ต้องอ่าน!!!เรื่องจริงสยอง!! ห้างย่านงามวงศ์วาน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่!!
เป็นที่ลือกันทั่วไปในหมู่ของคนขับรถแท็กซี่ว่า บริเวณป้ายรถเมล์หน้าห้างสรรพสินค้าชื่อดังย่านงามวงศ์วาน ตอนกลางดึก หลังห้างปิด แล้วเนี่ย ผีดุเป็นบ้า ลือกันเป็นตุเป็นตะว่า เคยมีแท็กซี่หลายคันถูกผู้หญิงผมยาวเรียกจากหน้า ห้างฯ ให้ไปส่งที่วัดสมรโกฏิ ( ถ.รัตนาธิเบศร์) พอคนขับแท็กซี่ขับไปถึงหน้าวัดปรากฏว่าผู้โดยสารผู้ห ญิงผมยาวคนนั้นก็หายตัวไป เป็นที่เลื่องลือกันว่าผีที่หน้าห้างชื่อดังย่านงามวงศ์วานนี้ คือหญิงสาวที่เคยใช้ที่จอดรถของห้างฯ เป็นที่ฆ่าตัวตาย จนปัจจุบันนี้ห้างฯ ได้ทำลวดตาข่ายมาอ๊อกปิดไว้หมดทุกด้านเพื่อป้องกันไม ่ให้มีใครมาใช้เป็นสุสานอีก
แต่ก็ยังไม่วายมีข่าวมาเรื่อย ๆ ว่ามีคนกระโดดตึกตายที่นี่เป็นประจำ เรื่องข่าวลือนี้นายกล้าโชเฟอร์แท็กซี่ (มือใหม่) ที่เพิ่งมาหางานทำในกรุงเทพฯ ก็ได้ยินมาเหมือนกัน แต่ความที่แกเป็นคนกล้าสมชื่อ แกจึงไม่เชื่อ แล้วแกยังคงวนเวียนรับ-ส่งผู้โดยสารแถวงามวงศ์วานและใกล้เคียงเป็นประจำเพราะรายได้ดีเนื่องจากแถวนี้ตอนดึกๆ ไม่ค่อยมีแท็กซี่กล้าขับผ่านมา
เรื่องของเรื่องคือมีอยู่วันหนึ่งดึกมากแล้ว นายกล้าขับรถผ่านหน้าห้างชื่อดังฯ ก็ปรากฏว่ามีผู้หญิงสาวสวย ไว้ผมยาว สยาย ยืนโบกรถอยู่หน้าห้างฯ ฉับพลันที่เห็น นายกล้าก็นึกไปถึงเรื่องที่เพื่อนๆชาวแท็กซี่โจษขานถึงเรื่องผีดุกันขึ้นมาทันที แต่ความที่แกเป็นคนกล้าประกอบกับผู้หญิงคนนั้นก็ดูว่ าเป็นคนชัดๆ แกจึงจอดรถเข้าไปรับ พอหญิงสาวเปิดประตูรถ กลิ่นน้ำหอมฉุนกึกก็ปะทะจมูกของนายกล้าทันที
"โชเฟอร์ไปแถววัดธาตุทองนะจะไปมั้ย ?" หญิงสาวถาม
" ไปครับผม" นายกล้าตอบ ในใจคิดว่า ไม่ใช่วัดสมรโกฏิแบบที่ลือกันนี่หว่า
หญิงสาวก้าวขึ้นนั่งที่เบาะหลังพร้อมกับบอกนายกล้าว่า "ไปทางด่วนนะ"
นายกล้ากดมิเตอร์แล้วออกรถขับตรงไปขึ้นทางด่วนงามวงศ์วาน
กลางดึกเช่นนั้นทางด่วนเงียบสนิท นานๆถึงจะมีรถขับมาสักคัน กลิ่นน้ำหอมของหญิงสาวยังเตะจมูกอยู่ บรรยากาศเงียบเชียบชวนอึดอัด ถึงนายกล้าจะกล้าเพียงไรก็ตามแต่แกก็อดชำเลืองมองกระ จกส่องหลังไม่ได้ เมื่อเห็นหญิงสาวนั่งนิ่งไม่พูดไม่จา แกก็เลยชวนคุยเพื่อทำลายบรรยากาศอันอึดอัดนี้
"รอรถนานมั้ยครับ" นายกล้าถามหญิงสาว
"นานสิ แท็กซี่หายไปไหนหมดไม่รู้" หญิงสาวพูดเรื่อยๆ
"ก็มีข่าวลือเรื่อง...เอ้อ.....เรื่องผีแถวนี้ดุสิครับ เลยไม่ค่อยมีแท็กซี่คันไหนกล้าวิ่งแถวนี้" นายกล้าตัดสินใจพูดหยั่งเชิงเพื่อดูท่าทีหญิงสาว
หญิงสาวหันขวับมามองนายกล้าทันที "มิน่าล่ะ เมื่อกี้ฉันเรียกตั้งหลายคันไม่มีใครจอดเลย แล้วนายไม่กลัวเหรอ ?" หญิงสาวถาม
นายกล้ากลืนน้ำลาย "เอ้อ...ไม่กลัวครับ"
"ก็ดี" หญิงสาวพูดพร้อมกับหันไปมองที่หน้าต่าง
นายกล้าขับรถต่อไปเรื่อย ๆ บรรยากาศกลับเงียบสงัดอีกครั้ง เงียบจนนายกล้าได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเองเพียงคนเดียว!
นายกล้าแหงนขึ้นไปมองกระจกส่องหลังเมื่อนึกขึ้นได้ ทันใดนั้น! หัวใจของแกแทบจะหยุดเต้น เมื่อเห็นภาพในกระจกเบาะหลังว่างเปล่า ไม่มีแม้แต่เงาของผู้หญิงผมยาวที่นั่งคุยมาด้วยกันเม ื่อกี้นี้เลย!
"ชิบหายแล้วกู เนี่ยเขาว่าไม่เชื่ออย่าลบหลู่ โดนดีเข้าแล้วมั้ยล่ะ" นายกล้าคิดขณะที่กลิ่นน้ำหอมฉุน ๆ ของผู้หญิงสาวยังคงคลุ้งอยู่ในรถ มือที่กำพวงมาลัยสั่นสะท้าน เหงื่อแตกพลั่กทั้งที่แอร์ในรถเย็นเฉียบขาของนายกล้าที่เหยียบคันเร่งชาจนแทบจะไม่รู้สึกแล้ว บทสวดมนต์กี่บทๆที่นึกได้ นายกล้าท่องจนหมด กลิ่นน้ำหอมก็ไม่หายไปไหน ยังลอยอบอวลคลุ้งอยู่ในรถ แถมบางครั้งยังแรงขึ้นด้วยซ้ำไป มนต์บทแล้วบทเล่าที่นายกล้าท่องไม่ได้ทำให้กลิ่นน้ำหอมจางลงเลย นายกล้าแหงนขึ้นมองกระจกอีกครั้ง เบาะหลังก็ยังว่างเปล่าอยู่ มีแต่กลิ่นน้ำหอมเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่า "เธอ" ยังไม่ไปไหน
นายกล้าเหยียบคันเร่งอย่างไม่คิดชีวิต ในใจก็อาราธนาพระดังๆ ทั่วเมืองไทยให้มาอยู่เป็นเพื่อนเขา ใจอยากบึ่งไปให้ถึงวัดธาตุทองเร็วๆ เผื่อว่ากลิ่นน้ำหอมจะหายไปเพราะ "เธอ" คงต้องการไปลงที่นั่นจริงๆ
"โอ๊ย มาไกลเหลือเกินนะแม่คุณ" นายกล้าคิดในใจขณะที่ยังคงเหยียบคันเร่งมิด
นายกล้ามารู้สึกตัวอีกทีเมื่อรถมาติดไฟแดงตรงเชิงทาง ด่วน นายกล้าสูดลมหายใจเข้าปอดเต็มที่ 3 ครั้ง ก่อนกลั้นใจแหงนหน้าขึ้นไปมองกระจกส่องหลัง และแล้วนายกล้าก็แทบจะหัวใจหยุดเต้นอีกครั้ง มือเท้าเย็นวาบแทบจะหมดแรงขนลุกซู่ทั้งตัว เหมือนใครเอาน้ำแข็งมาโปะต้นคอ ภาพที่ทำให้นายกล้าแทบช็อกก็คือหญิงสาวคนเดิมมาปรากฏตัวที่เบาะเหลังอีกครั้ง แต่คราวนี้หน้าตาเธอเปลี่ยนไป! ใบหน้าของเธอมีเลือดไหลออกทางจมูกและปาก
นายกล้าตัดสินใจรวบรวมความกล้าอีกครั้ง "เป็นไงเป็นกันวะ ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว จะถามให้รู้เรื่องกันไปว่าเธอต้องการอะไรกันแน่"
พอคิดได้ดังนั้นนายกล้าก็หันกลับไปเผชิญหน้ากับเธอผู้นั้น ก่อนที่จะถามเป็นคำถามแรกว่า "คุณเป็นอะไรตาย ?"
"ตายพ่อ ตายแม่มึ-งสิ" เสียงหญิงสาวคนนั้นตอบดังลั่นรถ "แม่ง! กูก้มลงไปแต่งหน้าหน่อยเดียว แม่งเหยียบซะหน้าตากูแหกหมด แล้วยัง เสือก มาถามอีกว่าเป็นอะไรตาย"