เมื่อเพื่อนรักกลายเป็นเพื่อนร่วมเตียง ~.~
ใครว่าผู้หญิงกับผู้ชายเป็นเพื่อนกันไม่ได้ จริงๆ แล้วเป็นเพื่อนกันได้แต่อย่าสนิทมากเกินไป เพราะความสนิทสนมอาจจะลามเลยไปถึงเรื่องเซ็กซ์ได้ บางครั้งเพื่อนสนิทอาจลงเอยด้วยการทำกิจกรรมต่างๆ นานาด้วยกันราวกับเป็นคู่รัก เช่น โทรศัพท์กันจนดึกดื่น นัดดินเนอร์กัน นั่งดูหนังด้วยกันบนโซฟา พอเสียดสีกันมากๆ เลยสปาร์คไฟลุกพรึ่บเผลอใจมีเซ็กซ์น่ะสิ
ทีนี้พอมีเซ็กซ์ก็กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะสิ่งที่ตามมาพร้อมกับเซ็กซ์คือ อารมณ์ ความรู้สึก และอาจมีความละอายใจปะปนมาด้วย เนื่องจากฝ่ายหนึ่งอาจต้องการแค่สถานะเพื่อนต่อไป ในขณะที่อีกฝ่ายต้องการมากกว่านั้น...ยุ่งละสิทีนี้
ในเมื่อเผลอไผลจิ้มกันไปแล้ว วิธีที่จะจัดการให้สถานะเพื่อนคงอยู่ต่อไปเหมือนเดิมมีดังนี้ค่ะ
เช้าวันรุ่งขึ้น
เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าบนเตียงด้วยกันหลังค่ำคืนแห่งเซ็กซ์ผ่านพ้นไป ถ้าเป็นวันระหว่างสัปดาห์จะช่วยให้การชิ่งเป็นไปอย่างเนียนๆ เพราะต้องไปทำงานทั้งคู่ ก่อนอื่นลุกขึ้นหยิบชุดชั้นในส่งให้ด้วยกิริยาอาการแบบเพื่อน อย่าพูดทะลึ่งหรือเรียกชื่อเล่นล้อเลียนเจ๊าะแจ๊ะ จากนั้นก็แยกทางกันไป ในกรณีที่เป็นวันหยุด คงต้องใช้เทคนิคนิดหน่อย อย่ายื้อไปถึงช่วงบ่าย แค่หาข้ออ้าง
ปลีกตัวที่ไม่โจ่งแจ้งเกินไป เพราะความเป็นเพื่อนสนิททำให้รู้ตารางชีวิตของอีกฝ่ายให้หาข้ออ้างที่ต้องไปทำคนเดียว เช่น ไปทำงานที่ค้างอยู่ให้เสร็จ หรือต้องไปหาพ่อแม่ แล้ววางแผนกิจกรรมแบบเพื่อนที่จะทำต่อไปอาทิตย์หน้า อาจเป็นสิ่งที่เคยทำด้วยกันบ่อยๆ ก่อนจะxxxกัน อีกฝ่ายจะได้ไม่รู้สึกว่าถูกฟันแล้วทิ้ง
สัปดาห์ต่อมา
ห้ามมีเซ็กซ์ด้วยกันอีกเด็ดขาด แน่นอนว่าคงต้องหักห้ามใจอย่างหนักแค่ครั้งเดียวยังพอสรุปว่าเป็นความผิดพลาดได้ แต่ถ้าสองครั้งขึ้นไปเป็นเรื่องใหญ่แล้ว สิ่งแรกที่ต้องทำคือเลิกคิดถึงอีกฝ่ายในแง่เซ็กซ์ รีบกลับสู่โหมดเพื่อนโดยเร็ว ทำทุกอย่างปกติธรรมดาเท่าที่เป็นไปได้ ถ้าเคยเม้าธ์ละครหลังข่าวก็เม้าธ์ต่อไป ถ้าเคยกินกาแฟด้วยกัน ก่อนเข้างานก็ทำเหมือนเคย ประเด็นคือ
อย่าเปลี่ยนแปลงกิจวัตรแบบเพื่อนสิ่งสำคัญคืออย่าทำอะไรที่ทำให้เข้าใจผิด แนะนำกับคนอื่นว่านี่คือ ‘เพื่อน’ ทุกครั้ง อย่ามีอาการหึงหวง อย่าเอาเรื่องคืนนั้นมาพูดเล่นเย้าแหย่กัน
หลายเดือนต่อมา
ก้าวสำคัญต่อมาคือการพูดคุยถึงบุคคลที่สามถึงแม้ยังไม่ได้มีอะไรในกอไผ่ก็เถอะเช่นบอกว่ามีคนแอบมอง หรือมีผู้ร่วมงานมาชวนออกเดท แล้วลองถามอีกฝ่ายบ้างว่า มีใครมาเจ๊าะแจ๊ะบ้างหรือเปล่า สังเกตปฏิกิริยาของอีกฝ่ายดู ถ้าได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์และสนับสนุนให้เราสานต่อกับคนที่มาทอดสะพานให้แสดงว่าความสัมพันธ์แบบเพื่อนยังแข็งแรงอยู่ที่สำคัญคืออย่าทำตัวหายสาบสูญ การวิ่งหนีสถานการณ์ที่อึดอัดคือ ทางออกที่ง่ายสุด แต่ผลที่ตามมาอาจกลายเป็นเรื่องน่าเกลียด กลืนไม่เข้า คายไม่ออก อีกฝ่ายอาจเสียความรู้สึกแล้วกลายเป็นชนวนบาดหมาง ทางที่ดีคือคุยปรับความเข้าใจกัน บางทีอีกฝ่ายอาจไม่ได้
สนใจจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้ไปไกลกว่าเพื่อนอย่างที่เรากลัว เราอาจเป็นแค่เซ็กซ์จานด่วนแค่ขำๆก็ได้ ดังนั้นจงซื่อสัตย์จริงใจ แล้วบอกความรู้สึกจริงๆ ออกไป
บอกลา
เหตุการณ์นั้นผ่านไปแล้วจากวันเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน ซึ่งเรามั่นใจว่าอีกฝ่ายอยากพัฒนาความสัมพันธ์ให้เกินเพื่อน โดยไม่ได้รับรู้เลยว่าเราไม่สนใจไปไกลกว่านั้น ข่าวร้ายคือมิตรภาพฉันท์เพื่อนต้องสิ้นสุดลงแล้ว อาจจบแบบไม่ดี อีกฝ่ายอาจมองว่าเราแย่ แต่ถึงตอนนี้ต้องถอยแล้วค่ะ บอกไปตรงๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายเหวี่ยงซะให้พอ แล้วเดินจากมาเงียบๆ รอสัก 2 - 3
สัปดาห์ค่อยส่งอีเมล์หรือส่งข้อความไปทักทายเพื่อวัดดูว่าสถานการณ์ดีขึ้นหรือยัง เพราะเมื่อเวลาผ่านไปอารมณ์เย็นลง อีกฝ่ายอาจคิดได้และยอมรับเราเป็นเพื่อนเหมือนเดิม
แต่ทางที่ดีอย่าเผลอไปมีอะไรกับเพื่อนดีกว่าถ้าไม่อยากเสียเพื่อน
ซ้ำขออภัยค่ะ
รูปประกอบ : อินเตอร์เน็ต