หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ความรักวัยใส มีเซ็กซ์เมื่อถึงวัยอันควร =_=

โพสท์โดย bourbon

 

 

 

 

 

ผู้ใหญ่มักเตือนสติลูกหลานว่าอย่าชิงสุกก่อนห่าม นั่นคือ การสอนไม่ให้ทำสิ่งที่ยังไม่สมควรแก่วัย หรือยังไม่ถึงเวลา ซึ่งมักสอนในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควรแล้วเมื่อไหร่คือวัย อันสมควรและเหมาะสม 

          เราท่านควรเข้าใจเรื่องความรัก ความใคร่ของหญิงชายกันก่อนดีไหม 

ความรัก ความใคร่...ชายหญิงไม่เหมือนกัน

 

ความรักและความใคร่มีความสัมพันธ์กัน เปรียบเสมือนวงกลม ๒ วงที่ซ้อนกัน เซ็กซ์บางส่วนไม่มีความรักเข้าไป เกี่ยวข้อง เช่น การข่มขืน การขายบริการทางเพศ แต่บางส่วนของความรักก็ ไม่มีความใคร่เข้าไปเจือ ปน เช่น พ่อรักลูกสาว แม่รักลูกชาย คุณครูรักลูกศิษย์ รวมทั้งความรักต่างเพศแบบกัลยาณมิตร โดยไม่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาว ส่วนตรงกลางที่ซ้อนกันระหว่างรักกับใคร่ ก็เช่นความสัมพันธ์ระหว่างสามีภรรยา ซึ่งมีทั้ง ๒ ส่วน ประกอบกัน 

          ผู้หญิงมีความทุกข์ในเรื่องความรัก แต่ผู้ชายมีปัญหาเซ็กซ์ เนื่องจากฮอร์โมนเพศหญิงและชายไม่เหมือนกัน 
          
ฮอร์โมนเพศหญิง (estrogen) เป็นฮอร์โมนแห่งความรัก 
          
ฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) เป็นฮอร์โมนแห่งเซ็กซ์และความก้าวร้าว 

          ผู้ชายส่วนใหญ่จึงสนใจหรือหมกมุ่นในเรื่องทางเพศมากกว่าผู้หญิง มีพฤติกรรมรุนแรงมากกว่า และสนใจกีฬาประเภทฟุตบอล ในขณะที่ผู้หญิงชอบอ่านหนังสือแนวโรแมนติก ติดละครโทรทัศน์และชอบช็อปปิ้งมากกว่าเพศชาย 

          นอกจากนี้ ผู้หญิงยังมีฮอร์โมน แห่งความเป็นแม่ (progesterone) ซึ่งจะหลั่งออกจากสมองเมื่อเห็นเด็กทารก ภาพลักษณ์ที่มีลักษณะอ้วนๆ กลมๆ จะกระตุ้นให้เกิดความรู้สึกอยากอุ้มอยากกอด อยากดูแลเอาใจใส่...ผู้หญิงจึงเรียนพยาบาลมากกว่า ในขณะที่ผู้ชายไปเป็นทหาร 

          นอกจากฮอร์โมนแห่งความรักและความเป็นแม่แล้ว ผู้หญิงยังมีฮอร์โมน
ออกซีโทซิน (oxytocin) ผลทางกายคือทำให้มดลูกบีบตัวเป็นจังหวะ แต่ผลทางจิตใจคือเป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพัน จะหลั่งจากสมองใน ๓ กรณี ได้แก่ 

          
หญิงตั้งครรภ์ท้องแก่ใกล้คลอด เมื่อมดลูกบีบตัวและคลอดลูกออกมา คุณแม่จึงรู้สึกผูกพันกับเด็กทันทีเมื่อตอนแรกเกิด 
          - ขณะที่คุณแม่ให้นมลูก สมองจะหลั่งฮอร์โมนออกซีโทซิน ทำให้แม่เกิดความผูกพันกับลูกน้อยในอ้อมแขน 
          - เวลาผู้หญิงมีเซ็กซ์กับผู้ชาย ฮอร์โมนออกซีโทซินหลั่งจากสมอง ทำให้มดลูกบีบตัวและผู้หญิงก็จะเกิดความผูกพันกับผู้ชายที่มีเซ็กซ์ด้วย
 

          แต่ผู้ชายไม่มีฮอร์โมนออกซีโทซิน เพราะฉะนั้น โดยธรรมชาติแล้วเพศชายจึงไม่รักเดียวใจเดียว และไม่รู้สึกผูกพันกับผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ด้วย ในขณะที่ผู้หญิงหลายคนเข้าใจว่าผู้ชายคงรู้สึกแบบเดียวกัน
คือผูกพันเป็นของกันและกัน 

          ผู้หญิงบางคนใช้เพศสัมพันธ์เป็น
เครื่องมือในการผูกมัด แต่ผู้ชายส่วนใหญ่กลับรู้สึกหมดความตื่นเต้น หรือ "game overแล้วไปแสวงหาความเร้าใจจากคนใหม่ต่อไป นำไปสู่ความผิดหวังเรื่องความรัก เพราะไม่เข้าใจธรรมชาติที่แตกต่างของชายหญิง 

         
อารมณ์และการ ตื่นตัวทางเพศในวัยหนุ่มสาว มีธรรมชาติอยู่ ๓ ประการ คือ 

          ๑. เป็นผลพวงของฮอร์โมนเพศชาย (testosterone) ผู้ชายมีมาก (ระดับสูงสุด ในช่วงอายุ ๑๕-๒๕ ปี) ส่วนผู้หญิง มีน้อย (ระดับสูงสุด ในช่วงอายุ ๓๐-๔๐ ปี) เด็กเล็กยังไม่มี และคนแก่ก็ลดลงกว่าตอนหนุ่มสาว 
          ๒. ผู้ชายตื่นตัวทางเพศง่ายและรวดเร็วกว่าผู้หญิง ผู้ชายตื่นตัวง่ายเหมือนเตาแก๊ส ส่วนผู้หญิงตื่นตัวช้าเหมือนเตาถ่าน เพราะฉะนั้นต้องรู้ว่าธรรมชาติของผู้ชายเป็นวัตถุไวไฟ 
          ๓. สิ่งเร้าทางตากระตุ้นได้ไวที่สุด และรองลงมาคือทางผิวหนัง ผิวหนังส่วนที่ไวต่อการกระตุ้นให้เกิดการตื่นตัวทางเพศเรียกว่า 
erogenous zone (พื้นที่สัมผัสเสน่หา หรือพื้นที่วาบหวิวสยิวเสียว) 

          นอกจากนี้ เรายังพบว่าผู้หญิงอาจมีการตื่นตัวทางเพศ ได้อีก ๒ กรณี ได้แก่ 


          เมื่อ อยู่ใกล้คนรัก เพราะอารมณ์รักนำไปสู่ความปรารถนาในการมีสัมผัสทางผิวหนัง 
          เมื่อ มีไข่ตก (ช่วงกลางระหว่างรอบเดือน) และประมาณ ๑-๒ วันก่อนมีประจำเดือน (เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงและมีเลือดเข้าไปคั่งในบริเวณอุ้งเชิงกราน มากกว่าปกติ) 

          
ส่วนเพศชาย อาจเกิดการล่วงเกินกับฝ่ายหญิงได้ โดยมีเหตุปัจจัย ๒ ประการ ได้แก่ 


          อยู่ด้วยกันตามลำพังสองต่อสอง ในที่ลับหูลับตา แล้วบรรยากาศพาไป 
          ฝ่ายหญิงแต่งตัวโป๊ล่อแหลม กระตุ้นเร้าการตื่นตัวทางเพศในฝ่ายชาย 



          ผู้หญิงจึงควรหลีกเลี่ยง ๒ สถานการณ์ดังกล่าว เพื่อป้องกันตนเองในเรื่องภัยทางเพศ 

คำว่า รัก...คุณรู้จักแน่จริงหรือ 

          ความรัก คือความรู้สึกชื่นชมยินดีจนบังเกิดความปรารถนาขึ้น ซึ่งแบ่งเป็นปรารถนาที่จะให้หรือปรารถนาที่จะรับ พูดง่ายๆ คืออยากให้หรืออยากเอา 
          ถ้าชื่นชมแล้วปรารถนาที่จะให้ก็เป็นรักแท้ หรือ "
ความเมตตา" เช่น รัก ผูกพัน ปรองดอง ห่วงใย คิดถึง เห็นใจ เข้าใจ สามัคคี เอื้ออาทร เสียสละ และให้อภัย 
          แต่ถ้าหากชื่นชมแล้วอยากเป็นฝ่ายรับก็ เป็นรักเทียม หรือ "
ความเสน่หา" เช่น ติดตา ตรึงใจ ชื่นชอบ หลงเสน่ห์ หลงใหล เคลิบเคลิ้ม โหยหา เป็นความรักที่เกิดขึ้นในวัยหนุ่มสาว 

          เมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึงคำว่า "
ความรัก" ต้องแยกให้ออกว่าหมายถึงรักแบบเมตตาหรือเสน่หา  ความรักอาจแบ่งได้เป็น ๔ เกรด ได้แก่ 


          เกรด ๑ - รักใคร่ใฝ่กามา...ต้องการเพียง แค่มีการสัมผัสสัมพันธ์ แต่ไม่ต้องการความผูกพัน 
          เกรด ๒ - รัก หวังวิวาห์มาคู่กัน...มีความผูกพัน (อยู่ไกล ใจคิดถึง - อยู่ใกล้ ใจเป็นสุข) แต่มีความหึงหวง ยึดถือเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ 
          เกรด ๓ - รัก ปันแบ่งความสุข...เปลี่ยนจากความหึงหวงมาเป็นความห่วงใย ปรารถนาดีต่อกัน ใส่ใจในความรู้สึกของอีกฝ่ายหนึ่ง 
          เกรด ๔ - รัก ยอมทุกข์เพื่อสุขเธอ...เป็นความรักแบบอุทิศ เช่น ความรักของพ่อแม่ที่มีต่อบุตร
 

          
เซ็กซ์เปรียบเสมือนไฟ ความรักเปรียบเสมือนสายน้ำ...ทั้งไฟและน้ำต่างก็มีประโยชน์และโทษในตัวมัน เอง ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ เราจึงต้องเรียนรู้ให้เข้าใจเรื่องความรักและความใคร่...การเรียนจนเกิดความ รู้เท่าทันจะไม่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์ 

          ธรรมชาติของ ไฟ คือ มันเป็นลูกน้องที่ดี แต่เป็นเจ้านายที่เลว...เมื่อใดก็ตามที่เซ็กซ์ทำงานรับใช้เรา และเราควบคุมมันได้ เซ็กซ์จะทำให้เรามีความสุข แต่ถ้าเราตกเป็นทาสของเซ็กซ์ มันจะมีอำนาจบงการให้เราประพฤติในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง 

          ธรรมชาติของ
น้ำ คือมันทำให้เรือลอยก็ได้ ทำให้เรือจมก็ได้...จิตที่ขาดสติก็เหมือนเรือที่มีรูรั่ว พร้อมที่ จะจมลงสู่ห้วงรักเหวลึก แต่จงตั้งจิตให้เหมือนเรือที่ลอยอยู่เหนือน้ำ และให้สายน้ำนำพาชีวิตเราไปสู่จุดมุ่งหมายที่ตั้งไว้ 

          เราจึงเรียนรู้ให้ เข้าใจเรื่องความรัก สัมมาทิฐิในเรื่องความรักจะไม่ทำให้เราต้องเป็นทุกข์ 

ผู้หญิง "ปฏิเสธ" อย่างไรให้ได้ผล 

          เพศสัมพันธ์ครั้งแรกของวัยรุ่นส่วน ใหญ่มิได้เกิดขึ้นด้วยความพร้อม ที่มีการเตรียมตัวเตรียมใจอย่างดี แต่เป็นผลจากการอยู่กันสองต่อสอง บรรยากาศพาไป... หนึ่งในปัญหาใหญ่ที่เกิดขึ้น คือหญิงสาวมักปฏิเสธไม่เป็น ทั้งๆ ที่เป็นทักษะที่สำคัญเพื่อการปกป้องตนเองมิให้ตกเป็นเหยื่อจากการล่วงเกิน จากเพื่อนต่างเพศ 

          เรื่องนี้ถือเป็นจุดอ่อนของหญิงไทย เพราะเราถูกสอนมาให้ทำตัวเป็นคน "
ว่านอนสอนง่าย" คราวนี้พอเจอผู้ชายมาทำอะไรที่เราไม่ชอบ เลยไม่กล้ามีปาก มีเสียง 

          ผู้หญิง ใจอ่อนแต่ปากแข็ง เจอผู้ชายจู๋แข็งแต่ ปากหวาน เหตุการณ์มันก็เลยบานปลาย อย่างที่เห็นเป็นข่าวทุกวี่ทุกวัน 

          ประโยคไม้ตายที่ผู้ชายพูดเหมือน กันทั่วโลก เพื่อให้หญิงสาวยอมมีเซ็กซ์ด้วย "
ถ้าเธอรักฉันจริง ก็ต้องยอมเป็นของฉัน ถ้าไม่ยอมก็แสดงว่าไม่รักกันจริง ถ้าอย่างนี้ฉันจะไปมีแฟนใหม่" ...พูดอย่างนี้แทนที่ผู้หญิงหลายคนจะ เลือกไม่ยอมมีเซ็กซ์กับเขา แต่กลับไม่ยอมให้เขาไปมีแฟนใหม่ 

          ทั้งๆที่การมีเซ็กซ์กับเขา ก็มิได้เป็นหลักประกันว่าเขาจะรักเราคนเดียวตลอดไป 

          ในความเป็นจริง ผู้หญิงต้องตั้งสติให้ทัน แล้วคิดกลับประโยคให้ได้ว่า "
ถ้า เขาไม่ยอมรับการปฏิเสธของเรา ก็แสดงว่าเขาไม่รักเราจริงเช่นเดียวกัน" อย่างนี้แล้ว ผู้ชายคนนี้สมควรเป็นแฟนเราต่อหรือไม่?

          มีคำพูดปฏิเสธของผู้หญิงจำนวนมาก พบว่าบางคำดีมาก มีประสิทธิภาพสูงสุดในการปฏิเสธ แต่มีอยู่หลายๆคำที่พูดกันอยู่บ่อยๆ ถึงแม้ว่าไม่ได้ผลก็ตาม... ในที่สุดก็แยกแยะคำปฏิเสธทั้งหมดได้เป็น ๓ กลุ่มด้วยกัน 

          กลุ่ม ที่ ๑. : "
ผู้หญิงจะจนตรอก แทนที่ผู้ชายจะเป็นฝ่ายจนมุม" ดูตัวอย่างคำพูดปฏิเสธต่อไปนี้ 


          "อย่าดีกว่า เดี๋ยวคนอื่นเห็นหรอก" 
          "เกิดคนอื่นเขารู้ ฉันจะเสียหาย" 
          "เอาไว้ วันหลังละกัน" 
          "ไม่ได้ กำลังมีเมนส์" 
          "เธอตรวจเอดส์หรือยัง" 
          "ถ้าเกิดท้องขึ้นมาจะทำยังไง"
 

          ที่ปฏิเสธอย่างนี้ ส่วนใหญ่เป็นพวกเก่งในห้องเรียน (เก่งทฤษฎี) แต่อ่อนต่อโลก
ในใจต่อต้านเต็มร้อย แต่พูดไม่เต็มปากเต็มคำ ผลสุดท้ายแทนที่จะรอด เลยเสร็จ... เพราะพูดไปแล้วก็เจอลูกตื้อ ฝ่ายชายจะไล่ต้อนด้วยข้อกล่าวอ้างมากมาย เช่น 

          
"ไม่มีใครเห็น หรอก เราอยู่กันแค่สองคนเท่านั้น" 
          "ไม่มีใครรู้หรอก ถ้าเธอไม่ไปบอกใคร ฉันไม่ไปบอกคนอื่น ก็มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้" 
          "วันนี้แหละดีที่สุด โอกาสดีๆอย่างนี้หายาก วันนี้บรรยากาศดีด้วย" 
          "มีเมนส์ก็มีเซ็กซ์ได้ แถมดีซะอีก ช่วงมีเมนส์ไข่ไม่ตก ไม่ท้องด้วย" 
          "ฉันตรวจเอดส์แล้ว ไม่เป็นหรอก ไม่ต้องกลัว" 
          "รับรองว่าไม่มีทางท้องแน่นอน ฉันเตรียมถุงยางไว้ตั้ง ๓ ชิ้น"
 

          กลุ่มที่ ๒ : "
ไม่ยอมเสียตัว และไม่กลัวเสียแฟน" ถ้าคุณคิดว่าแผนแบบนี้สมควรจะก็โอเค 


          "อย่ายุ่งกับฉัน" 
          "อย่าหวัง ไม่มีทาง ฝันไปเถอะ" 
          "ถ้าขืนทำ เราเลิกคบกัน แล้วจะแจ้งความด้วย" 
          "เธอเป็น ผู้ชายที่เห็นแก่ตัว คบไม่ได้" 
          "ฉันไม่อยากเสียตัวให้เธอ"
 

หลักการปฏิเสธที่เหมาะสมและได้ผล คือ 

          
๑. ความหมายของการปฏิเสธชัดเจน ไม่ให้ความหวังที่ไม่เป็นจริง 
          ๒. ไม่เปิดโอกาสให้ฝ่ายชายมีข้ออ้าง จนทำให้ฝ่ายหญิงจนมุม 
          ๓. ไม่ทำให้ฝ่ายชายรู้สึกเสียหน้า ถูกตำหนิ จึงไม่เสียความสัมพันธ์ในฐานะแฟน หรือเพื่อนที่ดีต่อกัน 

          กลุ่ม ที่ ๓ : "
ตอนนี้ไม่ยอม ตอนพร้อมค่อยมี" ถือเป็น ประโยคคำพูดที่ดีและได้ประสิทธิผล 
          
"ถ้ารักฉันจริง อย่าบังคับใจฉัน ฉันไม่อยากให้เธอทำอย่างนี้" 
          "ไม่ดีหรอก ยังไม่ถึงเวลา ถ้ารักฉันจริง เธอต้องรอได้" 
          "ยังไม่ถึงเวลาที่จะมีเพศสัมพันธ์กันตอน นี้ ไว้ต้องแต่งงานก่อน" 
          "เธอเป็นผู้ชายที่ฉันรัก แต่ฉันพร้อมก็ต่อเมื่อเราแต่งงานแล้ว" 
          "ฉันทำไม่ได้หรอก ถ้าฉันทำอย่างนั้น ฉันจะหมดศรัทธาตัวเอง" 
          "ศาสนาของฉันถือว่าเป็นเรื่อง ผิด พ่อแม่และฉันยอมรับไม่ได้" 
          จำง่ายๆ สั้นๆ ถ้าผู้ชายพูดว่า "ถ้าเธอรักฉันจริง เธอต้องยอมเป็นของฉัน" 
          ผู้หญิง ต้องกล้าพูดทันทีว่า "ถ้าเธอรักฉันจริง เธอต้องรอฉันได้...เธอเป็นผู้ชายที่ฉันรัก แต่ฉันพร้อมก็ต่อเมื่อเราแต่งงานแล้วเท่านั้น"
 

          ขอให้จดจำไว้ใช้ พูดให้ได้เมื่อเจอสถานการณ์ฉุกเฉิน ถ้าพูดเป็น ก็ไม่ต้องเสียรู้ เสียท่า เสียตัว และเสียใจ 

          ความเข้าใจตนเองและเพศสัมพันธ์ มีส่วนช่วยให้เยาวชนมีความยับยั้งชั่งใจในเรื่องของความรักและเพศสัมพันธ์   การกระทำใดๆ ก็ตาม ล้วนส่งผลต่อตนเองและผู้อื่นไม่มากก็น้อย

 

 

 

 

ซ้ำขออภัยค่ะ

 

รูปประกอบ  : google

ที่มา: หมอชาวบ้าน
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
bourbon's profile


โพสท์โดย: bourbon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
64 VOTES (4/5 จาก 16 คน)
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
เซอร์ไพรส์คุณครู! เด็ก 7 ขวบ ซื้อสร้อยทองให้ 10 เส้น..เนื่องในโอกาสวันครูนักวิชาการเตือน อย่าดราม่ากับพระพุทธรูปที่ลาวค้นพบช็อก! "เชอรีน" น้องสาว "นิชคุณ" เลิกสามีแล้ว ลั่น! ต่อไปนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน4 คณะลับๆ ที่หลายคนไม่รู้จัก แต่ถ้าได้เรียนรับรองไม่ตกงานแน่นอนใจถึงพึ่งได้!! เมื่อเเม่เเกล้งบอกลูกว่าโดนพ่อด่า งานนี้ลูกสาวตัวน้อยจัดการสวดพ่อไปหนึ่งบท 😂หนุ่ม กรรชัย โอนเงิน 2 บาท ช่วยทนายธรรมราช บอกกล้าขอก็กล้าให้เจอมนต์ดำทำเสน่ห์หรือเปล่า ? ผัวนางร้ายถึงหลงมือที่ 3 ขนาดนี้พายุถล่มเท็กซัส!ไม่มีไฟฟ้าใช้กว่า แปดแสนคน!!หลุมฝังศพแปลกประหลาดที่มี “โซ่” ล้อมรอบไว้ มันเป็นเพราะอะไรกันนะ ?
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
หนุ่ม กรรชัย โอนเงิน 2 บาท ช่วยทนายธรรมราช บอกกล้าขอก็กล้าให้สไนเปอร์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุด ในประวัติศาสตร์ของกองทัพสหรัฐ"อีลอน มัสก์" เผย อีก 30 ปี คนจะแห่ไปอยู่ที่ดาวอังคารเซอร์ไพรส์คุณครู! เด็ก 7 ขวบ ซื้อสร้อยทองให้ 10 เส้น..เนื่องในโอกาสวันครู
ตั้งกระทู้ใหม่