รุ้ทันวิบากกรรม

<script type="text/javascript" language="JavaScript" src="http://a.admaxserver.com/servlet/ajrotator/818517/0/vj?z=admaxasia2&dim=280733&pid=f9495e6b-a541-414e-932e-d0ad5d5e6065&asid=b2a78f01-1304-47c3-8524-8df944047e53"> <script type="text/javascript">// <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js">//

น้ำศักดิ์สิทธิ์ แก้วิบากกรรม แรงบันดาลใจจากพระไตรปิฏก

“น้ำศักดิ์สิทธิ์” เป็นความเชื่อที่มีอยู่หลายชนชาติ ศาสนา แม้แต่ชาวพุทธเอง บางคนยังแสวงหาน้ำมนต์ วัดไหนดัง วัดไหนศักดิ์สิทธิ์ ก็ดั้นด้นไปค้นมาไปเอามาดื่มมากินให้เกิดโชคลาภหายทุกข์หายโศก ว่ากันไป หากว่ามีน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถ ล้างบาป ล้างกรรม ล้างทุกข์ได้จริง ๆ ก็คงจะดีไม่น้อยเลย เราจะได้ไม่กังวลกับการทำกรรมชั่วที่เราเผลอพลาดพลั้งทำไปในอดีต แล้วหากมีผู้บอกท่านว่า ในพระพุทธศาสนามีวิธีการล้างบาป ล้างกรรม เหมือนกัน ท่านจะเชื่อหรือไม่ ลองดูคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ดังต่อไปนี้



“ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อย บาปกรรม ก็นำเข้าไปสู่นรกได้ ส่วนบุคคลบางคนในโลกนี้ ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นแล บาปกรรมนั้นให้ผลในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ให้ผลในอัตภาพที่ ๒ (ชาติหน้า) ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลมาก




๑ บุคคลที่ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อย บาปกรรมนั้นนำไปสู่นรกได้ คือ บุคคลเช่นไร คือ บุคคลที่บางคนในโลกนี้ไม่เจริญกาย ไม่เจริญศีล ไม่เจริญจิต ไม่เจริญปัญญา มีคุณน้อย มีอัตรภาพน้อย ( ใจคับ ใจแคบ ใจหยาบ ใจทราม) เป็นอัปปทุปขวิหารี ( มักอยู่เป็นทุกข์เพราะผลกรรมเล็กน้อย) บุคคลเช่นนี้ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อย บาปกรรมนั้นนำเข้าสู่นรกได้




๒ บุคคลที่ทำบาปกรรมเพียงเล็กน้อย เช่นนั้นแล บาปกรรมให้ผลในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ให้ผลแม้แต่น้อยในอัตภาพที่ ๒ (ชาติหน้า) ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลมาก คือบุคคลเช่นไร คือ บุคคลบางคนในโลกนี้ เจริญกาย เจริญศีล เจริญจิต เจริญปัญญาแล้ว มีคุณมาก มีอัตภาพใหญ่ (ใจกว้างขวาง ใจบุญ ใจสูง) เป็น อัปปมาณวิหารี (มีปกติอยู่ด้วยธรรมอันหาประมาณมิได้ คือ เป็นคนไม่มีกิเลสหรือไม่แสดงกิเลส) บุคคลเช่นนนี้ทำบาปกรรมเล็กน้อยเช่นนั้นแล บาปกรรมนั้นให้ผลในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ให้ผลแม้แต่น้อยในอัตภาพที่ ๒ (ชาติหน้า) ไม่จำเป็นต้องพูดถึงมาก



ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือน บุรุษใส่ก้อนเกลือลงในขันใบน้อย เธอทั้งหลายเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร น้ำในขันเล็กน้อยนั้นเค็ม ดื่มกินไม่ได้เพราะเกลือโน้น ใช่หรือไม่



“อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
“ข้อนั้นเพราะเหตุใด”
“เพราะในขันน้ำ มีน้ำนิดหน่อย น้ำนั้นจึงเค็ม ดื่มกินไม่ได้เพราะก้อนเกลือโน้น พระพุทธเจ้าข้า”

“หากบุคคลใส่ก้อนเกลือลงในแม่น้ำคงคา เธอทั้งหลายเข้าใจเรื่องนั้นอย่างไร แม่น้ำคงคานั้นเค็ม ดื่มกินไม่ได้เพราะก้อนเกลือโน้นใช่หรือไม่”

“ไม่ใช่อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า”
“ข้อนั้น เพราะเหตุใร”
“เพราะในแม่น้ำคงคามีห้วงน้ำขนาดใหญ่ น้ำนั้นจึงไม่เค็ม ดื่มกินได้ เพราะก้อนเกลือโน้น พระพุทธเจ้าข้า”



พระผู้มีพระภาคเช้าตรัสว่า “ภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ฉันนั้นเหมือนกันแล ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อย บาปกรรมนั้นนำไปสู้นรกได้ ส่วนบุคคลในโลกนี้ ทำบาปกรรมแม้เพียงเล็กน้อยเช่นนั้นแล บาปกรรมนั้นให้ผลในปัจจุบันเท่านั้น ไม่ให้ผลแม้แต่น้อยในอัตภาพ ๒ (ชาติหน้า) ไม่จำเป็นต้องพูดถึงผลมาก



ดังนั้น หากชีวิตเรา มีรสเค็ม คือ กำลังมีทุกข์ ด้วยวิบากกรรมตามส่งผล ก็สามารถเติมน้ำศักดิ์สิทธิ์แก้ความเค็มให้เจือจาง หรือหมดรสเค็ม ได้ด้วยการสร้างความดี สร้างบุญให้สุดกำลัง เมื่อบุญมีปริมาณและความเข้มข้นมากพอ บาปก็ย่อมเจือจาง หรือตามส่งผลไม่ทัน จนกลายเป็นอโหสิกรรม ในที่สุด นี้แลคือ วิธีการล้างบาปกรรมในพระพุทธศาสนา ล้างบาปกรรมด้วยการสร้างบุญอย่างเต็มกำลัง



ขอบคุณที่แวะมาอ่าน อนุโมทนา สาธุ ขอให้ทุกท่านมีกำลังใจในการสร้างบุญอย่างเต็มกำลังอยู่เสมอ สาธุ