9 วิธีปรุงรสให้ความรัก

‘ชีวิตคู่’ เมื่ออยู่กันไปนานๆ ความหวานย่อมจืดจางไปบ้างตามกาลเวลา แถมบางช่วงก็อาจจะมีรสขมปร่าติดปลายลิ้นเสียด้วยซ้ำ บางคนอาจจะคิดว่ามันคือสัจธรรม อยู่กันมาก็นาน จะให้หวานให้หอมตลอดเวลาได้อย่างไร ยังไงก็แล้วแต่ อย่าปล่อยให้ความรู้สึกจืดจางมันเกิดเร็วเกินไปนัก เพราะเมื่อคิดจะเติบโตเป็น ‘คู่ชีวิต’ จำไว้เลยว่า เราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ไม่ใช่แค่ปีสองปี หากทุกอย่างถูกปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม หรือปล่อยให้ความรักเหี่ยวเฉาไปเฉยๆ แล้วเส้นทางชีวิตที่ต้องเดินร่วมกันไปอีกเป็นสิบปี จะมีสุขเต็มร้อยได้
อย่างไร

          หลายคนอาจจะไม่ชินและเคอะเขินในการปรุงรสชาติให้ความรัก เลยปล่อยให้ตัวเองเป็น ‘น้ำพริกถ้วยเก่า’ ที่อีกฝ่ายจะหักผักสดมาจิ้มกินเมื่อไหร่ก็ได้เลยมีเรื่องน่ารู้เกี่ยวกับการปรับ ‘รสรัก’ ให้สดชื่นจี๊ดจ๊าดแซบเว่อร์กว่าเดิมมาฝากค่ะ รับรองว่าไม่ใช่เรื่องยาก อยู่ที่ว่าคุณและเขาอยากทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง มาดูกันว่า‘9 วิธีปรุงรสให้ความรัก’ มีอะไรบ้าง

1. ทำตัวเป็นคนใหม่ในทุกวัน
          เรื่องนี้ดูแล้วเหมือนจะง่ายนะคะ ก็แค่รีเฟรชตัวเองให้สดชื่นแจ่มใส คิดดีทำดี โดยเฉพาะสิ่งที่อยู่ในใจคุณสองคน หากมีเรื่องที่ค้างคาใจกัน ก็เคลียร์กันให้จบภายในวันเดียว ตกลงกันไว้เลยว่า ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจ ขอให้ถามกันตรงๆ อย่าปล่อยความไม่เข้าใจไว้ข้ามวัน เพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้เริ่มต้นด้วยความสดใส ไม่มีข้อกังขาระหว่างกัน นอกจากภายในจิตใจแล้ว เรื่องภายนอกก็จำเป็น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแต่งตัวแต่งหน้า ความสวยงามจำเป็นสำหรับผู้หญิง ลองหันมาสวมใส่เสื้อผ้าลุคส์เก๋ๆ ที่ไม่เคย(คิดจะ)ใส่ คนที่อาจจะเคยใส่แต่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ ลองเปลี่ยนมาเป็นเสื้อแขนกุดเอวลอย หรือเลกกิ้งสีสดใสดูบ้าง ส่วนคนไม่เคยแต่งหน้า อาจจะเริ่มต้นด้วยการแต่งหน้าสีอ่อนๆ หรืออยากจะเปลี่ยนแปลงทันใด แบบ 7 วัน 7 ทรง 7ลุคส์ ก็ไม่ว่ากัน เรื่องนี้อาจจะมีการลงทุนเล็กน้อยเพื่อซื้อเสื้อผ้า เครื่องสำอาง หรือเครื่องประดับใหม่ๆ แต่ถ้าเป็นการลงทุนเพื่อคนที่เรารัก ผู้หญิงส่วนใหญ่คงคิดเหมือนๆ กันว่า งานนี้... เท่าไหร่ก็ยอมเสีย

2. จัดระเบียบชีวิตให้ลงตัว
          หลายอาจจะคิดว่า ยังมีเวลาอยู่ด้วยกันทั้งชีวิต เพราะฉะนั้นชีวิตหลังแต่งงาน หลังฮันนีมูน ก็คือการมุ่งสร้างหลักปักฐาน เก็บเงินสร้างฐานะ ต่างคนก็เลยตั้งหน้าตั้งตาทำงาน ไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเหมือนแต่ก่อน เมื่อเป็นเช่นนี้ กิจกรรมที่เคยมีร่วมกันก็น้อยลง ที่เคยเดินจูงมือกันหวานไหวยามค่ำคืนที่ตลาดนัดรถไฟก็ไม่มี ที่เคยนั่งสบตากันชิลๆ ดินเนอร์ริมทะเลก็เลิกเสีย เพราะสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเงินทอง
ขอร้องเลยนะคะ อย่าปล่อยให้ทุกจังหวะชีวิตเต็มไปด้วยตารางงาน จัดสรรเวลาทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัวให้ลงตัว เลิกเอางานกลับไปทำที่บ้าน หยุดทำโอทีถ้าไม่จำเป็น อาจไม่ต้องไปไหนไกล แค่อยู่ด้วยกันที่บ้าน หันมานอนดูทีวีด้วยกัน สะกิดกันใต้ผ้าห่มเช้าวันหยุดพักผ่อน ไปซื้อของเข้าบ้าน หาเวลาดินเนอร์ร้านเก๋ๆ ด้วยกัน แค่นี้ความสุขก็จะกลับคืนมาอีกครั้ง

3. ปรับจูนความคิดจากการทะเลาะ
          คงจะมีบางช่วงที่อาจเกิดความไม่เข้าใจกันในชีวิตคู่ เพราะคนที่ใช้ชีวิตด้วยกันตลอดเวลาก็เหมือนกับคำว่า ‘ลิ้นกับฟัน’ ที่ต้องมีการกระทบกระทั่งกันบ้างเป็นของธรรมดา บางทีก็เรื่องเล็กๆ รอบตัวนี่แหละ ที่เป็นเหตุให้ทะเลาะกัน เช่น การเลือกร้านอาหาร การซื้อของ การเดินช้อปปิ้ง ฯลฯ ก็ขอให้ฉกฉวยจังหวะนี้เพื่อปรับจูนความคิดและจดจำความรู้สึกของอีกฝ่ายว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร มีแนวคิดแบบไหน พูดคุยกันเสียให้จบ จะได้ไม่กลับมาทะเลาะกันอีก ซึ่งการทะเลาะกันก็ไม่ได้มีแต่ข้อเสียเพียงอย่างเดียว เพราะมีคนเคยบอกว่า การทะเลาะอาจทำให้รู้สึกว่า ‘เราไปด้วยกันไม่ได้’ แต่ถ้ามองดีๆ บางทีการทะเลาะกันนั้น ก็บอกให้รู้ว่า ‘เรารักกันมากพอที่จะให้อภัยกันได้’ แต่ถ้าคู่ไหนที่อยู่ด้วยกันแล้วไม่ทะเลาะกันเลย ถ้าอยากจะเพิ่มรสชาติของชีวิต ลองหาเรื่องทะเลาะกันดูบ้างก็ได้ค่ะ ไม่ได้พูดเล่นนะคะ นี่พูดจริงๆ คุณจะมีโอกาสเรียนรู้กันมากขึ้นก็เมื่อเกิดเหตุทะเลาะกันนี่แหละค่ะ

4. หากิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมกัน
          เชื่อหรือไม่ว่า เรื่องพื้นๆ อย่างการทำกิจกรรมด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นปลูกต้นไม้ เลี้ยงสัตว์ ทำอาหาร ออกกำลังกาย ถักนิตติ้ง วาดรูป หรืองานศิลปะอื่นๆ ตามที่ถนัด จะช่วยฟื้นฟูความสัมพันธ์ที่เหี่ยวเฉาขึ้นมาได้ เพราะการเฝ้าดูการเติบโตของต้นไม้ สัตว์เลี้ยง จะสร้างความรู้สึกดีให้งอกงามตามไปด้วย หรือแม้แต่หากต้นไม้ หรือสัตว์เลี้ยงนั้นมีอันเป็นไประหว่างทาง ก็ยังสร้าง ‘เรื่องเล่า’ และความผูกพันร่วมกันได้ การทำอาหารหรือออกกำลังกายร่วมกัน บ่งบอกถึงการเอาใจใส่ การดูแลซึ่งกันและกัน รวมทั้งยังช่วยสร้างสุขภาพดีให้แก่กันอีกด้วย ยิ่งถ้ามีข้อแม้ส่วนตัวในเรื่องการลดความอ้วนเข้าไปเกี่ยว จะช่วยสร้างบรรยากาศการแข่งขันแบบขำๆ และความสัมพันธ์ต่อกันมากขึ้นไปอีก  การทำงานศิลปะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายหญิงถักนิตติ้งให้ฝ่ายชาย การออกไอเดียวาดรูปเก๋ๆ เพื่อนำไปตกแต่งบ้านบ้าน จะทำให้มีความภูมิใจกับผลงานร่วมกัน แถมหันมาเจอภาพนี้เมื่อไหร่ก็สุขใจเมื่อนั้น

5. สร้างความเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดเวลา
          ใครๆ ก็ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์ เพราะมันคือความตื่นเต้นและรสชาติของชีวิต โดยเฉพาะในวันสำคัญที่มีความหมายของคุณสองคน อย่างวันเกิด วันที่เจอกันครั้งแรก วันครบรอบแต่งงาน ฯลฯ คุณสามารถสร้างเซอร์ไพรส์ได้มากมาย เช่น จัดปาร์ตี้วันเกิด โดยเตี๊ยมกับเพื่อนๆ ที่ทำงาน หรือเพื่อนบ้านที่สนิท ส่งดอกไม้หรือของขวัญไปให้ที่ทำงานโดยไม่บอกล่วงหน้า วางแผนเที่ยวโดยซื้อแพ็คเกจทัวร์ไปที่ที่เขาอยากไปโดยไม่บอกให้รู้, เขียนกลอนหรือการ์ดน่ารักๆ วางไว้ตามที่ต่างๆ จองตั๋วไปดูคอนเสิร์ตหรือการแข่งขันกีฬาที่อีกฝ่ายชื่นชอบ ฯลฯ ลองหาวิธีเซอร์ไพรส์ที่เหมาะกับคุณทั้งคู่ดู แล้วคุณจะรู้ว่าเรื่องมหัศจรรย์ระหว่างวันนั้น สร้างได้ด้วย ‘สิ่งเซอร์ไพรส์’ จริงๆ

6. มีส่วนร่วมในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์
          ในชั่วชีวิตคนคนหนึ่ง คงมีเหตุการณ์ประวัติศาสตร์เกิดขึ้นไม่กี่ครั้ง การได้ใช้ชีวิตและความรู้สึกร่วมกันในวันดีๆ แบบนั้น จะช่วยทำให้เรามีเรื่องที่‘จดจำ’ ร่วมกันมากขึ้น อย่างที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน มีเหตุการณ์น่าจดจำสำหรับคนไทยทั้งประเทศ หากคู่รักคู่ไหนมีโอกาสไปรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ในพระราชพิธีเสด็จออกมหาสมาคม ณ สีหบัญชร พระที่นั่งอนันตสมาคม ด้วยกัน รับรองว่าจะมีเรื่องให้พูด ให้คุย ให้ซาบซึ้งตรึงใจไปตลอดชีวิต แถมยังเก็บมาเล่าได้อีกชั่วลูกชั่วหลาน หรือที่เพิ่งผ่านไปหมาดๆ คือกรณี ‘วันสิ้นโลก’ ตามปฏิทินของชาวมายา (21/12/2012) คู่รักหลายคู่ ใช้ช่วงเวลานี้แหละคิดร่วมกันว่า ถ้าวันนี้เป็นวันสิ้นโลกอย่างที่บอกไว้จริงๆ เราทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันอย่างไร จะตายจากกันในลักษณะไหน สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความรักมีสีสันมากขึ้น และเมื่อเวลาผ่านไป เวลาความรักจืดจาง ไม่เข้าใจ หรือมีปัญหากัน เชื่อเถอะว่า ภาพในบรรยากาศแบบนี้ จะกลับมาเรียกความทรงจำที่ดีและผูกพันให้กลับคืนมาหวานชื่นอีกครั้ง

7. จับมือเผชิญสถานการณ์อันตราย
          คุณเคยเสี่ยงอันตรายแค่ไหนในชีวิต จำได้ไหมว่า ทุกครั้งเมื่อคุณเสี่ยงอันตราย ความรู้สึกเสียวจับขั้วหัวใจและรักตัวเองมากจะเกิดขึ้นแบบฉับพลันทันใด สำหรับความรักก็เช่นกันค่ะ เพื่อสร้างความจี๊ดจ๊าดให้ชีวิต ขอแนะนำให้คุณลองหาวิธีเสี่ยงอันตราย(ที่ไม่ได้อันตรายจริงๆ)แบบเป็นคู่ เช่นกระโดดบันจี้จัมพ์คู่ ซึ่งการกระโดดบันจี้จัมพ์คู่นี้ คนที่รักกันมากๆ เท่านั้นถึงจะเล่นได้ เพราะเขาจะผูกขาไว้ด้วยกัน ใส่อุปกรณ์เซฟตี้ แล้วดิ่งตัวลงมาจากความสูง 50 เมตร ท่ามกลางความรู้สึกกลัวตายนั้น คุณจะรู้สึกรักและเป็นห่วงคนรักของคุณมากขึ้น รับรองว่า จะสร้างความรู้สึกแนบแน่นสำหรับคุณสองคนได้เป็นอย่างดี เพราะผ่านสถานการณ์เสี่ยงตายมาด้วยกัน หากคู่รักคู่ไหนสนใจอยากลองโดดบันจี้จัมพ์คู่ ขณะนี้มีเปิดบริการแล้วในประเทศไทยถึง 3 แห่งคือ เชียงใหม่ ภูเก็ต และพัทยา ค่ะ หรือถ้ายังไม่กล้าถึงขนาดโดดบันจี้จัมพ์ ลองเริ่มต้นด้วยการไปขับขี่รถวิบาก ATV หรือล่องแก่งมหาสนุก เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ก่อนก็ได้ค่ะ

8. ‘รี-ฮันนีมูน’ อย่างน้อยปีละหน
          เมื่อทำงานเหนื่อยกันมาทั้งปี ขอแนะนำให้หาทริปเก๋ๆ สำหรับคุณสองคนไปเที่ยวด้วยกันเพื่อชาร์จแบตฯ ถ้ายังไม่มีลูก ก็จูงมือกันไปเป็นคู่ แต่ถ้ามีลูกแล้ว จะฝากลูกไว้กับคุณพ่อคุณแม่ ให้เหมือนกับไป ‘รี-ฮันนีมูน’ อีกครั้งก็ได้ หรือถ้าห่วงลูก จะเอาลูกไปด้วย ได้ทั้งนั้น ส่วนสถานที่ที่ไป จะเป็นที่ไหนก็ได้ ขอแนะนำอย่างเดียวว่า อย่าไปซ้ำสถานที่ที่เคยไปมาแล้ว ถ้างบน้อย ไปเที่ยวแค่ในประเทศก็พอ จะเป็นภูชี้ฟ้า ดอยเสมอดาว เกาะเต่า อ่าวนางยวน หรือแม้กระทั่งบางแสน พัทยา ได้ทั้งนั้น แต่ถ้ามีงบเยอะหน่อย จะไปลั้นลาถึงเกาหลี ญี่ปุ่น ลอนดอน ฝรั่งเศส นิวยอร์ค ก็ไม่มีใครว่า จะไปแบบวางแผนการเดินทางเอง หรือไปกับทัวร์ แล้วแต่ความสะดวกของคุณเลยค่ะ ขอเพียงแค่คุณกับเขาได้เดินทางไปด้วยกัน แค่นั้นพอ ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลนี้อยู่ที่ความชอบของคุณทั้งคู่ การได้ไปเปิดหูเปิดตา ณ สถานที่ใหม่ๆ นอกจากจะสร้างความตื่นตาตื่นใจแล้ว ยังช่วยเพิ่มรสชาติและความประทับใจให้ชีวิตคู่ได้อีกด้วย

9. เปิดใจคุยกันในเรื่องเซ็กซ์
          เรื่องสุดท้าย แต่เป็นเรื่องสำคัญมากสำหรับชีวิตคู่ นั่นคือเรื่อง ‘เซ็กซ์’ สำหรับคนไทย อาจจะไม่ถนัดสำหรับการคุยเรื่องเซ็กซ์ แต่จริงๆ แล้วเซ็กซ์ถือเป็นเรื่องธรรมชาติสำหรับคู่รักทุกคู่ หลายคู่ เริ่มเบื่อหน่าย เซ็ง และชินชากับคู่รัก เพราะไม่เข้าใจกันในเรื่องเซ็กซ์ ถ้าเป็นเช่นนี้ เราขอแนะนำให้เปิดใจคุยกันค่ะ ชอบหรือไม่ชอบอะไรบอกกันตรงๆ อยากจะให้เขาหรือเธอทำอะไรให้ หรือแม้กระทั่งอยากลองเปลี่ยนสถานที่ ลองกลเม็ดเด็ดพรายเพื่อเพิ่มรสชาติความรักใหม่ๆ บ้าง ก็เอ่ยปากบอกไปเลย ไม่ต้องอาย เพราะคนที่คุณคุยด้วยคือคนที่คุณรักที่สุด ทั้งนี้ การพูดคุยกันจะช่วยแก้ไขจุดบกพร่องและเติมเต็มความต้องการของทั้งสองคน มีข้อควรระวังที่อยากฝากไว้นิดเดียวค่ะ คือ คุณต้องมีวิธีพูดเพื่อสื่อสารให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างเต็มใจและเปิดกว้าง เพราะเรื่องเซ็กซ์แม้จะเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ก็ยังถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนสำหรับคนไทย หากคุณเข้าใจกันในเรื่องนี้ได้ ชีวิตคู่ของคุณจะมีความสุขอย่างน่าอิจฉาทีเดียว

           สำหรับ 9 วิธีที่บอกมา ดูจะเป็นเรื่องเล็กน้อยและทำได้ไม่ยากทั้งนั้น จนทำให้หลายคู่หลงลืมและนึกถึงมันไป เมื่อรู้วิธีที่จะปรุงรสให้ความรักและชีวิตคู่ของคุณแล้ว ก็เหลืออยู่แค่ว่า คุณจะลงมือทำหรือไม่และเมื่อไหร่ ...เท่านั้นเอง

ซ้ำขออภัยค่ะ

รูปประกอบ  :  google