นิ้วนางกับนิ้วชี้ของชาย บอกขนาดอวัยวะเพศได้แม่นยำมาก
สำหรับมนุษย์เพศชายนั้น... "อวัยวะเพศ" อาจมีความหมายที่มากกว่าเป็น "อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกาย" ครับ
เพราะอวัยวะชิ้นนี้ มักถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของความเป็นชาย และเกี่ยวโยงกับความภาคภูมิใจ และความเชื่อมั่นในฐานะลูกผู้ชายอย่างลึกซึ้ง
เพราะถึงแม้อวัยวะเพศชาย จะถูกเก็บไว้ในที่ลับ ไม่ได้นำออกมาโอดโฉมประชันกัน (ยกเว้นคนโรคจิตบางคน) แต่อวัยวะเพศชาย ก็มีความหมายทางสังคมอย่างเหลือเชื่อ
เด็กผู้ชายรู้จักพูดคุยหยอกล้อกันด้วยเรื่องใต้สะดือตั้งแต่เรียนประถม พอโตขึ้นมาอีกหน่อย เริ่มอยากรู้อยากเห็นเรื่องเพศมากขึ้น การคุยเรื่องเพศมีการคุยโวโอ้อวด ขนาดและความยาว หรือวกเข้ามุกตลกล้อเลียนเกี่ยวกับอวัยวะเพศเป็นประจำ เรียกได้ว่าวนเวียนอยู่แถวๆ ใต้สะดือเสียส่วนใหญ่ เป็นแบบนี้กันทุกคนครับ ผมก็เป็น...
ดังนั้น...ผู้ชายจึงอดไม่ได้ที่จะเปรียบเทียบของตัวเองกับของคนอื่นทั้งทางตรงและทางอ้อม อวัยวะเพศจึงเป็นทั้งความภาคภูมิใจ และในขณะเดียวกันก็สร้างวิตกกังวัลให้กับผู้ชายด้วย อ้าว...กังวลใจยังงัย อ่านต่อครับ
เมื่อขนาดของอวัยวะเพศเป็นเรื่องที่คนสนใจ จึงมีวิธีการแปลกๆ ในการพิจารณาขนาดอวัยวะเพศจากอวัยวะส่วนอื่นของร่างกาย เช่น ดูจากร่องใต้จมูกบ้าง ดูจากขนาดของรองเท้าบ้าง ฯล ซึ่งวิธีการเหล่านี้ อาจตรงหรือไม่ตรงก็ได้ครับ แล้วแต่ตำราไหนจะมั่วเอา
แต่วิธีการหนึ่งที่นักวิทยาศาสตร์พิสูจน์แล้วว่าสามารถบ่งบอกความยาวอวัยวะเพศได้จริงก็คือ ดูจากนิ้วมือครับ
ความยาวของนิ้วมือสามารถบ่งบอกถึงความยาวของอวัยวะเพศได้ นิ้วที่ว่านี้ไม่ใช้ "นิ้วกลาง" อย่างที่หลายคนเดา แต่เป็น "นิ้วนาง" หรือถ้าให้ถูกต้องจริงๆ ก็คือ
คือ "อัตราส่วนระหว่างความยาวของนิ้วชี้ต่อนิ้วนาง" (2D:4D Ratio)
นักวิทยาศาสตร์ได้เก็บข้อมูลขนาดยวะเพศของอาสาสมัครชายที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป 144 คน ทั้งหมดเป็นผู้เข้ารับการผ่าตัดระบบท่อปัสสาวะอยู่แล้ว หลังจากรมยามสลบอาสาสมัครแล้ว ก่อนลงมือผ่าตัดผู้วิจัยอาศัยจังหวะนี้ วัดความยาวของอวัยวะเพศ เพื่อนำไปเปรียบเทียบกับความยาวของนิ้วมือที่เก็บข้อมูลไว้ก่อนหน้า
เนื่องจากอาสาสมัครสลบอยู่ การวัดความยาวจึงไม่ได้วัดในขณะที่อวัยวะเพศแข็งตัว แต่ใช้วิธีการยืดอวัยวะเพศจนสุดแล้ววัดความยาวแทน เพราะมีข้อมูลเบื้องต้นแล้วว่า"ความยาวอวัยวะเพศที่จับยืดสัมพันธ์กับความยาวตอนแข็งตัวเต็ม" ดังนั้นวิธีนี้จึงพอจะถูไถใช้แทนได้
ผลการทดลองสรุปได้ว่า ความยาวอวัยวะเพศสัมพันธ์กับอัตราส่วนระหว่างความยาวของนิ้วชี้ต่อนิ้วนาง (2D:4D) อย่างมีนัยยะสำคัญ สำหรับชายอายุ 20-40 ปี ยิ่งอัตราส่วน 2D:4D ต่ำอวัยวะเพศก็จะยิ่งยาว
ผลการทดลองนี้มีนัยยะสำคัญครับ คือนักวทยาศาสตร์ได้ทราบว่า สำหรับชายอายุ 20-40 ปี ยิ่งอัตราส่วน 2D:4D ต่ำอวัยวะเพศก็จะยิ่งยาว
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้มากเท่าไหร่ แสดงว่าอวัยวะเพศจะยิ่งยาวนั่นเอง
จากรูปที่หนึ่งและสอง...
ค่าเฉลี่ยของอัตราส่วน 2D:4D ของกลุ่มอาสาสมัครคือ 0.98 ซึ่งหมายถึง คนส่วนใหญ่มีนิ้วชี้กับนิ้วนางยาวพอๆ กัน โดยมีนิ้วนางยาวกว่าเล็กน้อย ซึ่งสัมพันธ์กับความยาวเฉลี่ยของอวัยวะเพศที่วัดได้จากกลุ่มอาสาสมัคร คือ 11.7 เซนติเมตร ตอนที่จับยืด (ตอนที่หดอยู่มีความยาวเฉลี่ย 7.7 เซนติเมตร)
ดังนั้นหากใครมีนิ้วชี้กับนิ้วนางยาวพอๆ กัน ก็น่าจะมีความยาวอวัยเพศอยู่ที่ประมาณค่ามาตรฐาน
จากข้อมูลนี้ คุณๆผู้ชายที่กำลังอ่านอยู่นี่ หลายคนอาจกำลังแบมือเทียบนิ้วชี้กับนิ้วนางของตัวเองอยู่ 555555 และอาจสงสัยว่านิ้วมือจะไปเกี่ยวกับขนาดของอวัยวะเพศได้อย่างไร
เอ้า...อ่านต่อ
จากรูปที่สาม..สี่...ห้า
ที่จริงก่อนหน้านี้นักวิทยาศาสตร์รู้อยู่แล้วว่ าอัตราส่วน 2D:4D เกี่ยวข้องกับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชาย ซึ่งทารกได้รับขณะอยู่ในครรภ์ตั้งแต่ช่วง 3 เดือนแรก
ในช่วงแรกของพัฒนาการร่างกายของทารกจะยังไม่แบ่งแยกลักษณะของเพศชาย-หญิง จนกระทั่งได้รับฮอร์โมนเพศ ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนส่งผลต่อพัฒนาการทางเพศ กระตุ้นให้ร่างกายเปลี่ยนแปลงสรีระไปตามเพศที่กำหนดไว้ในโครโมโซม
สำหรับเพศชายฮอร์โมนจะกระตุ้นให้อัณฑะเคลือนที่ออกมานอกช่องท้องและอวัยวะเพศขยายขนาดขึ้น
เทสโทสเตอโรนยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก โดยเฉพาะกระดูกนิ้วนางของมือขวาจะตอบสนองต่อฮอร์โมนมากเป็นพิเศษ ดังนั้นความยาวของนิ้วนางจึงสามารถใช้เป็นตัวบ่งชี้ถึงระดับเทสโทสเตอร์โรนที่ทารกได้รับขณะอยู่ในครรภ์ ซึ่งจะไปสัมพันธ์กับพัฒนาการของอวัยวะเพศด้วยนั่นเอง
นอกจากความยาวของอวัยวะเพศแล้ว ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนยังมีอิทธิพลต่อลักษณะของความเป็นชายอีกหลายประการ เช่น
1.ความเข็มแข็งอดทน
2.ความก้าวร้าวดุดัน
3.ความสามารถในเชิงกีฬา
ซึ่งเป็นลักษณะนิสัยของผู้ชายหรือเพศผู้ ซึ่งจำเป็นต่อการต่อสู้แย่งชิง แข่งขัน เพื่อให้ได้มาซึ่งคู้ครองและปัจจัยต่างๆในการดำรงค์ชีวิต
นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่าลักษณะนิสัยนี้สัมพันธ์กับอัตราส่วน 2D:4D ด้วยเช่นกัน กล่าวคือ
คนที่นิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้มีแนวโน้มที่จะมีความเข้มแข็ง และมีอุปนิสัยก้าวร้าวดุดันมากกว่า
แม้กระทั่งลักษณะของใบหน้าที่ดึงดูดเพศหญิง หรือเรียกง่ายๆ ว่า "ความหล่อ" นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ลองศึกษาความน่าดึงดูดใจ (attractiveness) ของใบหน้าชาย โดยให้ผู้หญิง 80 คน เป็นผู้ให้คะแนน ซึ่งได้ข้อสรุปว่า ใบหน้าที่ได้คะแนนสูงๆ เป็นคนที่มีอัตราส่วน 2D:4D ต่ำ หรือนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้นั่นเอง
ถึวตอนนี้...หลายคนก้มลงมองนิ้วมือตัวเองแล้วอาจเริ่มอิจฉาอยากมีนิ้วนางยาวๆบ้าง ผมขอบอกไว้ตรงนี้เลยว่า ความยาวของนิ้วนางและลักษณะทางเพศต่างๆ ที่กล่าวมาเป็นผลจากระดับฮอร์โมนที่ได้รับตอนอยู่ในครรภ์เท่านั้นครับ ฉะนั้นความพยายามใดๆ ที่จะทำให้นิ้วนางยาวขึ้นตอนนี้ ไม่ช่วยขยายขนาด หรือเพิ่มความหล่อแต่อย่างใด
ส่วนคนที่นิ้วนางยาวอาจจะภูมิใจอยู่ลึกๆ แต่ก็อย่าเพิ่งดีใจไปครับ เพราะจากการเก็บข้อมูลยาวนานถึง 15 ปี จากสถิติพบว่าผู้ชายที่มีนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้มีมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก (Prostate cancer) มากกว่าคนที่มีนิ้วชี้กับนิ้วนางยาวพอๆ กัน
ข้อสรุปดังกล่าวได้จากการศึกษา ชายที่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากกว่า 1,500 คน เทียบกับชายปกติกว่า 3,000 คน ตั้งแต่ปี 2537 ถึง 2552 การศึกษาใช้วิธีให้อาสาสมัครดูรูปภาพมือลักษณะต่างๆ แล้วเลือกมือที่มีลักษณะตรงใกล้เคียงกับของตัวเองที่สุด
"มือที่กลุ่มอาสาสมัครกว่าครึ่งเลือก คือ มือที่มีนิ้วนางยาวกว่านิ้วชี้"
กลุ่มอาสาสมัครที่นิ้วนางกับนิ้วชี้ยาวพอๆ กัน มีประมาณ 19% ในกลุ่มนี้มีสัดส่วนของคนที่เป็นและไม่เป็นมะเร็งต่อมลูกหมากใกล้เคียงกัน
ส่วนอาสาสมัครที่นิ้วนางสั้นกว่านิ้วชี้ มีผู้ป่วยเป็นมะเร็งน้อยกว่าถึง 33% และหากเปรียบเทียบเฉพาะในกลุ่มตัวอย่างที่มีอายุต่ำกว่า 60 ปี ชายที่มีนิ้วนางสั้นกว่านิ้วชี้ที่ป่วยเป็นมะเร็งมีจำนวนน้อยกว่าชายที่มีนิ้วแบบอื่นๆ ถึง 87%
นักวิทยาศาสตร์จึงคาดว่าฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนซึ่งกระตุ้นลักษณะทางเพศ หากได้รับมากเกินไปจะทำให้มีโอกาสเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้น
อย่างไรก็ตามการที่นิ้วนางยาวเพียงแต่มีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นมะเร็งแน่ๆ เพราะมะเร็งเกิดได้จากหลายสาเหตุ ฮอร์โมนเป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น การได้รับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมาก อาจทำให้อวัยวะยาว เข้มแข็ง หล่อ ก็จริง แต่เสี่ยงเป็นมะเร็งเพิ่มขึ้น ทุกอย่างมีทั้งข้อดีข้อเสียครับ
น่าแปลกที่ผู้ชายมักให้ความสำคัญกับส่วนนี้อย่างมากมาย บางทีความรู้สึกเหล่านี้อาจเป็นกลไกอย่างหนึ่งที่บังคับให้เราต้องดูแลรักษา คอยระมัดระวังไม่ปล่อยปละละเลยอวัยวะที่ใช้ในการสืบพันธุ์จนไม่สามารถใช้การได้ ซึ่งเป็นความเสียหายร้ายแรงต่อการดำรงค์เผ่าพันธุ์
แม้จะเป็นสัญชาตญาณในการดำรงค์เผ่าพันธุ์ แต่หากมัวกังวลอยู่ขนาด รูปร่าง ของอวัยวะเพศ จนต้องดิ้นรนหาหนทางเพื่อขยายขนาดให้ยาวขึ้นใหญ่ขึ้น ย่อมสร้างความทุกข์ใจให้กับเจ้าของ
หากทบทวนดูให้ดีแล้วในสิ่งมีชีวิตไม่ใช่ว่ายิ่งใหญ่แล้วจะยิ่งดี ไดโนเสาร์ที่ใหญ่มากๆ แข็งแรงมากๆ ก็ไม่ได้เป็นเจ้าโลกแต่กลับสูญพันธุ์ไปเพราะปรับตัวไม่ได้ ทุกอย่างจึงขึ้นอยู่กับความเหมาะสม การมีอวัยวะเพศชายขนาดประมาณค่าเฉลี่ยซึ่งใกล้เคียงกับคนส่วนใหญ่ น่าจะหมายความว่ามีขนาดเหมาะสมที่จะใช้กับส่วนใหญ่มิใช่หรือ
แล้วจะพยายามทำให้มันใหญ่ยาวเพื่ออวดกันไปทำไม?
ที่มา: http://www.nature.com