ทำไมสหรัฐอเมริกาจึงเป็นประเทศมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกมาตลอด
สหรัฐอเมริกากับสงครามโลก
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 และ 2 มหาอำนาจยุโรปนั้นปกครองโลกภายใต้ลัทธิจักรวรรดินิยมมานาวนาน 300 ปี
พอสงครามโลกทั้งสองครั้งระเบิดขึ้น ทรัพยากร อำนาจทางทหาร กำลังคนที่สั่งสมมา 300 ปีของมหาอำนาจยุโรปโดนละลายไปในสงครามทั้งสองครั้งจนหมด
พอจบสงครามโลกครั้งที่สอง มหาอำนาจเก่าแก่อย่าง อังกฤษ เยอรมัน ฝรั่งเศสฮอลแลนด์ สเปน สวีเดน และพวกหน้าใหม่อย่างอิตาลีก็ล้วนแทบหมดเนื้อประดาตัว
เปิดโอกาสให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลในโลกเสรี
ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 นั้น สหรัฐมีเศรษฐกิจที่ดี เป็นฐานการผลิตใหญ่ มีทรัพยากรมากมาย
สหรัฐมีกองเรือเป็นอันดับ 3 รองจากอังกฤษและเยอรมัน มีกำลังพลสำรองเกินกว่า 3 ล้านคนซึ่งไม่เป็นรองกองทัพบกเยอรมันหรือฝรั่งเศสเลย
แถมช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สหรัฐก็โจมตีขับไล่อิทธิพลของสเปนและโปรตุเกศในอเมริกากลางและใต้ออกไปจนหมด (โดยอาศัยฉากหน้าที่ไปช่วยหนุนให้พวกชาติในอเมริกากลางและใต้ประกาศเอกราชจากสเปนและโปรตุเกศ) ทำให้อิทธิพลของสหรัฐบนทวีปนี้มีล้นมือ
สงครามโลกครั้งที่ 2 จบสหรัฐในฐานะผู้มีส่วนอย่างมากที่ทำให้พวกมหาอำนาจยุโรปชนะเยอรมันและอิตาลีได้ แถมกลายเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จากการสนับสนุนอาวุธในช่วงสงครามก็เลยมีอิทธิพลคับยุโรปตะวันตก
เมื่อสหรัฐประการศแผนการมาร์แชลเพื่อช่วยฟื้นฟูชาติต่างๆจากสงคราม หนึ่งในข้อกำหนดก็คือการที่ล้มเลิกลัทธิจักวรรดินิยม การให้เอกราชแก่ชาติต่างๆ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ดี แต่มันมีสองด้าน สิ่งที่มหาอำนาจยุโรปมีแต่สหรัฐมีน้อยกว่าก็คืออาณานิคม เพราะกว่าสหรัฐจะออกล่าอาณานิคมพื้นที่บนโลกนี้ก็โดนจับจองเกือบหมดแล้วสหรัฐทำได้แค่ขับไล่พวกสเปนที่กำลังย่ำแย่ออกไปจากคาริเบียนและยึดเอาแปซิคฟิคมาแทนเท่านั้น
สหรัฐจึงใช้แนวทางล้มล้างจักรวรรดินิยมนี่แหละ ทำการล้างไพ่ให้พวกยุโรปเก่าๆทั้งหลาย ให้เอกราชแก่อาณานิคมของตน (ซึ่งใช้เวลากว่า 30 ปีจนอาณานิคมหมดไป) มหาอำนาจยุโรป เลยเหลือแต่ตัว เพราะพออาณานิคมหมดแหล่งป้อนและระบายวัตถุดิบก็หมดลง มหาอำนาจยุโรปจึงสู้สหรัฐไม่ได้อีกต่อไป
ส่วนสหรัฐก็จัดการเข้าไปแทนที่มหาอำนาจยุโรปในชาติเกิดใหม่ต่างๆ ในนามของการต่อต้านคอมมิวนิสต์และแผ่ขยายอิทธิพลของตนแทน









