การสักยันต์ในเรือนจำ
สืบเนื่้องจากกระทู้ที่ชื่อ ''ของสะสมสุดสยอง (รอยสักนักโทษ)'' ผมก็เลยลองไปหาข้อมูลเกี่ยวกับรอยสักจากพี่กู
ก็มาเจอเวปบอร์ดของ nightsiam นะครับ เลยเอามาให้เพื่อนๆได้ดูกัน เนื้อหา
อาจจะยาวสักหน่อย แต่อ่านแล้วเพลินดีนะครับ

เมื่อก่อนนี้ ทาสและอาชญากรจะถูกบังคับให้สักยันต์ทุกคน แต่เดี๋ยวนี้การสักยันต์ในคุกถือว่าเป็นการฝ่าฝืนระเบียบ แต่ก็ยังมีคนลักลอบสักยันต์อยู่เสมอ โดยวัตถุประสงค์ในการสักของผู้ต้องขังนั้น แตกต่างไปจากการสักยันต์ในโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง......
การสักผิวหนังนั้นมีมานานหลายพันปีแล้วโดยมีจุดประสงค์หลายอย่าง เช่น สักเพราะความเชื่อทางศาสนา สักเพื่อบ่งบอกสถานภาพในสังคม สักเพราะความเชื่อทางด้านไสยศาสตร์ ฯ แต่สำหรับผู้ต้องขังในเรือนจำนั้น จุดประสงค์ในการสักยันต์จะไม่เหมือนกับคนทั่วไป ผู้ต้องขังส่วนใหญ่จะสักเพราะ ต้องการระบายความเครียดออกมาในรูปของรอยสัก แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยที่ต้องการแสดงอำนาจหรือความก้าวร้าวออกมาเพื่อให้ผู้อื่นเกรงกลัว
ภาพที่ 1 ชาวพื้นเมืองเผ่าเมารีในนิวซีแลนด์สักใบหน้าเพื่อข่มขวัญศัตรู
ภาพที่2 การสักใบหน้าของผู้ต้องขังในเรือนจำ นอกจากจะข่มขวัญคนรอบข้างไม่สำเร็จแล้ว ยังมีหวังถูกผู้คุมลงโทษอีกด้วย

อารมณ์สุนทรีย์ที่แสดงออกมาในรอยสัก
มีผู้คนจำนวนไม่น้อยที่มองว่ารอยสักเหมือนงานศิลปะชิ้นหนึ่ง แต่ผู้ต้องขังที่สักยันต์ส่วนใหญ่จะไม่มีอารมณ์ศิลปินแบบนี้ มีแต่อารมณ์ก้าวร้าว รุนแรง และมักจะมีประวัติเคยใช้ยาเสพย์ติดมาแล้ว มีบ่อยครั้งที่ต้องการระบายอารมณ์ออกมาด้วยการสักหรือการกรีดผิวหนังตนเองให้เป็นแผล
ภาพที่1รอยสักที่นิยมกันมากในหมู่สาววัยรุ่นของอเมริกา
ภาพที่2รอยแผลเป็นมากมายที่หน้าท้อง เกิดจากการทำร้ายตนเอง

สักเพื่อหาพวก
แก๊งค์ยากูซ่าในญี่ปุ่นเป็นตัวอย่างของการสักโดยมีจุดประสงค์เพื่อเข้าร่วมแก๊งค์มิจฉาชีพ แต่ ผู้ต้องขังที่สักยันต์เต็มตัวกลับหาสมาชิก มาร่วมแก๊งค์ยาก เพราะกลัวถูกเพ่งเล็งจากเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์
นอกจากนี้ นักโทษที่นิยมสักยันต์ เปรอะไปหมดทั้งตัว มักจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีใครอยากคบหาสมาคมด้วย มีปัญหาทางจิต เก็บกด ประชดสังคมหรือไม่ก็สักประชดเมียที่ไปมีสามีใหม่

มีเวลาว่างมากเกินไป
ในคุกมีมือรับจ้างสัก แบบสมัครเล่นมากมาย สักได้ทุกอย่างตั้งแต่ไม้จิ้มฟันยันเรือรบ โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของของคนที่ถูกสัก ในบริเวณที่ไม่ควรสักก็สัก เช่น ที่ใบหน้า หนังตา รวมทั้งที่หน้าท้อง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่พวกมืออาชีพไม่นิยมสักกันเพราะหนังท้องจะขยายออกได้ เวลาอ้วนลงพุง ทำให้เห็นรอยสักที่ผิดรูป

สักเพราะความเชื่อทางไสยศาสตร์ เช่น อยู่ยงคงกระพัน
เรื่องแบบนี้ ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่.....เกจิอาจารย์สัก (ในคุก) คนหนึ่งกล่าวว่า การสักยันต์ ลายดีๆ เช่น มหาอุตม์ จะทำให้อยู่ยงคงกระพันต่อศาสตราวุธทุกชนิด ไม่ว่าจะเป็น 11 ม.ม. เอ็ม.16 หรือแม้แต่จรวด โทมาฮ็อค ก็ไม่มีทางมาระคายผิวได้ (ยกเว้นเข็มฉีดยา)
ภาพล่างผู้ต้องขังที่สักมังกรและมหาอุตม์ เพื่อให้อยู่ยงคงกระพันมีสีหน้าไม่สะทกสะท้านเวลาถูกฉีดวัคซีน
(เอ่อ..คิดว่าเค้าคงจะพูดประชด แดกดันนะชายว่า - -*)

เวลาทำงานอยู่ในเรือนจำ ไม่ใช่เป็นเรื่องแปลกที่เราจะเห็นผู้ต้องขังมีรอยสักไม่ว่าจะเป็น
นอกร่มผ้าหรือในร่มผ้าก็ตาม รอยสักเหล่านี้ บางรอยก็สักมาตั้งแต่ก่อนติดคุก บางรอยก็เพิ่งมาสักกันในเรือนจำ
ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน 2540 ถึง ตุลาคม 2545 ทัณฑสถานได้มีโอกาสสำรวจรอยสักของผู้ต้องขังในขณะที่มาตรวจสุขภาพและเอ็กซ์เรย์ปอด รวมทั้งสิ้น 10,544 คน พบว่ามีรอยสัก มากถึง 5,311 คน !!
สถานที่สัก จำนวนคน
รอยสักนอกเรือนจำ 1,878
สักในเรือนจำ 2,983
สักทั้งนอกและในเรือนจำ 404
มีรอยสัก แต่ไม่ให้ข้อมูล 46
รวม 5,311
ผู้มีรอยสัก จำแนกตามอายุ จำนวนคน
น้อยกว่า 20 ปี 119
20 - 29 ปี 2,254
30 - 39 ปี 1,863
40 - 49 ปี 804
50 ปีขึ้นไป 271
รวม 5,311
คนอเมริกันซึ่งนิยมสักกันมาก คาดว่าจะมีประชากรที่มีรอยสักอยู่ประมาณ 20 ล้านคน (14%ของประชากรทั้งหมด) ในจำนวนนี้เป็นผู้หญิงประมาณครึ่งหนึ่ง

เครื่องมือสักในเรือนจำ
ในสมัยก่อน การสักยันต์นั้นสามารถทำได้โดยใช้กระดูกสัตว์ ก้างปลา หนามต้นไม้ หรือ วัสดุ อะไรก็ได้ที่มีความแหลมคมพอที่จะแทงเข้าไปในผิวหนังด้วยความลึกประมาณ 1-2 มิลลิเมตร ส่วนเข็มที่ใช้ สักในเรือนจำนั้น ทำได้ง่ายมาก และตรวจค้นลำบาก เพราะมีขนาดเล็ก
ภาพ1 ภาพถ่ายของเข็มสักยันต์ที่ค้นพบได้ในตัวของผู้ต้องขังป่วยที่ถูกส่งมารับการรักษาในทัณฑสถานโรงพยาบาล เปรียบเทียบกับขนาดของคลิป หนีบกระดาษ
ภาพ2 ภาพขยายของเข็มสักยันต์ จะเห็นได้ว่าทำจากเข็มเย็บผ้า 4 เล่ม มัดติดอยู่บนปลายไม้

ในปี 2537 กรมราชทัณฑ์เคยมีหนังสือกำชับให้เรือนจำต่างๆเข้มงวดกวดขันในการตรวจค้นและห้ามนำอุปกรณ์ที่ใช้ในการสักยันต์เข้ามาในเรือนจำและให้ลงโทษผู้ต้องขังหากฝ่าฝืน
ส่วนหมึกที่ใช้ในการสักนั้น สมัยก่อนจะใช้หมึกฝนของจีนหรือใช้อินเดียนอิ๊งค์ ปัจจุบันนี้ หันมาใช้หมึกร็อตติ้งแทน เพราะฉะนั้นหากตรวจค้นเรือนจำแล้วพบหมึกเหล่านี้ ถึงแม้จะไม่พบเข็ม ก็ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าอาจมีการลักลอบสักยันต์ในเรือนจำแล้ว
ในปี ค.ศ. 1891 Samuel O' Reilly ได้ประดิษฐ์และจดทะเบียนเครื่องสักยันต์ที่ทำงานด้วยไฟฟ้าเป็นครั้งแรกโดยดัดแปลงมาจากปากกาแกะสลักของ Thomas Edison เข็มหรือปืนสักที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน จะมีความถี่ของการปักเข็มสูง ทำให้การสักเกิดความเจ็บปวดน้อยกว่าสักด้วยมือ เครื่องมือที่มีรูปร่างหน้าตาแบบนี้ ห้ามนำเข้าเรือนจำนะครับเพราะเป็นเครื่องมือสักยันต์ ทำงานด้วยไฟฟ้า มีทั้งแบบที่ใช้สักเป็นลายเส้นหรือใช้สักแบบแลเงา
ภาพ1 หมึกที่ใช้ในการสักของมืออาชีพจะมีโทนสีหลากหลายให้เลือกใช้
ภาพ2 ,3เครื่องสักยันต์ไฟฟ้าที่มืออาชีพใช้ตามร้านรับสักยันต์ทั่วไป

ภัยมืดในรอยสัก
ผู้ต้องขังเป็นกลุ่มประชากรที่มีการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบและไวรัสเอดส์สูงกว่าประชากร ภายนอกหลายเท่าตัว เชื้อพวกนี้แพร่ทางเลือดและสารน้ำบางอย่างของร่างกาย เพราะฉะนั้น การสักในเรือนจำ
โดยใช้เข็มร่วมกันจึงเสี่ยงต่อการติดเชื้อพวกนี้มาก
จากการศึกษาของนายแพทย์ Robert Haley แห่งมหาวิทยาลัยเท็กซัส ซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Medicine เดือน มีนาคม 2544 พบว่าผู้ที่สักยันต์จะเสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิด C มากกว่าผู้ที่ไม่สักถึง 9 เท่า และสาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งของมะเร็งตับก็คือ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบนั่นเอง แล้วไหนจะมีเรื่องของโรคเอดส์อีก
แค่คิดจะสักยันต์ในคุกก็สยองแล้วครับ....อย่าเสี่ยงจะดีกว่า !! ร้านรับสักยันต์ที่ดี จะต้องมีวิธีการป้องกัน
การแพร่เชื้อโรคดังกล่าวให้กับลูกค้า เช่น การใช้เข็มใหม่เอี่ยมชนิดใช้ครั้งเดียวทิ้ง น้ำหมึกที่ใช้สักก็ไม่ใช้ปนกันกับคนอื่น หรืออย่างน้อยก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อโรคมาแล้ว ซึ่งวิธีป้องกันทั้งหมดที่พูดมานี้ในคุกหรือในสำนักเกจิอาจารย์ที่มีคนแห่กันไปรับสักกันมากมายรับรองว่าไม่ได้นำมาใช้ แน่นอน โอกาสติดเชื้อก็มีมาก
ภาพ1 ตับของผู้ที่เสียชีวิตเพราะมะเร็งตับ
ภาพ2 อาจารย์สักยันต์สมัยใหม่ก็กลัวตายเหมือนกัน จึงต้องใส่ถุงมือป้องกันตัวเอง
ภาพ3 ผิวหนังอักเสบ เน่าเปื่อยก็พบได้บ่อยๆในคนที่ลักลอบสักในคุก
ภาพ4 ผู้ต้องขังที่เป็นโรคเอดส์ส่วนใหญ่ชอบสักมาก คนที่เข้าคิวสักต่อจากรายนี้ ก็มีหวังติดเชื้อเอดส์ไปเรียบร้อยแล้ว

มองต่างมุม การสักยันต์ไม่มีข้อดีเลย
ข้อดีก็มีอยู่ครับ ถ้าเอารอยสักไปผนวกกับความเชื่อที่ถูกต้อง ผู้ต้องขังที่สักรูปพระที่หน้าอกเคยกล่าวไว้ว่า ห้อยพระเครื่องอาจทำหายได้ แต่รอยสักรูปพระจะติดตัวเขาอยู่ตลอดไปเป็นเครื่องเตือนสติให้ทำแต่ความดี
อักษรจีน 4 ตัวที่เห็นในภาพแปลว่า " ตอบแทนชาติด้วยความซื่อสัตย์ "
เป็นตัวอักษรที่ถูกสักอยู่ที่หลังของ งักฮุย ซึ่งเป็นแม่ทัพของจีนที่นำทัพเข้าต่อต้านกองทัพมองโกลในสมัยราชวงศ์ซ้อง เป็นรอยสักที่มีชื่อเสียงมากในประวัติศาสตร์ชาติจีน
เมื่อสมัยที่ไทยมีกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ และทหารเรือจำนวนมากก็ได้สัก
คำว่า " ร.ศ. ๑๑๒ และตราด " ไว้ที่หน้าอกเพื่อแสดงออกถึงความรักชาติ
ในทางการแพทย์ บางครั้งการสักก็อาจช่วยลดความรู้สึกเป็นปมด้อยของผู้ป่วยลงได้บ้าง เช่น ในกรณีที่ผ่าตัดเอาเต้านมของผู้ป่วยโรคมะเร็งเต้านมออกไปและมีการทำศัลยกรรมตกแต่งใส่เต้านมซิลิโคนเข้าไปแทน
ก็จำเป็นต้องเอาสีชมพูมาสักเป็นรูปหัวนมเพื่อให้ดูคล้ายคลึงกับข้างที่ปกติ
ในอนาคตอันใกล้ การสักอาจช่วยให้ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ต้องเจ็บตัวเพราะถูกเจาะเลือดบ่อยๆ นักวิจัยของมหาวิทยาลัย Pennstate และ Texas A&M
กำลังอยู่ในระหว่างการลองสักผิวหนังของหนูทดลองด้วยเม็ดสีที่ทำจาก Poly ethylene glycol ซึ่งเคลือบด้วยโมเลกุลของสารเรืองแสง ระดับน้ำตาลกลูโคสที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้รอยสักเรืองแสงมากหรือน้อยจนเราสามารถตรวจจับได้ ทำให้สามารถบอกถึงระดับน้ำตาลในเลือดได้

การลบรอยสัก
ในการสักยันต์นั้น เม็ดสีที่อยู่ในน้ำหมึกที่ใช้สัก จะถูกปลายเข็มนำไปฝังไว้ในผิวหนังชั้นหนัง แท้ และจะฝังอยู่ที่บริเวณนี้ตลอดไปจนวันตาย การลบรอยสักทำได้ยากมาก โดยเฉพาะรอยสักที่สักด้วยมือสมัครเล่นในคุก เนื่องจากการสักด้วยมือทำได้ไม่สม่ำเสมอ เม็ดสีจะอยู่ลึกตื้นไม่เท่ากัน (ซึ่งแตกต่างจากการสักด้วยเครื่องสักไฟฟ้า) ดังนั้น ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนลบ ก็ลบออกได้ไม่หมด
การลบรอยสักทำได้หลายวิธี
1. การขัดผิวหนัง (Dermabrasion)การขัดอาจใช้สารเคมีร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
ถ้าเป็นรอยสักขนาดเล็กก็อาจไม่ต้องใช้ยาชา รอยสักที่สักลึกเกินไปจะขัดออกได้ยาก ถ้าฝืนขัดออก ผิวหนังก็อาจเป็นรอยด่างได้
2. การผ่าตัด สามารถผ่าตัดลอกผิวหนังส่วนนั้นออกแล้วเย็บปิด แต่ถ้ารอย
สักมีขนาดใหญ่ เมื่อตัดออกแล้วก็อาจต้องตัดผิวหนังส่วนอื่นมาปิดแทน ข้อเสียของวิธีการผ่าตัดก็คือทำให้เกิดแผลเป็น และมีค่าใช้จ่ายสูง และรอยสักในบางตำแหน่ง เช่น ที่ใบหน้า ก็ไม่เหมาะสมที่จะใช้วิธีผ่าตัด
3. การใช้แสงเลเซอร์ เลเซอร์ลบรอยสักมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีความเหมาะสมในการลบสีที่ไม่เหมือนกัน สีน้ำเงินและสีดำจะลบออกได้ง่าย ส่วนสีอ่อน เช่น สีเหลือง สีเขียว จะลบออกได้ยากกว่า เลเซอร์ชนิด QS nd : YAG เป็นชนิดที่นิยมใช้มาก ได้ผลค่อนข้างดีและมีผลข้างเคียงน้อย (แน่นอน...ค่า
ใช้จ่ายก็ต้องสูงเป็นธรรมดา )
หลักการลบรอยสักโดยแสงเลเซอร์ก็คือ พลังงานลำแสงจะผ่านผิวหนังเข้าไปทำให้เม็ดสีที่อยู่ในชั้นหนังแท้แตกออกเป็นเม็ดสีที่มีขนาดเล็กลง จนเม็ดเลือดขาวและเซลในระบบภูมิคุ้มกันสามารถกำจัดเม็ดสีที่แตกสลายเหล่านี้ออกจากร่างกายได้
ภาพ1 รูปตัดแสดงชั้นต่างๆของผิวหนังมนุษย์
ภาพ2 รอยสักแบบมืออาชีพ ลบออกได้ง่าย เพราะเม็ดสีอยู่ลึกเท่าๆกันหมด
ภาพ3 รอยสักแบบมือสมัครเล่นในคุก ลบออกยากมาก

Credit....nightsiam.com
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา “ฮุน มาเนต” เรียกร้องให้สื่อมวลชนรายงานข่าวชายแดนกัมพูชา–ไทยอย่างถูกต้องตามจริยธรรมวิชาชีพ
เจ้าของบริษัทขายกิจการ แจกโบนัสพนักงานคนละ 443,000 ดอลลาร์
เจาะสเปก กริเพน ทําไมกองทัพไทยถึงเลือกใช้
นรกแตกก่อนวันเซ็นสัญญา F16 ไทยบึ้มสะพาน คืนหมาหอน "ฮุนเซน" อกแตก แพ้หมดรูป จำยอมเซ็นสงบศึก
ศาลสั่งจำคุกตลอดชีวิต "จ้านฮ่าวหลี่" คดีฉ้อโกงพันล้านหยวน
เผยประวัตินักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน ผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มขับอัลติสบนทางด่วน พบมีหมายจับพยายามฆ่าด้วย
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
พ่อแม่เปิดกล้องหัวใจแทบสลาย แม่บ้านแอบใส่ "เดทตอล" ในขวดนมให้ลูกน้อยกิน
เกาหลีเหนือ..จับหญิงศัลย์ฯหน้าอก ลั่นไม่เป็นสังคมนิยม
เมื่อเกิดภาวะ รักเขาข้างเดียว
มาตรการ ‘มหาเถรสมาคม’ - ‘คพช.’ กู้คืนศรัทธาวงการสงฆ์: บทเรียนจากปีแห่งการล้างบาง
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
Avatar 3 ช่วยแบก MAJOR ไม่ไหว! กำไรดิ่งหนัก 30%
แนะนำ! เว็บไซต์ ai สามารถวาดรูป [l8+](สร้างฟรี) ผู้ใหญ่เท่านั้น
เขมรเผย เราจะเป็นเพื่อนบ้านไทยอย่างถาวร
เผยประวัตินักธุรกิจอายุน้อยร้อยล้าน ผู้ต้องสงสัยฆ่าหนุ่มขับอัลติสบนทางด่วน พบมีหมายจับพยายามฆ่าด้วย