เตือนเล่นน้ำสงกรานต์นาน ระวังป่วยเป็นหวัด หนักถึงขั้นปอดบวม
นพ.พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า การเล่นสาดน้ำสงกรานต์ทั้งกลางวันและกลางคืน
ทำให้อุณหภูมิร่างกายปรับเปลี่ยนตลอดเวลา และการเล่นน้ำ 3-4 วัน การพักผ่อนน้อย ทำให้ผู้เล่นน้ำนานๆ เสี่ยงต่อโรคติดต่อ
เฉียบพลัน ระบบหายใจ ได้แก่ โรคหวัด คออักเสบ หูอักเสบ หลอดลมใหญ่อักเสบ หลอดลมฝอยอักเสบ
โดยเฉพาะโรคปอดบวม เมื่อป่วยแล้วมีโอกาสเสียชีวิตสูง และเฉพาะในเด็กเล็ก
โรคปอดบวมเป็นสาเหตุการตายในเด็กเป็นอันดับ 2 รองจากการตายปริกำเนิด (ตายหลังคลอดไม่เกิน 1 เดือน)
และเป็นการตายอันดับ 1ในกลุ่มโรคติดเชื้อทั้งหมด
รายงานสำนักระบาดวิทยา ปี 2554 พบผู้ป่วยปอดบวมในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี จำนวน 72,243 ราย เสียชีวิต 51 ราย
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มบุคคลที่เสี่ยงเกิดโรคปอดบวมได้ง่าย ได้แก่ เด็กโรคหัวใจพิการแต่กำเนิด เด็กน้ำหนักแรกคลอดต่ำ มีภาวะ
โภชนาการต่ำหรือเด็กที่ได้รับการสร้างภูมิคุ้มกันโรคไม่ครบถ้วน โรคนี้ผู้ป่วยมักมีไข้ ไอ มีเสมหะมาก หายใจหอบเหนื่อย
ในเด็กเล็กสังเกตพบอาการหายใจเร็วกว่าปกติ พบตามหลังอาการโรคไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัด หรือหลอดลมอักเสบ
หากปล่อยไว้อาจทำให้ระบบหายใจล้มเหลว จนเกิดภาวะขาดออกซิเจนหรือติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด
อีกโรคหนึ่งที่พบบ่อยเมื่อเล่นน้ำสงกรานต์นานๆ คือโรคหวัดและไข้หวัดใหญ่ เนื่องจากอุณหภูมิร่างกายเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
ร้อนจัดจากอากาศร้อน เย็นจัดจากการสาดน้ำ ถ้ารู้สึกป่วยให้หยุดเล่นน้ำและพักผ่อนอยู่บ้าน หากทนเล่นต่อไปโรคอาจลุกลาม
เป็นไข้หวัดใหญ่ และปอดบวมในที่สุด
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า การเล่นน้ำสงกรานต์ในผู้ใหญ่ไม่ควรเล่นติดต่อกันเกิน 4 ชั่วโมง เด็กเล็กไม่ควรเกิน 1 ชั่วโมง
หลังเล่นควรรีบอาบน้ำชำระร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย หากหนาวมากอาจจิบน้ำอุ่น และไม่ควรเล่นน้ำ
สงกรานต์ด้วยน้ำแข็ง เพราะจะทำให้ผู้ถูกรดน้ำป่วยง่ายกว่าใช้น้ำอุณหภูมิปกติ และอาจเกิดอุบัติเหตุจากก้อนน้ำแข็งกระแทรก
หน้า และลำตัวเป็นแผลเป็นได้
^^นู๋อยากไปเล่นน้ำแย้ววว