MU ยุคทรัมป์ - ตำนานนางฟ้าคู่เอก

นับจาก โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ซื้อกิจการและบริหารงานองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization) ตั้งแต่ปี 1996  การประกวดนางงามจักรวาลก็เข้าสู่ยุคแห่งการชิงไหวชิงพริบบนพื้นฐานของมิตรภาพ  เพื่อพัฒนาตัวเองให้โดดเด่นเหนือคู่แข่งภายในช่วงเวลาเก็บตัว  รวมทั้งเวลาที่ประกวดจริงไม่ถึง 2 ชั่วโมง  และนี่คือส่วนหนึ่งของตำนานนางฟ้าที่ได้ครองตำแหน่งในยุคโดนัลด์ ทรัมป์

นางฟ้าคู่เอก

บางปีนางงามจักรวาลและรองอันดับหนึ่ง  ขับเคี่ยวอย่างสูสีจนอยากแบ่งตำแหน่งให้ทั้งคู่  แต่สุดท้าย  นางฟ้าที่แสดงออกบนบนเวทีตามที่ได้ฝึกฝนตัวเองมาอย่างเต็มที่  ก็สามารถคว้าตำแหน่งไปครอง  ซึ่งผลของแต่ละคู่ก็ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างมหาศาล  เนื่องจากผู้ชมทั่วโลกเสียสติ  เพราะดีใจที่ได้นางงามจักรวาลสวยตรงใจ  และเสียดายรองอันดับหนึ่งใจแทบขาด

ลาร่า ดัตทา (อินเดีย) MU 2000

ลาร่า ดัตทา กับ เคลาเดีย โมเรโน่ (รองอันดับ 1 จากเวเนซูเอล่า)  สองนางฟ้าที่ทั้งความสวยและความรู้ที่ไม่ต่างกันและตีคู่กันมาอย่างสูสี ลาร่าเรียนด้านเศรษฐศาสตร์และภาษา  ส่วนเคลาเดียเรียนทันตแพทย์  แต่ลาร่าเลือกที่จะเป็นตัวของตัวเองด้วยการเลือกตอบแบบที่เป็นตัวตนของเธอ  คือ  ไม่ตอบตรงรุนแรงอย่างฝรั่ง  ใช้ตอบคำถามอย่างสุภาพแบบเอเชีย  และหลีกเลี่ยงการวิจารณ์ปัญหาสังคม (โดนหนักมากเรื่องสิทธิสตรี)  แต่ให้ความเห็นในการแก้ปัญหาแทน  เธอจึงได้ตำแหน่งมาแบบคนดูลุ้นหายใจหายคอไม่ทั่วท้อง

ฆิเมน่า นาวาเรเต้ (เม็กซิโก) MU 2010

น่าจะเป็นปีที่กรรมการน่าจะให้ความสำคัญกับการเป็นนางแบบ  เพราะเลือกเน้นแต่นางฟ้าที่มีโครงหน้าชัดเจน  ทำให้ ฆิเมน่า นาวาเรเต้ สาวเม็กซิโกที่โดนพวกขี้เหร่ทั้งกายและใจปรามาสว่า  รูปร่างหน้าตาอย่างฆิเมน่าหาได้ทั่วไปในเม็กซิโก สามารถทะลุเข้ามารอบห้าคนสุดท้ายได้พร้อมกับ เยนดิ ฟิลลิปส์ รองอันดับหนึ่งจากจาไมก้า    ถึงฆิเมน่าจะตอบคำถามสู้เยนดิไม่ได้  แต่ก็ไม่ได้ตอบขี้เหร่อย่างไร  อีกทั้งการเดินทั้งสองรอบฆิเมน่าก็มีความหลากหลายแบบนางแบบมากกว่าเยนดิ  คือ  ชุดว่ายน้ำดูน่ารักสดใส  แต่ชุดราตรีดูสวยสง่า  ส่วนเยนดิมาแนวหวานทั้งสามรอบ  แม้ฆิเมน่าจะได้ตำแหน่งพร้อมคำครหาเหมือนริโยะ MU 2007 ชาวญี่ปุ่นโดนคือ  “ได้ตำแหน่งมาได้ยังไง?”  แต่การปฏิบัติภารกิจของเธอสามารถกลบเสียงปรามาสได้สนิท  เพราะเธอทำหน้าที่ได้ดีเยี่ยม  และแต่งตัวแต่งหน้าได้สวยทุกแนวเป็นที่เชิดหน้าชูตาให้ Miss Universe Organization อย่างมาก

เดนิส ควินยอส (เปอร์โตริโก้) MU 2001

เดนิส ควินยอส  กับ เอเวอลีน่า ปาปันตูนิอู (รองอันดับ 1 จากกรีซ)  เดนนิสก็นางฟ้า  ส่วนเอเวอลิน่าก็เทพธิดาความงาม  ใครได้ตำแหน่งก็สมควรแก่การยกย่อง  เพียงแต่เอเวอลิน่าไม่ได้ใช้ความเป็นนางงามได้มากเท่าเดนิส (ปีนั้นเปอร์โตริโก้เป็นเจ้าภาพ  คัดมาอย่างดีจนได้เดนิสเป็นตัวแทน)  คือ  เอเวอลิน่าใช้ความเป็นนางแบบบนเวทีได้ดีมาก  แต่นี่คือการประกวดนางงาม  เอเวอลิน่าไม่ได้หยอดเสน่ห์ให้กรรมการมากเท่าเดนิส  เป็นปีที่สองคนสุดท้ายบีบหัวใจให้แทบขาดรอนๆ  เพราะกลัวเดนิสไม่ได้แล้วเอเวอลีน่าได้  คนดูคงจะอาละวาดแน่ๆ  เนื่องจากยืนลุกฮือทั้งฮอลล์  

เจนนิเฟอร์ ฮอว์กกินส์ (ออสเตรเลีย) MU 2004

ทันทีที่ทรัมป์เห็น แชนดี้ ฟิลเนสซี Miss USA 2004 ก็ประกาศออกสื่อทันทีว่า  “นี่คือ Miss Universe 2004” นับจากนั้น แชนดี้ ก็ได้รับการจับตามองในฐานะตัวเก็ง  แต่แชนดี้ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเจนนิเฟอร์  เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เจนนิเฟอร์เดินทางออกนอกประเทศ  เธอจึงเลือกใช้โอกาสให้เต็มที่  เจนนิเฟอร์ใช้ชุดเข้ารูปอวดโนมเนื้อที่ช่วยเสริมการเดินที่สง่างามของเธอ  และในรอบ 5 คนสุดท้าย  ผู้เข้าประกวดต้องทั้งตอบคำถามด้วยและตั้งคำถามให้เพื่อนนางงามตอบด้วย  (แต่จะมีหกคำถาม  เพราะใส่คำถามของนางงามจักรวาลปีก่อนลงไปด้วย)  คงเป็นเพราะพระเจ้ากำหนดไว้  ทั้งคู่ตอบได้ดี  แต่...คำถามของแชนดี้ยากมาก “อะไรคือบทเรียนสำคัญที่สุด  ที่คุณได้เรียนรู้จากความล้มเหลวที่รุนแรงที่สุดในชีวิตของคุณ?”  เล่นเอามิสตริตรินิแดดและโตเบโกที่ต้องตอบร้องโอย  ส่วนคำถามของเจนนิเฟอร์ กลับเป็นคำถามเดียวที่ไม่ได้รับการหยิบขึ้นมาตอบ  แชนดี้จึงตกอยู่ในภาวะนางร้ายโดยไม่จำยอมทันที  สุดท้ายเจนนิเฟอร์ได้ตำแหน่งมาครอง  ส่วนแชนดี้ได้รองอันดับ 1  

นาตาลี เกลโบวา (แคนาดา) MU 2005

ไหนจะเป็นคนรัสเซียที่อพยพเข้าไปอยู่ในแคนาดาช่วงแรกสาว  ไหนจะเคยตกรอบจากการประกวด Miss Canada Universe 2004  แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้น้องฟ้าท้อกับการเอาบทเรียนมาฝึกปรับปรุงตัวให้ดีขึ้น  เพื่อให้ความฝันในการเป็นนางงามจักรวาล  ที่จะได้ทั้งเงินรางวัลและประสบการณ์พบปะผู้คนรอบโลกมาทำธุรกิจของตัวเป็นจริงขึ้นมา  น้องฟ้าทั้งออกกำลังกายเสริมรูปร่างให้ดูดีตามธรรมชาติ  ฝึกการเดินและตอบคำถาม  จนได้เป็นตัวแทนแคนาดามาประกวดที่ไทย  ถึงน้องฟ้าจะมาร่วมประกวดด้วยความพร้อมที่เต็มเปี่ยมและปราศจากเซลลูไลท์   แล้วใช้ความสวยสง่าแบบสากลเข้ารอบสุดท้ายได้  แต่ top 5 แต่ละคนก็ไม่มีใครเป็นรองน้องฟ้าเลย  โดยเฉพาะรองอันดับหนึ่งชาวเปอร์โตริโก้  ซินเธีย โอลาวาเรีย  แต่ถึงอย่างนั้น  เราก็เห็นประจักษ์กันแล้วว่า “น้องฟ้าเตรียมตัวมาได้ดีที่สุด”  คงยังไม่ลืมการไว้ที่สวยงามอย่างไทยของเธอ พร้อมกับคำพูด “ขอบคุณค่ะ” ที่ทั้งการออกอักขระและสำเนียงถูกต้องชัดเจน  ทั้งในการสัมภาษณ์และเดินรอบสุดท้าย  ซึ่งเรียกเสียงเชียร์จากคนไทยได้เป็นกระหึ่มอิมแพคนะครับ

ซูเลกา ริเวร่า (เปอร์โตริโก) MU 2006

ปีนี้ทำผมหัวใจแตกสลายเกือบตายหน้าจอโทรทัศน์เลยทีเดียว  เพราะกระแสน้องชามดีมาก  ทำให้ผมติดตามอ่านข่าวการประกวด  และได้พบกับ คุราร่า จิบานะ นางฟ้าบนโลกมนุษย์ชาวญี่ปุ่น (ตอนนั้นคิดอย่างเดียว...การที่เราได้เจอกันต้องเป็นบุพเพสันนิวาสของผมแน่ๆ)  คุราร่าเป็นสาวญี่ปุ่นแบบที่สามารถกระชากใจชายไทยให้หลุดจากอกได้ในทันทีที่แรกเห็น  คุราร่า  สวย  สดใส  น่ารัก  เป็นกันเอง  เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งความมุ่งมั่น  และที่สำคัญ  ดูไม่มีแววว่าเคยแสดงหนังเอ.วี. มาก่อน  พอประกาศผู้เข้ารอบ 20 คนสุดท้าย  ซูเลกาเป็นคนแรกที่เข้ารอบ...เออ คนนี้เซ็กซี่ดีนะ  สักพักคุราร่าก็ตามเข้ารอบมาด้วย  ผมบอกกับตัวเองทันทีว่า  กูจะไม่ลุกไปจากหน้าจอแน่ๆ  และอีกไม่นาน น้องชามก็เข้ารอบด้วย เฮ...ไทยแลนด์

เมื่อการประกวดชุดว่ายน้ำที่ผมตั้งหน้าตั้งตาดูจบลง (ตั้งแค่หน้ากับตาเท่านั้นจริงๆ...เชื่อผมเหอะ) ก็มาถึงการประกาศผู้ผ่านเข้ารอบชุดราตรี 10 คน  แค่ไม่กี่อึดใจ คุราร่า ก็สามารถเข้ารอบได้เป็นคนที่สี่  ผมจึงรีบเช็ดน้ำลาย...เอ๊ย  เช็ดแว่นให้ใสที่สุด  จะได้ดูเธอในรอบชุดราตรีชัดๆ  แม้จะเสียดายอยู่บ้างที่เมื่อประกาศชื่อทั้งสิบคนแล้ว  น้องชามไม่ได้เข้ารอบ  แต่ผมก็ไม่เสียใจครับ  เพราะคุราร่าที่รักของผมกำลังจะใส่ชุดราตรีมาให้ผมดู  อ้อ...เกือบลืม ซูเลกาเข้ารอบตามหลังคุราร่ามาเป็นคนที่ห้าครับ

พอรอบชุดราตรีเริ่มต้นขึ้น  เพลงที่แสนไพเราะของนักร้องชาวอิตาลีที่ร้องเพื่อเราสองคน  ก็ทำให้ผมแทบอดใจรอพบคุราร่าไว้ไม่ไหว  ขบวนสาวงามไม่ได้ทำให้ผมอิ่มอกอิ่มใจเหมือนเช่นทุกปี  เพราะใจผมเอาแต่คิดว่า “เดินเร็วๆ สิจ๊ะสาวๆ” ทันทีที่คนที่สามกำลังจะเดินชุดราตรีจบรอบลง  เงาของคุราร่าก็พลันปรากฏขึ้น  ถึงแม้แสงไฟยังไม่ฉายส่องที่เธอ  แต่แค่การยืนเตรียมพร้อม  ผมก็รู้ทันทีว่า  ความงามอย่างที่สุดในสามโลก  กำลังจะปรากฏให้ผมเห็นต่อหน้า  คุราร่ามาพร้อมชุดสีดำมิดชิดที่แอบคิดมีใจให้ผมเป็นพิเศษ  ด้วยการทำรูซีทรูอวดผิวกายผุดผ่องตลอดทั่วเรือนร่างของเธอ  เธอเดินอวดชุดให้ผมดูได้อย่างหารอยตำหนิไม่เจอเลยจริงๆ  แต่...เฮ้ย แม่งแสง’ไรเข้าตาวะ  แม่เจ้า...ซูเลกาที่เดินต่อจากคุราร่า  มาในชุดสายสีทองรัดเรือนร่างเป๊ะ  พร้อมท่วงท่าขั้นเทพ  ทั้งการเดินแบบนางงาม  รวมทั้งการเล่นหูเล่นหากับผู้ชม กรรมการและกล้อง  เห็นก็รู้เลยว่ามาจากการที่ซูเลกาฝึกอย่างหนักชนิดลืมตาย  โดยผมมาได้ความรู้ใหม่ทีหลังว่า  รอบ Preliminary กับ รอบ Final มีการเปลี่ยนชุดราตรีกันได้ด้วย  ซึ่งกองประกวดทั้งของญี่ปุ่นและเปอร์โตริโกต่างก็เปลี่ยนชุดราตรีรอบ Final ให้กับคุราร่าและซูเลกาทันทีที่รอบ preliminary จบลง  ของคุราร่ารู้สึกจะซื้อใหม่เลย  แต่ของซูเลกาเย็บแก้ใหม่จนเสร็จภายในสามวันก่อนประกวด  แต่’ไรเนี่ยๆ  สามารถเทียบเงาของคุราร่าได้นี่ผมเคืองนะครับ  

แล้วก็มาถึงการประกาศผู้เข้ารอบห้าคนสุดท้าย  ถึงจะเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยมว่าคุราร่าของผมได้เข้ารอบแน่ๆ  แต่ก็อดคิดหาวิธีสาปแช่งกรรมการไม่ได้  หากว่ากรรมการเกิดเลวผิดมนุษย์ไม่ยอมให้คุราร่าเข้ารอบ  แต่คุราร่าของผม  ก็เลิศเลอเกินพอที่จะทำให้กรรมการไม่กล้าแม้แต่จะคิดการชั่วช้าสามานย์เยี่ยงนั้น  คุราร่าได้เข้ารอบเป็นคนที่สาม อิ_อิ  อ้าว...ซูเลกาก็ได้เข้ารอบเป็นคนสุดท้ายแฮะ  ช่างเหอะ  ตั้งใจฟังคำตอบจากคุราร่าดีกว่า  จะได้เตรียมเรื่องไปคุยกับคุราร่าในพิธีดูตัวของสองเรา  เธอจะได้ไม่เบื่อ  ถึงเหล่าสุนัขตัวผู้แถวเวทีประกวดจะเห่าหอนเชียร์คุราร่าตลอดการสัมภาษณ์  จนผมจับความได้กระท่อนกระแท่นว่า  คุราร่าพูดได้สี่ภาษา ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศสและสเปน  เป็นคนเคารพพลังชีวิตในการทำตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้ของทุกคน  ส่วนของซูเลกา  ผมไม่ได้ฟัง  มัวแต่เคลิ้มอยู่กับน้ำเสียงและรอยยิ้มของคุราร่า

ในที่สุด  ก็เหลือแค่สองคนสุดท้าย  ขัดใจอยู่บ้างที่คุราร่าได้ยืนทางซ้าย  เพราะส่วนมากคนที่ได้ตำแหน่งจะยืนทางขวา  นับจากยุคของทรัมป์ตั้งแต่ปี 1996 ก็มีแค่ อลิเซีย MU 1996 กับ เดนิส MU 2001 ที่ยืนด้านซ้ายแล้วได้ตำแหน่ง  ช่างมัน...ครั้งนี้คุราร่าจะเป็นคนที่สามที่ยืนทางซ้ายแล้วได้ตำแหน่ง  แต่แม่_ความอยุติธรรมมีจริงในโลก  ซูเลกาได้ตำแหน่ง  และผมลมปราณแตกซ่านกระอักเลือดอาการสาหัสหน้าจอ  เลยไม่ได้ติดตามข่าวต่อว่าซูเลกาที่ลงทุนแลกชีวิตด้วยการแบกชุดราตรีหนัก 15 กิโลกรัมตลอดการประกวด  เป็นลมบนเวทีหลังจากได้รับมอบมงกุฎได้ไม่นาน  เธอทุ่มทั้งชิวิตทำขนาดนี้  เพื่อที่ตัวเองจะกลับเปอร์โตริโกบ้านเกิดได้  เพราะเธอลั่นวาจาไว้ว่า  ถ้าเธอไม่ได้ตำแหน่งหรือไม่ได้เป็นรองอันดับหนึ่ง  เธอจะไม่ยอมกลับประเทศ