ตํานานรัก กิเลสรักสร้างสยอง ตุ๊กตาศพเจ้าสาว

4 ธันวาคม 2555 (08:10)โพสท์โดย รวมมิตร

ตำนานรัก กิเลสรักสร้างสยอง ตุ๊กตาศพเจ้าสาว

เป็นเรื่องราวสุดสยองของชายผู้หนึ่งซึ่งไม่อาจปลงตก และไม่ยอมให้ความตายมาพรากหญิงอันเป็นที่รักไปจากเขา

เรื่องราวที่ท่านจะได้อ่านต่อไปนี้ คงจะให้ข้อคิดกับท่านทั้งหลายที่รักใครก็รักมากจนแทบจะตายตามกันไป คงจะได้ข้อคิดอะไรบ้าง เป็นเรื่องจริงของความรักที่เกิดขึ้นมานานแล้ว เต็มไปด้วยความโศกเศร้า เปล่าเปลี่ยว และน่าสยดสยอง ของตำนานที่ไม่ได้เรื่องลือนักของ รัฐ ฟอริด้า ชายตกหลุมรักศพ

ในปี 1927 จอห์น คาล์ล เทนสเรอร์ นักรังษีวิทยา ชาวเยอรมัน วัย 50 ได้ทอดทิ้งภรรยา ของเขา นาง ดอรีส กับลูกๆหญิงสองคนของเขาไว้ที่ แซฟฟายส์ฮิลล์, รัฐ ฟอริด้า และหนีไปยัง คี เวส เพื่อเสาะแสวงหาคนรักใหม่ที่เขาเคยฝันเห็นเมื่อครั้งยังเยาว์ ....ผู้คนใกล้ชิดต่างรู้ดีและกล่าวกันว่า คาล์ลเป็นคนมีจินตนาการลึกล้ำ และช่างฝันเกินคนทั่วไป....

เขาเคยกล่าวว่าเมื่อวัยเด็กเขาเคยฝันถึง คุณย่าของเขาซึ่งเป็นท่านหญิงชาวเยอรมัน ผู้มียศเป็นถึง เคานเตส นามว่า เคานเตส แอนนา คอนสแตนเทีย วอน โกเซลว์ เป็นวิญญาณและมาเยี่ยมเขาเป็นประจำที่บ้าน....อีกทั้งยังบอกแก่เขาว่า เมื่อเขาโตขึ้น เขาจะได้เจ้าสาวเป็น เป็นหญิงสาวสวยเกินคนธรรมดา มาจากต่างแดน ผมสีดำ ผู้ซึ่งไม่ใช่สาวเยอรมันผมทองทั่วๆไป

ด้วยเหตุนี้คาล์ลจึงทิ้งภรรยาเก่าและลูกๆออกเดินทางพจญภัยไปยัง ณ ต่างถิ่น ยัง เกาะ คีเวส ของรัฐฟอริด้า ซึ่งมีพวกลูกผสมระหว่าง ชาวยุโรปใต้ผมดำอย่างพวกสเปน กับคน อินเดียนแดงพื้นเมืองมากมาย ซึ่ง ฝรั่งตาน้ำข้าวต่างมองว่า พวกลูกครึ้งนั้นดูสวยแปลกตาดี

ที่เมืองนี้เอง ที่คาล์ลได้เริ่มต้นชีวิตใหม่จากการโกหกเรื่องราวที่เขาแต่งขึ้นตามจินตนาการช่างฝันของเขา จากการที่เป็นนักรังษีวิทยามาก่อนทำให้พอมีความรู้พื้นฐานด้านวิทยาศาสตร์จึงได้เป็น หมอ และเข้าทำงานในโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ด้วยการเป็นหมอเอ็กเรย์ และวิจัยเชื้อโรค ด้วยในสมัยนั้นการเป็นหมอยังไมมีการตรวจใบประกอบโรคเคร่งนัก แค่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์ด้านไหนมาก็มาเป็นหมอได้

เขาอ้างว่าตนเองมีประกาสณียบัตรถึง 9 ใบ จาก 9 มหาวิทยาลัย และ มียศ เป็นถึง ท่านเคานท์มาจากเยอรมันนี

และ ณ โรงพยาบาลแห่งนั้นเอง ที่ คาล์ลได้พบนางในฝันที่เขารอคอย เธอเป็นเด็กสาวผมดำ ร่างเล็กระหง ผิวขาว เป็นลูกครึ่ง สเปน คิวบา ที่มาจากครอบครัวมีฐานะในเมืองนั้น สาวน้อยผู้นี้มีอายุเพียง 20 ปี และมีนามว่า มาเรีย เฮเลนน่า มิลาโกร เดอ โฮโยส

เฮเลน่า แม้จะอายุยังน้อย และ ดูอ่อนหวาน แต่เธอก็เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วครั้งหนึ่งกับผู้ชายที่พ่อแม่ในสมัยนั้นบังคับจัดหาให้เมื่อลูกสาวเริ่มโตขึ้นหน่อย แต่หลังจากแต่งไปไม่นานก็ต้องเลิกลากันเพราะ เฮเลนน่าได้ตั้งครรภ์ลูกคนแรกและแท้งลูกของเขา สามีที่ไม่ได้มีความรักกันตั้งแต่แรก เพียงแต่อยากจะมีลูกสืบสกุลจึงฟ้องหย่ากับเธอหลังจากนั้นเฮเลนน่าก็เริ่มล้มป่วยลงด้วยวัณโรคจนเป็นเหตุให้ต้องมาโรงพยบาล และได้พบกับหมอหนุ่มใหญ่ช่างฝันอย่าง คาลล์เข้า ณ ที่นั้นเอง คาล์ลได้พยามทำทุกอย่างเพื่อจะตีสนิทกับเฮเลนน่าและพ่อแม่ของเธอ

เขาเสนอเป็นหมอประจำของเธอ รักษาโดยไม่เอาเงิน เขาตามไปรักษาเธอถึงบ้าน ถึงขนาดยกเครื่องฉายรังษีไปไว้ที่บ้านของเฮเลนน่าเพื่อรักษาเธอ ความสำพันธ์ของเขาก้าวข้าม หมอกับคนไข้ไปเลื่อย ถึงขนาดซื้อเครื่องประดับ
และขอเธอแต่งงาน แต่ เฮเลนน่าปฏิเศทเพราะ เธอเป็นคาธอลิกซึ่งในสมัยนั้นหญิงที่ดีจะไม่แต่งงานซ้ำสองรอบ

แต่ไม่ว่า คาล์ลจะพยามชนะใจคนรักของเขาเพียงใด เขาก็ไม่อาจรักษาชีวิตของเฮเลนน่าไว้จากความตายได้ ในที่สุดเฮเลนน่าก็เสียชีวิตลงด้วยโรค วัณโรค

ความโศกเศร้าเสียใจทำให้คาล์ล กินไม่ได้นอนไม่หลับ ครั้นเมื่อจะถึงพิธีฝังหญิงคนรัก เขาก็เสนอออกเงินทำหลุมฝังศพของเธอ อย่างอลังการ ด้วยโรงศพเหล็ก มีโทรศัพท์ภายใน ก่อนจะใส่ไว้ในหลุมใต้ดินอย่างดี มีหอคลุมหลุมศพโดยเฉพาะ เป็นบ้านหลังเล็กขนาดใหญ่กว่าบ้านเด็กเล่นตุ๊กตา ในสนามเด็กเล่นหน่อย มีหน้าต่าง มีม้านลูกไม้ พร้อมที่นั่งรับแขกภายใน และตกแต่งด้วยดอกไม้รอบๆหอนั้น คาล์ลโทรศัพท์ไปหาเธอซึ่งนอนอยู่ในโรง และไปหาเธอที่หอเหนือหลุมศพทุกคืน ที่สุสานนั้นเอง เขาจะร่ำไห้พูดกับเธอ ราวกับอยากให้เธอฟื้นคืนมา

คาล์ลกล่าวกับผู้คนในภายหลังว่า เขาสัมผัสได้ถึงวิญญาณของ เฮเลน่า ทุกครั้งที่ไปอาลัยเธอที่หอเก็บศพ ที่สุสาน เธอปรากฏกายในชุดเจ้าสาวและร้องเพลงเป็นภาษาสเปน อันมีถ้อยความในเนื้อร้องกล่าวถึงคู่รักที่รักกันมาก กระทั้งฝ่ายหญิงตายไป ฝ่ายชายจึงขุดศพของเธอขึ้นมาละนกลับไปที่บ้าน ล้อมรอบเตียงของเธอด้วยเทียนและกุหลาบ ก่อนที่จะฆ่าตัวตายตาม คาล์ลกล่าวว่านั้นเป็นเหมือนสัญญาณจากเฮเลนน่าบอกให้ เขานำร่างเธอกลับไปอยู่ด้วยกัน

ความโศกเศร้าเสียใจของเขายาวนานจนทนต่อไปไม่ไหว ในที่สุดคืนหนึ่งเขาก็ตัดสินใจขโมยศพของเธอใส่เกวียนกลับไปที่บ้านของเขา

เขาได้เชื่อมกระดูกที่หลุดออกจากแต่ละส่วนของร่างกายเฮเลนน่าด้วย ลวดจากเปียโน และเหล็กจากไม้แขวนเสื้อ และใช้ลูกแก้วเด็กเล่นใส่เข้าไปในเบ้าตาของเฮเลนน่า แทน ตาที่เน่าไปของเธอ เขาเอาขี้ผึ้งและไหมโปะทำผิวที่เน่าและหลุดออกมาจากใบหน้าของเธอ และปั้นให้ดูเนียนเรียบ เอาเศษผมที่หลุดล้วงปะติดปะต่อกับผมของเธอบางส่วนที่เก็บไว้มาร้อยทำวิก

ระหว่างการขโมยศพอย่างทุลักทุเลตอนกลางคืนทำให้ คาล์ลล้ม และเฮเลนน่าหล่นจากเกวียนและตัวหักกลางตรงช่วงท้อง

ส่วนไส้ที่เน่า คาล์ล ก็หาเศษผ้าขี้ริ้วชุบเหล้าและยัดเข้าไปในท้องของเธอ เขาอาบเธอด้วยน้ำหอมเพื่อดับกลิ่นสาบศพ และสวมชุดเจ้าสาวพองฟูให้แก่เธอ เอาผ้าขี้ริ้วบางส่วนยัดไว้แทนหลังที่แหว่งเพื่อให้เธอโค้งงอได้ธรรมชาติขึ้น
จับเธอวางลงบนเตียงและตั้งออแกนให้บรรเลงให้เธอฟัง

หนึ่งปีผ่านไป คาล์ลไม่ค่อยจะออกไปไหนจากบ้านที่เขาอาศัยอยู่กับเจ้าสาวตุ๊กตาผีของเขาจนผู้คนเริ่มสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นานา โฮโยส พี่สาวของเฮเลนน่า ที่รู้สึกผิดสังเกตว่าจู่ๆ คาลล์ลที่เคยแวะเวียนไปมาหาสู่ครอบครัวของตนและหลุมศพของเฮเลนน่ากลับหายเงียบไปเฉยๆ เพื่อนบ้านระแวกบ้านของคาล์ลยังกล่าวอีกว่า คาล์ลทำตัวเหมือนซุกอะไรไว้ในบ้าน

นานา โฮ... จึงลองไปบุกบ้านของคาล์ลดูเพื่อความแน่ใจ แล้วเมื่อครั้นเธอเปิดหน้าต่างห้องพัวะเข้าไปก็ต้องพบภาพที่ทำให้เธอ ช็อค คือร่างของ เฮเลนน่า ผู้ล่วงลับนอนอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่เหมือนตุ๊กตาผีสวมหน้ากาก และตาอันไร้แววแข็งทื่อ ของลูกแก้ว เธอสวมชุดเจ้าสาวสีขาวและสวมแหวนหมั้นที่นิ้วอีกด้วย ศพมีผิวฉาบด้วยขี้ผึ้งนั้นเป็นสีเทาน่าสยดสยอง

นานาจึงแจ้งความต่อตำรวจ และ คาล์ล ถูกจับ แต่ข่าวนี้กลับทำให้เป็นที่สนใจทั้งจากรัฐบาลและนักท่องเที่ยว รัฐได้จัดบ้านหลุมศพเจ้าสาวของคาล์ลให้เป็น สถานที่ท่องเที่ยว อนุสรณ์แห่งความรักให้พวกทัวร์ได้มาชมปฏิมากรรมศพเจ้าสาว เฮเลนน่าเป็นตัวชูโรง

ผู้คนที่มาบางคนกลับมองว่า คาล์ล มีจินตนาการเลิศล้ำ และ มีความรักอันยิ่งใหญ่ และอีกหลายๆคนที่กลับบ้านไปพร้อมทั้งนอนไม่หลับหลังจากเห็นหน้าของของเฮเลนน่าที่เป็นสีม่วงอมเทาด้วย เนื้อเน่าปนขี้ผึ้ง

นักท่องเที่ยวต่างยังแวะไปเยี่ยมคาล์ลที่คุก พร้อมทั้งซื้อของฝากและเป็นตัวตั้งตัวตีจะช่วยเขาออกมาจากคุก เพราะมองว่าสิ่งที่คาล์ลทำเป็นสิ่งที่สวยงามและโรแมนติก....แม้แต่พวกโสเภณียังถึงกับออกข่าวว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีรักแท้ และเสนอจะให้เขามีอะไรด้วยฟรีๆ เพื่อเป็นการเชิดชูคาล์ลอีกด้วย

ในที่สุดคาล์ลจึงได้ออกมาจากคุก แต่เพื่อเป็นการทำให้แน่ใจว่าเขาจะไม่มีทางกลับไปทำอย่างเดิมอีก ครอบครัวโฮโยสได้ ตัดศพของเฮเลนน่าออกเป็นหลายๆส่วน บรรจุใส่กล่อง18 inch และนำไปฝังในที่ที่คาล์ลไม่น่าจะหาเจอ

คาล์ลย้ายจากเกาะคีเวส กลับไปยังฟอริด้า ที่ที่เขาหย่ากับเมียคนแรก แต่ไปอาศัยอยู่กับพี่สาวแทน ที่นั้นเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องที่เขาทำและปริ้นซ์ภาพเฮเลนน่าที่เขาถ่ายตอนที่เป็นปฏิมากรรมออกขาย นอกจากนี้เขายังขายขี้ผึ้งจำลองใบหน้าของเธอตอนตายอีกด้วย และเก็้บไว้เป็นตัวแทนเฮเลนน่า.....ในเดือน กรกฏา 1952 มีคนพบศพคาล์ลนอนตายไปในขณะที่กอดรูปปั้นจำลองหน้าของเฮเลนน่าไว้

จนกระทั้งปี 1975 สถาบันวิจัยทางการแพทย์ มอนโรว์ ถึงกับช็อค เมื่อมีการนำชิ้นส่วนที่ตัดออกไปของเฮเลนน่ามาศึกษา ที่อวัยวะเพศของศพ ภายในพบว่ามีหลอดแก้วฝังอยู่ ที่ปลายหลอดมีสำลีอุดอยู่ และตรวจพบว่า ที่สำลีนั้นมีตัวอสุจิ อยู่ด้วย ซึ่งการกระทำนี้คงจะเป็นใครไปเสียไม่ได้ นอกจากคาล์ล ผู้หลงรักเฮเลนน่าอย่างไม่มีวันตาย

ที่มา: พลังจิต

Tags กฏแห่งกรรม

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม