สิ่งสำคัญคือการอ่านล่วงหน้า  
ช่วงปิดเทอม ก็อ่านของเทอมหน้านู้นหรือ อยู่ ม.4 จะอ่านของ ม.5ก็ได้นะไม่ผิด

 

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

รูปประกอบ  :  google

 

 

 

 

 

 

 

 

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bourbon's profile


โพสท์โดย: bourbon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
24 VOTES (4/5 จาก 6 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนคนไข้ไม่เข้าใจลายมือหมอ..ไม่รู้ตนเองป่วยเป็นอะไรหลุมฝังศพแปลกประหลาดที่มี “โซ่” ล้อมรอบไว้ มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ?นักวิชาการเตือน อย่าดราม่ากับพระพุทธรูปที่ลาวค้นพบหนุ่ม กรรชัย โอนเงิน 2 บาท ช่วยทนายธรรมราช บอกกล้าขอก็กล้าให้ช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันเกาะขนาดใหญ่ 2 แห่งในโลก ที่มีประชากรมากกว่า 100 ล้านคนเลขปฏิทิน งวดที่แล้วเข้า 60 งวดนี้ 1 มิถุนายน 2567พืชเศรษฐกิจตัวใหม่ ยางนา ปลูกง่ายมีค่าดั่งทอง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ระทึก! เด็กวัยขวบเศษติดในรถในสภาพที่ร้อนจัดหนุ่ม กรรชัย โอนเงิน 2 บาท ช่วยทนายธรรมราช บอกกล้าขอก็กล้าให้สไนเปอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ"อีลอน มัสก์" เผย อีก 30 ปี คนจะแห่ไปอยู่ที่ดาวอังคารเซอร์ไพรส์คุณครู! เด็ก 7 ขวบ ซื้อสร้อยทองให้ 10 เส้น..เนื่องในโอกาสวันครู
ตั้งกระทู้ใหม่