Easy Economics ออมอย่างไรให้"รวย"
เทคนิคการออม ให้ “รวย”
เดี๋ยวนี้เหมือนจะกลายเป็นเรื่องล้าสมัยไปซะแล้ว ถ้าจะบอกว่า “มีเงินเหลือ” เพราะเมื่อถามใครต่อใครก็มักจะได้คำตอบกันว่า “ค่าขนมหมดแล้ว” “ใช้เงินเดือนหมดแล้ว” “ตอนนี้จน” "เป็นโรคทรัพย์จาง" “กินแกลบอยู่” ฯลฯ แสดงว่ายุคสมัยอาจจะเปลี่ยนไป คนได้เข้าสู่ยุคบริโภคนิยม ใช้จ่ายเกินตัว มีหนี้เป็นเรื่องปกติ มีบัตรเครดิตกันเป็นเรื่องธรรมชาติแล้ว ซึ่งไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีซักเท่าไร เพราะการก่อหนี้ เพื่อให้ได้ของมา ถึงแม้จะสะดวกรวดเร็ว แต่ก็เป็นภาระในอนาคต ทั้งยังทำให้คุณค่าของสิ่งนั้นลดลงไป รวมทั้งเป็นการก่อพฤติกรรมการใช้ฟุ้งเฟ้อฟุ่มเฟือยในสังคมโดยใช่เหตุอีกด้วย ดังนั้นวันนี้จึงอยากเสนอแนะ 4มุมมองใหม่ๆ ที่ได้รวบรวมจากผู้มีความรู้ได้แนะนำไว้ในหลายๆแห่งต่างวาระกัน ไว้ดังนี้
1. รายได้ - เงินออม = รายจ่าย หมายถึง การใช้จ่ายใดๆ ควรจะเกิดขึ้นหลังจาก "หักเงินออมแล้ว" เราควรสร้างวินัยในการออม ปัจจุบันธนาคารสามารถช่วยเพิ่มความสะดวกในการออม โดยตัดยอดเงินเข้าบัญชีออมทรัพย์ให้ได้ทุกเดือน ลองศึกษาดูนะ!!
2. กฎ 72 โดยคิดจาก ระยะเวลา = 72 / อัตราดอกเบี้ย เป็นการคิดระยะเวลาว่าเมื่อไหร่ เงินที่เราฝากจะเพิ่มเป็นเท่าตัว ช่วยในการวางแผนการออมเงิน เพื่อให้ได้จำนวนเงินที่ต้องการในอนาคตครับ
3. ความร่ำรวย (เงินออม) = รายได้ - รายจ่าย (จากข้อ 1.) ในมุมกลับกัน เราสามารถสร้างความมั่งคั่งได้โดย เพิ่มรายได้ หรือ ลดรายจ่าย ซึ่งปัจจุบันการเพิ่มรายได้อาจเป็นเรื่องยาก ดังนั้นการลดการใช้จ่าย จึงเป็นแนวคิดที่ฉลาดที่สุด ไม่ว่าจะลดการซื้อของฟุ่มเฟือยลง นานๆกินขนมที ดื่มน้ำเปล่าบ่อยๆ ซื้อของจากตลาดนัดบ้าง ลดการใช้แบรนด์เนม เป็นต้น
4. ดอกเบี้ย ที่แท้จริง = ดอกเบี้ยหน้าธนาคาร - เงินเฟ้อ เช่น ถ้าดอกเบี้ยเงินฝาก 2% แต่เกิดเงินเฟ้อ 5% แสดงว่าดอกเบี้ยที่แท้จริง หรือการฝากเงินในธนาคารทำให้ค่าเงินเล็กลง เท่ากับ 2% - 5% = -3% ต่อปี หมายถึงการฝากเงินปัจจุบันไม่ได้ผล!!! เราควรออมในสินทรัพย์อื่นๆด้วย เช่น ซื้อทอง กองทุน พันธบัตรรัฐบาล ฯลฯ
เหล่านี้เป็นมุมมองเล็กๆให้ตระหนักเห็นความสำคัญและประโยชน์จากการออมในยุคสมัยใหม่ ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันดูนะครับ
โดย : อาจารย์ อมรินทร์ ตันติเมธ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์