รุกฆาตจัดหนัก Samsung Galaxy S III ของดีสมราคาคุยรึเปล่า?
ปัจจุบัน กระแสความดังของ Samsung Galaxy S III ก็เริ่มทวีคูณเข้ามาเรื่อยๆแม้กระทั่งเครื่องเองยังไม่ขายก็ตามเพราะว่าเป็นอุปกรณ์ Android หรือ Smartphone ที่สามารถดึงดูดผู้คนให้สนใจได้มากที่สุดตัวหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งก็อย่างที่ทราบกันว่าในปีนี้เองทาง Samsung ได้กลับไปทำการบ้านที่จำเป็นต้องส่งหลายๆอย่างให้เรียบร้อย ไม่ได้เน้นสิ่งที่ตัวเองเคยชูมาก่อนอย่างเรื่องของ Spec แต่ไปเน้นที่ด้านการใช้งานแทน แต่ว่า Samsung Galaxy S III นั้นก็ไม่ได้จะด้อยกว่าใครในเรื่องของ Spec เลยแม้แต่น้อย กลับดูดีกว่าเจ้าอื่นด้วยซ้ำถึงแม้ปากจะบอกว่าขอเน้นการใช้งานมากขึ้นแต่ Spec เองก็ไม่ได้ทิ้ง เรียกว่าจัดเต็มเหมือน Galaxy S II เลยละ!
ดังนั้นเรื่องการใช้งานทั่วๆไปก็คงต้องไปตามอ่านรีวิวกันแต่ตอนนี้ผมจะขอแกะเรื่อง Spec ของ Galaxy S III ล้วนๆ ตั้งแต่การออกแบบยันเรื่องของ CPU กันเลยว่าของที่เป็นกระแสอยู่ในตอนนี้อย่าง Galaxy S III นั้นจัด Spec มาแบบนี้สุดท้ายลองมาเทียบกับชาวบ้านเค้าดูแล้วรู้สึกได้ไปถึงอะไรและมันดีอย่างไรไม่ดีอย่างไรตามอ่านกันเลยครับ
เรื่องแรกที่อยากพูดถึงเลยคือเรื่องของการออกแบบ ต้องบอกว่า Samsung Galaxy S III นั้นทำให้หลายคนใจสลายไปเหมือนกันตอนที่เห็นกันในภาพ Press Shot ครั้งแรกที่เปิดตัว เพราะว่าการออกแบบเครื่องเปลี่ยนสไตล์ออกไปและกลายเป็นว่าเครื่องมองแล้วดูราคาถูกลง หน้าตาดูเหมือนพลาสติกมาก ทำให้เหล่าสาวกเซ็งไปไม่น้อยและคู่แข่งเองก็จ้องจะยิงตรงจุดนี้ แต่สุดท้ายผมว่าทุกอย่างที่ว่ามามันผิดทั้งหมดครับ หลายคนคิดไปแล้วว่า Samsung ไม่ได้ใส่ใจการออกแบบแล้วเหรอ ? คำตอบคือไม่ใช่เลยแถมเป็นจุดที่พวกเค้าเน้นมากมายเลยทีเดียว
การออกแบบเครื่อง Galaxy S III สื่อถึงสโลแกนที่ว่า “ออกแบบมาเพื่อมวลมนุษยชาติ” เท่ากับว่าทาง Samsung ศึกษามาแล้วว่าการออกแบบมาแบบนี้จะทำให้มนุษย์พอใจกันมากที่สุด ก็เลยออกมาเป็นหน้าตาโค้งๆแบบนี้ ทาง Samsung ถึงขั้นออกมาบอกเลยว่าเครื่องนั้นขอเน้นทางด้านการออกแบบเป็นหลักมากกว่าด้านวิศวกรรม ดังนั้นจะเห็นว่าทุกอย่างบนเครื่องไม่ใช่สีเหลี่ยมทื่อๆอีกต่อไป จะมีส่วนโค้งเว้าให้เห็น แบบที่มันเป็นอยู่ การออกแบบเครื่องให้โค้งยังมีส่วนดีคงที่มันจะรับมือมนุษย์ด้วยนั่นเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เพราะว่าหลายๆคนอาจจะต้องการดีไซน์แบบ Galaxy S II แล้วขยายส่วนอันนี้คงต้องแล้วแต่รสนิยม แต่ถ้าว่ากันในเรื่องการใช้งานแล้วการทำเครื่องโค้งดีกว่าบวกกับ Galaxy S III มีหน้าจอขนาดใหญ่ทำให้พอทำเหลี่ยมไปจะทำให้กดหน้าจอได้ไม่ถนัดเท่าแบบโค้ง
นี่แค่รูปทรงเครื่องก็ร่ายยาวซะ! ยังไม่จบ ด้านหลังเองดูเหมือนพลาสติกมากเมื่อมองในระยะไกล ซึ่งมันจริงมากเพราะเวลามองคนทั่วๆไปจะคิดว่าวัสดุเป็นพลาสติกธรรมดา แต่ที่จริงแล้วมันเป็นโพลีคาร์บอเนตที่เคลือบด้วยสาร Hyper glaze ทั้งทนและกันรอยขีดข่วน โดยได้แรงบันดาลใจมาจาก Silicon Oxide จุดนี้ทำให้เหนือกว่าคู่แข่งแต่ก็ทำให้ภาพลักษณ์ภายนอกดูตกลงไปพอสมควรเพราะมันเหมือนพลาสติกซะเหลือเกิน แต่ถ้ามองในแง่การใช้งานวัสดุโดยรวมดีกว่าของคู่แข่งเสียอีก
สำหรับ Hyper glaze และ Silicon Oxide นั้นถือเป็นสารเคลือบผิวที่ต้องบอกว่าทำให้เครื่องมีมันเงาและทำให้ผิวเรียบลื่นนั่นเอง แต่ก็อย่างที่ว่าครับของดีแต่หน้าตาไม่หล่อก็เลยถูกมองว่าเป็นข้อด้อย แต่ถ้าได้จับจริงแล้วคงต้องบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า “อืมดูดีกว่าที่คิดแฮะ” ประมาณนั้น
ด้านรอบเครื่องเองขอบนั้นดูเหมือนจะเป็นพลาสติกจับแล้วก็ดูเหมือนเป็นพลาสติก เคาะแล้วก็ดูเหมือนพลาสติก แต่ที่จริงแล้วมันเป็นโลหะที่ได้รับการเคลือบสารมาแล้วทำให้มันดูเงามัน กลืนไปกับตัวเครื่องเลยและเป็นรอยยากกว่าโลหะที่ไม่ได้เคลือบ แล้วทั้งหมดที่ว่ามานี้จะเห็นว่า Samsung ใส่ใจเรื่องตัวเครื่องไม่ใช่น้อย
ไม่ใช่แค่ด้านนอกเท่านั้นที่ทาง Samsung ใส่ใจเพราะว่าภายในอย่าง TouchWiz UX ก็ใส่ใจไม่น้อยเหมือนกันเพราะว่าทุกอย่างดูเรียบง่ายขึ้นแต่แฝงไปด้วยเรื่องราวต่างๆ เช่น เสียงบนหน้า Lockscreen ที่เป็นหยดน้ำ ทาง Samsung ก็คัดมาแล้วว่ามันต้องเป็นเสียงของน้ำส้มคั้น 100% ที่หยดเท่านั้น ถึงจะเพราะสุดและก็จับมันมาอยู่บนนี้ซะเลย โดยทั้งหมดคัดเลือกจาก 200 กว่าเสียงด้วยกันกว่าจะได้มา เห็นไหมครับแค่เสียงก็ขนาดนี้แล้วอันอื่นจะขนาดไหน
TouchWiz UX เองมันไม่ใช่ของเล่นหนักอีกต่อไปเพราะว่าทาง Samsung ปรับมาให้ดู Soft ใช้งานง่ายและ Make Sense ตามนิ้วขึ้นเยอะ ตัดความเยอะแยะออกไปแทนที่ดูความเร็วในการตอบสนอง ส่งผลให้ใช้งานได้เร็ว เรียบร้อยและไม่น่าหงุดหงิด ส่วนอาการหงุดหงิดบน Android หลายๆรุ่นอย่างการกดปุ่ม Back ไม่ไปแทบจะหายไปหมดบน Galaxy S III อาการหน่วงเกิดขึ้นน้อยมากเหลือเกินเรียกว่าแทบจะไม่มีแล้ว ที่เป็นแบบนี้มี 2 ปัจจัยอาจจะเรื่องหน่วยประมวลผลด้วยอีกอย่างนึงคือเรื่องของการปรับแต่งที่ทำออกมาได้ดีนั่นเอง
ว้า… เพิ่งจะผ่านเรื่องแรกไปเองยาวเหลือหลาย เข้าเรื่องที่ 2 คือเรื่องของหน้าจอของเครื่องนั่นเอง เรื่องนี้แลดูเป็นข้อครหามากที่สุดบนเครื่อง แต่ถ้าเราไม่มามองเรื่องของ Spec แต่มองหน้าจอมันจริงๆจะพบว่าข้อครหาที่เค้าว่ากันนั้นแทบจะไม่น่ากังวลเลยเพราะว่าหน้าจอไม่ได้หยาบเลยแถม Super AMOLED ช่วยให้สีสดมากและต้องยอมรับว่าหน้าจอดูใสกว่าตัว Galaxy S II พอสมควร ด้วยหน้าจอขนาด 4.8 นิ้วความละเอียด 1280×720 พิกเซล
อย่างที่บอกไปว่าหน้าจอมันมีข้อครหา ซึ่งข้อครหาที่ว่าก็คือการจัดเรียง Subpixels นั่นเองโดยการจัดเรียงของ Samsung Galaxy S III นั้นยังคงเป็นแบบ PenTile ทำให้ถูกนำไปเปรียบกับ HTC One X ที่การเรียงเป็นแบบ RGB ซึ่งต้องบอกว่าทั้ง 2 อย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสีย การเรียงแบบ PenTile จะเห็นได้ว่าการใส่แม่สีมาไม่เท่ากัน สีน้ำเงินมากสุดทำให้เวลามองหน้าจอโทนสีจะออกเป็นสีฟ้านั่นเอง ส่วน RGB เองสีทุกสีจะแสดงผลออกมาสวยกว่าเพราะสีทุกสีแสดงผลเท่ากันทำให้การแสดงผลดูสมจริงกว่าด้วยนั่นเอง แต่ PenTile เองก็ไม่ใช่ว่าจะมีแต่ข้อเสียเพราะว่าข้อดีของมันคืออายุการใช้งานที่ยาวนานกว่าของ RGB แต่เรื่องนี้เองเป็นข้อมูลจากทาง Samsung ที่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าทำไมถึงอายุยาวนานกว่า ?
Updated 1:
ตามความเห็นด้านล่างมีการบอกว่า PenTile ใช้งานได้ยาวนานกว่าถ้าเป็น AMOLED ด้วยกันครับ
ดังนั้นถ้าไปมองหน้าจอของ HTC One X ที่เป็น Super LCD 2 เรียง Subpixels แบบ RGB แล้วกลับมามองหน้าจอของ Samsung Galaxy S III แล้วจะพบว่าความแตกต่างน้อยมากถ้าไม่มองแบบว่าเพิ่งลูกตาไปใกล้ๆจอก็มองแทบไม่ออกเลย แถมใครชอบสีที่สดใสกว่า Galaxy S III ก็มีดีกว่าในเรื่องนั้น ส่วนเรื่องสมจริงคงต้องยกให้ HTC One X ละครับ
เรื่องที่ 3 ขอเข้าเรื่อง Geek Geek นิดๆ คือเรื่องของหน่วยประมวลผล แต่ไม่ขอลงลึกมากจนเกินไปให้คนอ่านพอเข้าใจได้ เอาละขอบอกให้ทราบกันก่อนว่า Samsung Galaxy S III นั้นมาพร้อมกับ ชิปเซต Exynos 4412 มี CPU เป็น quad-Core 1.4 GHz ส่วน GPU คือ Mali-400 ตัวเก่านั่นเองแต่มีการปรับปรุงประสิทธิภาพเล็กน้อย
ว่ากันด้วยชิพเซตคู่แข่งอย่าง Nvidia Tegra 3 ที่มีอยู่บน HTC One X และ LG Optimus 4X HD อันนี้ก็เป็น CPU แบบ quad-Core เหมือนกันแต่ Clocked ที่ 1.5 GHz พร้อมกับ GPU อย่าง Kal-EI GeForce แต่ทั้งหมดนี้ก็ใช่ว่าจะดีกว่า Exynos 4412 เอางี้ถ้าลองมาเทียบกันแบบว่า 3 เรื่องคือเรื่องของ CPU, GPU และการจัดการพลังงาน คงบอกอะไรหลายๆอย่างได้
ความเร็ว CPU
Nvidia Tegra 3 รันที่ Clocked 1.5 GHz และมี L2 cache 1MB สำหรับ SoC ก็คือ ARM Cortex A9 quad-Core นั่นเอง เป็นสถาปัตยกรรมที่เล็กกว่า 40nm อีกด้วย ซึ่งถ้าเทียบตาม Benchmark จากโปรแกรม quadrant Benchmark แล้วคะแนนอยู่ที่ราวๆ 4420 คะแนน ก็ถือว่าแรงอยู่ไม่เบา แต่ข้อเสียของตัวชิพเซตตัวนี้คือมันไม่ได้รองรับ Memory dual-channel และอีกอย่างคือมันมี GPU เป็นตัว Kal-EI GeForce ที่ยังไม่ถือว่าดีเท่าไรนัก
ส่วน Samsung Exynos 4412 นั้นมี SoC เป็น ARM Cortex A9 quad-Core เหมือนกันแต่มี Clocked ที่ 1.4 GHz โดยใช้สถาปัตยกรรมการผลิตที่ต่ำกว่า 32nm ถือเป็นข้อได้เปรียบมากกว่า Tegra 3 มากอยู่ เพราะจะสามารถลดพวกการใช้พลังงานลงไปได้ด้วย นอกจากนี้ทาง Samsung เองยังได้ออกมาบอกว่าตัวชิปนั้นทำด้วยวัสดุชั้นดีอย่าง high-k materials and metal gates (HKMG) ถือว่าเป็นของดีมากเพราะว่าทาง Samsung ได้ออกมาบอกว่ามันทำให้กินพลังงานน้อยกว่า poly-Si/SiON ที่ใช้ๆกันอยู่ทั่วไปบนสถาปัตยกรรม 45nm ดังนั้นภาพรวมแล้ว Exynos 4412 นั้นมีข้อได้เปรียบมากกว่า Tegra 3 อยู่พอสมควรในเรื่องสถาปัตยกรรมและความแรง
หน่วยประมวลผลกราฟฟิค GPU
Nvidia Tegra 3 มาพร้อมกับ GPU Kal-EI GeForce ที่มีค่า GFLOPS ที่ 7.2 ที่ Clocked 300 MHz ส่วน Samsung Exynos 4412 ใช้ GPU Mali-400 ที่ให้ค่า GFLOPS ที่ 14.4 โดยมี Clocked ที่ 400MHz (ปกติ 300MHz) ดังนั้นสรุปได้ว่า Mali-400 แบบปรับแต่งแล้วชนะขาดลอยอยู่เหมือนกัน
การจัดการพลังงาน
Nvidia Tegra 3 ที่จริงแล้วมาพร้อมกับ 4cores แต่ว่ามี Plus 1 คือ core ที่ 5 เป็น core ประหยัดพลังงานนั่นเองและมันจะทำงานเมื่อเครื่องใช้งานทั่วๆไปไม่ได้ใช้งานหนัก ทำให้ประหยัดพลังงานมากกว่า เพราะว่าถ้าไปรัน 4cores นั่นจะเปลืองพลังงานมาก ส่วน Samsung Exynos 4412 เองไม่มี Core ที่ 5 แต่ว่าก็อย่างว่ามีสถาปัตยกรรมที่เล็กกว่าบวกกับมีการจัดการโดเมนพลังงานหลายชั้น, dynamic voltage และการจัดกับคลื่นความถี่ ซึ่งทั้งหมดเรียกง่ายๆว่าเป็น body-biasing และมีระบบควบคุมอุณหภูมิในตัว แต่ถ้าให้เทียบเรื่องประหยัดพลังงานแล้ว Tegra 3 ถ้าใช้งานธรรมดาๆดูแล้วน่าจะได้เปรียบมากกว่า
สุดท้ายขอสรุปว่า Samsung Exynos 4412 ยังเฉือน Tegra 3 ไปอยู่ครับ ซึ่งทั้งหมดนี้พวก Benchmark ที่ทดสอบกันมาก็น่าจะบอกอยู่แล้ว
เรื่องที่ 4 เป็นเรื่องความร้อนของเครื่องอันนี้ต้องบอกว่าเป็นผลพวงต่อจากเรื่องของชิปเซตนั่นเอง อย่างที่บอกไปว่าตัวชิปเซตของ Samsung Exynos 4412 นั้นมีเรื่องการจัดการอุณหภูมิของหน่วยประมวลผลทำให้การใช้งานโดยรวมแล้วเครื่องไม่ร้อนมาก ใช้นานๆยังแค่อุ่น ถ้าเทียบกับคู่แข่งอย่าง HTC One X ที่ใช้เป็นชิปเซต Nvidia Tegra 3 แล้วนั้นต้องบอกว่าคนละเรื่องเลยเพราะ HTC One X นั้นร้อนมาก ยิ่งใช้นานๆตรงส่วนกล้องหลังด้านบนของเครื่องนี่จะร้อนมากๆ น่าจะราวๆ 37-39 องศาได้ ส่วน Samsung Galaxy S III นั้นอุ่นๆน่าจะไม่เกิน 35 องศาครับ
เรื่องที่ 5 เป็นเรื่องของกล้องที่ต้องบอกว่าสมัยนี้คนซื้อมือถือปัจจัยหลักในการเลือกซื้อเลยก็คือเรื่องของกล้อง สำหรับ Samsung Galaxy S III เองเปิดตัวออกมาหลายๆคนผิดหวังเพราะว่าเครื่องไม่ได้อัพเกรดเรื่องกล้อง ยังคงเป็นความละเอียด 8 ล้านพิกเซลเหมือนเดิม แต่ถ้ามองแค่ตัวเลขคงไม่ได้เพราะว่าตัวกล้องของเครื่องมีการเพิ่ม Sensor BIS เข้ามาด้วยทำให้การถ่ายในที่มืดแสงน้อยได้ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมี Zero Shutter lag ไม่ต่างจาก HTC One X ถ่ายภาพได้อย่างต่อเนื่องเหมือนกัน โดยโหมดการถ่ายภาพของ Galaxy S III นั้นต้องบอกว่ามีการแบ่งหมวดชัดเจนจะถ่ายภาพเดี่ยวหรือถ่ายแบบ Burst shot (ถ่ายต่อเนื่อง) ที่จริงก็มีโหมดอื่นๆเช่น พวก HDR, Smile shot, Beauty อะไรแบบนี้ เป็นต้น ส่วนเรื่องของฟังก์ชันเองไม่ได้แพ้ไปจาก Galaxy S II และมีการเพิ่มส่วนที่ขาดหายเข้ามาให้ลงตัวขึ้น โหมดการ Focus เองเป็นแบบ Auto สามารถเลือก Tap ได้เองและดูฉลาดขึ้นแต่ถ้าให้เทียบยังคงสู้ค่าย Apple อย่าง iPhone 4S ไม่ได้ครับ
กล้องของ Samsung Galaxy S III อย่างที่บอกไปคือมีส่วนของ Burst Shot แต่ต้องเลือกโหมดในการถ่ายเสียก่อน โดยที่เด็ดกว่าชาวบ้านก็คือว่ามันสามารถเลือก Best Shot เองได้แบบอัตโนมัติ โดยคำนึงถึง 4 อย่างคือ 1.การสั่นของภาพ (ถ้าสั่นก็ไม่เอา) 2. การขยิบตา (ถ้าขยิบตามันก็ไม่เอา) 3. รอยยิ้ม 4. แสงของภาพ เรียกว่าฉลาดมากๆ โดยถ้าเลือกเข้าโหมดเลือก Best shot อัตโนมัตินี้จะสามารถถ่ายต่อเนื่องได้แค่ 8 shot ต่อเนื่อง ถ้าไม่เข้าโหมดนี้จะถ่ายได้ถึง 20 shot ถึงแม้จะน้อยกว่า HTC One X แต่ก็ใช้งานได้ค่อนข้างครบแล้ว ถ้าใครอยากรัวไม่หยุดก็คงต้องเลือก One X ครับ
- เปรียบเทียบกล้องระหว่าง Samsung Galaxy S III และ HTC One X จาก GSMARENA สามารถดูเพิ่มเติมได้ที่นี่
เรื่องที่ 6 เป็นเรื่องของเสียงเพลงอันนี้ผมอาจจะไม่ค่อยสันทัดในด้านนี้เท่าไรแต่ก็พอไหวอยู่บ้าง โดยบน Samsung Galaxy S III นั้นใช้ตัวชิปเสียง Wolfson Micro WM1811 โดยมีความดังสูงสุดที่ 100dB พร้อมระบบ ReTune DSP, digital Interface 3 เท่า DAC stereo 1ตัว และ Speaker 2 ตัว 2 วัตต์ สูงอยู่เอาการ เหมือนกับบน Galaxy S และ Nexus S ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐานทั่วๆไป นอกจากนี้ยังมีพวก SoundAlive ที่สามารถเลือกปรับโทนเสียงได้เอง หรือจะกำหนดเองก็ได้นะครับ เรียกว่าเรื่องเสียงก็ไม่ได้โดดเด่นแต่ก็มีมาตรฐาน
เรื่องที่ 7 เป็นเรื่องของแบตเตอรี่สำหรับ Smartphone ถ้าแบตเตอรี่เกินตัวเลข 2,000 mAh นี่ก็ถือว่ามากแล้วบน Galaxy S III ให้มา 2,100 mAh ถือว่าใหญ่เกินคาดเหมือนกัน แต่ก็แน่นอนก็ต้องมารองรับหน่วยประมวลผลถึง 4 หัว quad-core ทำให้เวลาใช้งานจริงแล้วพบว่ามาตรฐานก็กลับกลายเป็นทั่วๆไปคือใช้งานได้ราวๆ 14-15 ชม. ถ้าหนักๆหน่อยก็ราวๆ 12 ชม. ถือว่าทำได้ไม่เลวแต่ก็ไม่ได้ดีมากตามที่หลายๆคนหวังไว้
เรื่องที่ 8 เข้าสู่เรื่องของ Benchmark อันนี้อาจจะต้องไปโยงถึงเรื่องของหน่วยประมวลผลต่างๆ ซึ่งตอนนี้เองถ้าให้เทียบกับคู่แข่งก็ต้องบอกว่ามีคะแนนสูงกว่าพอสมควร ตามกราฟด้านล่างครับ
เรื่องที่ 9 เป็นเรื่องของการใช้เสียงสั่งงานหลายๆคนอาจจะรู้จัก S Voice กันแล้ว โดยมันคือการสั่งงานเครื่องด้วยเสียง โดยที่สามารถสั่งให้มันปลุก สั่งให้มันเปิดกล้องหรือเปิดอะไรต่างๆนาๆก็ได้ แต่ว่าที่เด็ดดว่านั้นคือการสั่งงานด้วยเสียงแบบอื่นๆเช่น การสั่งถ่ายภาพด้วยเสียง โดยการพูดว่า “Shoot” หรือ “Smile” หรือ “Cheese” ก็ได้ ทั้งนี้บน Galaxy S III เองก็สามารถสั่งงานด้วยเสียงโดยใช้เสียงเราเองก็ได้ทำให้ใช้ภาษาไทยในการสั่งการได้ด้วย
เรื่องที่ 10 เป็นเรื่องของการส่งไฟล์ต้องบอกว่า Galaxy S III ถือเป็นอีก 1 นวัตกรรมที่สร้างการส่งไฟล์อีกมิติหนึ่งเลยเพราะว่าการมี S Beam เข้ามาทำให้การส่งไฟล์ผ่านเครื่องไปยังเครื่องอื่นๆง่ายขึ้นและแน่นอนในอนาคต โดย S Beam จะใช้เทคโนโลยี NFC ในการเชื่อมต่อระหว่างเครื่อง (ซึ่งตอนนี้ก็แน่ละมีไม่กี่เครื่องที่มี) และทำการส่งด้วย Wi-Fi Direct อีกทีทำให้มีความเร็วถึง 300 Mbps เรียกว่าเร็วมากเลยทีเดียวเกือบเท่า USB 2.0 ทำให้สามารถส่งภาพ, เพลง, วีดีโอ ได้อย่างง่ายดายมากเลยทีเดียว
ปล. การใช้งานอาจจะใช้ได้กับไม่กี่เครื่องในตอนนี้ คือ Galaxy S III กับ Galaxy S III ด้วยกัน ส่วนถ้าเป็น Galaxy Nexus ก็ทำได้แต่สามารถส่งได้แค่ของเล็กเช่น รายชื่อ, ลิ้งค์เว็บไซต์ เป็นต้น
เรื่องที่ 11 เรื่องสุดท้ายว่าจะไม่ไปแตะแล้วเชียวเพราะเป็นเรื่องการใช้งานมากกว่าก็คือเรื่องของ Feature ต่างๆที่ดูน่าตื่นเต้น อย่าง Smart Stay ที่จะคอยช่วยให้เราไม่ต้องคอยแตะหน้าจอเวลาอ่านอะไรอยู่บนหน้า โดยที่มันจะไม่ดับเองมีประโยชน์มากในการอ่าน E-Book หรือเล่นอินเตอร์เน็ต เป็นต้น โดยมันจะใช้งานโดยการใช้กล้องหน้าจับสายตาของเรานั่นเองทำให้ใช้งานได้อย่างราบรื่น ต่อมาคือ Smart Alert ที่จะเป็นระบบเตือนเราตอนที่เราเร่งรีบหรือไม่รู้ตัวโดยการสั่นเมื่อเราหยิบเครื่องครั้งแรกหลังจากที่วางนิ่งๆไว้เฉยๆมันจะสั่งเองถ้ามีการโทรเข้ามาของคนอื่นและเราไม่ได้รับหรือมี SMS เข้ามาแล้วเราไม่ได้อ่าน นอกจากนี้ยังมีพวก Social tag ที่จดจำใบหน้าจากรูปภาพเพื่อส่งภาพหาคนนั้นหรือติดต่อได้ทันทีผ่านรูปภาพ และ Double Screen ที่ทำให้เครื่องสามารถทั้งดูวีดีโอไปและเปิดโปรแกรมอะไรก็ได้ไปด้วยอีก 1 อย่าง ทำให้ใช้งานได้ 2 อย่างในเวลาเดียว
สรุปได้ว่าตอนนี้เองถ้าให้พูดถึง Android ตัวท็อปต้องบอกว่า Samsung Galaxy S III กำลังจะมาเป็นทางเลือกที่หลายๆคนตามหา ถ้าให้เทียบกับคู่แข่งในตลาดตอนนี้ต้องบอกว่ามี HTC One X รายเดียวแถมราคาเท่ากันด้วยที่ 21,900 บาท เป็นราคาที่จะว่าแพงไหมก็แพงแต่สำหรับบางคนอาจจะมองว่ามันสมเหตุสมผลกับตัวท็อปของปีนี้
แต่ว่าจะเลือกตัวไหนทุกอย่างก็ต้องแล้วแต่รสนิยมในการใช้หลายๆอย่าง Samsung Galaxy S III อาจจะดูดีกว่าแต่ว่าถ้ามองตัวเครื่องโดยรวมหลายๆคนอาจจะชอบ HTC One X มากกว่าก็ได้ เรียกว่าทั้ง 2 รุ่นสูสีกัน ถึงแม้ว่า Galaxy S III จะดูมีภาษีกว่าในหลายๆด้าน สุดท้ายก็ขอแนะนำครับว่าให้ลองไปจับเล่นๆมันซัก 5 นาทีแล้วค่อยมานั่งตัดสินใจกันอีกทีครับ
“มือถือที่ดีที่สุดสำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่ที่ดีที่สุดของเราก็ได้” ฝากไว้แค่นี้ครับ ^ ^
ขอบคุณภาพบางส่วนจาก Engadget, GSMARENA, ePrice ,mobile-review.และข้อมูลบางส่วนจากทาง grandmax
For more informaion mxphone.com
หลับให้สบายนะเพื่อน Tom Bridegroom
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบกองอาเจียนข้างตัว นัทปง ก่อนเสียชีวิต ตำรวจได้กั้นพื้นที่เพื่อตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
🔍 ถอดรหัสปี 2568! คนไทยค้นหาอะไรบน Google มากที่สุด สะท้อนภาพสังคมแห่งปี



















































