Mobile Suit Gundam 00 The Movie

 

เพิ่งได้ไปดู Mobile Suit Gundam 00 The Movie: Awakening of the Trailblazer  จากการที่เข้าฉายไปแล้ว 10 วัน(เข้าฉายวันที่ 16)ทำให้คนดูโหรงเหรงอย่างถนัดตา แต่พอดูจบอออกมาข้างนอกเจอคนเยอะมากโดยเฉพาะสาวๆ กำลังต่อคิวเข้าดู Hanamizuki ฮ่าฮ่าฮ่า รู้งี้น่าจะซื้อตั๋วเข้าดูบ้างก็ดี (คิดได้ก็สายไปแล้วกลับถึงบ้านละ)

โอเค ก่อนที่จะออกนอกเรื่องไปมากกว่านี้ อยากจะเล่าความรู้สึกส่วนตัวหลังชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบน่ะครับ ซึ่งอาจจะผิดพลาดหรือมองไม่ละเอียดไปบ้างก็ขออภัย ยังไงถ้าว่างจะหาเวลาดูอีกซักรอบนึง

 

 

A wakening of the Trailblazer เป็นภาคต่อของ Gundam 00 Second ซึ่งเหตุการณ์ดำเนินเนื้อหาช่วง 2 ปี ต่อจากภาคทีวี เมื่อโลกรวมเป็นหนึ่งเดียวพร้อมก้าวไปสู่อวกาศ ตัวเอกของเรื่องเซ็ตสึนะผู้กลายเป็นมนุษย์พิเศษอินโนเวเตอร์และเหล่าเซเลสเชียลบีอิ้งยังคงทำหน้าที่แทรกแซงการใช้กำลังอยู่อย่างเงียบๆ เพื่อความสงบสุขอันเกิดจากความหวาดกลัว ทว่าความสงบสุขดังกล่าวกำลังจะพังทลายลงเพราะมีศัตรูลึกลับที่ไม่ใช่มนุษย์ได้เริ่มทำการรุกรานโลกใบนี้ เหล่ามวลมนุษยชาติจะเป็นเช่นไร? การใช้กำลังคือบ่อเกิดแห่งความสงบสุขที่ยั่งยืนจริงหรือ?

 

เป็นภาคหนังโรงกันดั้มที่ไม่ได้เห็นมายาวนานต่อจาก TURN A GUNDAM ถือได้ว่าเป็นหนังโรงที่เนื้อหาต่อจากภาคทีวีล่าสุดถัดจาก Gundam Wing Endless Waltz และเป็นการแหวกประวัติศาสตร์กันดั้ม เป็นครั้งแรกที่นำเอากันดั้มไปสู้กับมนุษย์ต่างดาว เพราะโดยปกติเนื้อหาของกันดั้มจะวนอยู่กับการเมือง ความขัดแย้ง และผลประโยชน์ ของมนุษย์ด้วยกันเอง(ภาค G ก็ด้วยนะ) แม้จะมีเสียงต่อว่าเพราะการแหกกฏ แต่ดูจากรายได้รวมที่ญี่ปุ่นก็ถือว่าประสบความสำเร็จครับ

สำหรับตัวผมเองนั้นไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องมนุษย์ต่างดาวอยู่แล้ว ถ้าหากมีเหตุผลให้ยอมรับเพียงพอ ซึ่งหนังก็ตอบจุดนี้ได้ ทางด้านเนื้อหาก็ยังไม่ทิ้งจุดมุ่งหมายหลักของเรื่องคือการก้าวไปของมวลมนุษย์โดยใช้ความปรองดองกัน สิ่งหนึ่งที่เราเรียนรู้จากหนังเรื่องนี้คือ "สันติภาพไม่อาจเกิดได้โดยความขัดแย้ง หากแต่จะเป็นเพราะความเข้าใจกัน" (Peace cannot be kept by force. It can only be achieved by understanding โดย Albert Einstein) ไม่ว่าจะเป็นใครคงไม่อยากให้ใช้กำลังมาบังคับให้ตนเชื่อฟัง หนังพยายามถ่ายทอดจุดนี้ให้เราเห็น ทว่าการสื่อออกมากลับเป็นจุดตายของเรื่องในตอนจบที่ดูแล้วน่าประทับใจน้อยไปหน่อย ความรู้สึกหลังจากดูจบประมาณว่า "อะไรนะจบแล้วเหรอ? จบง่ายอย่างนั้นเลย?"คงเพราะตัวหนังมีเวลาจำกัดมาแค่นี้ล่ะมั้ง ถ้าแบ่งเป็นสองภาคแล้วขยายเนื้อหาเพิ่มเติมผมว่าน่าจะสนุกลงตัวกว่านี้ ...ไม่ได้ซีเรียสอะไรแค่นี้ผมก็ว่าสนุกเพราะองค์ประกอบอื่นๆช่วยเกื้อหนุน

ด้านอื่นๆที่ว่านี้ อาทิคิวบู๊แอคชั่นก็มันสะใจ จัดวางได้เหมาะสมกับช่วงเวลา แต่ถึงรู้ว่าสนุกทว่าหลายๆฉากผมก็ดูไม่รู้เรื่องนะ แบบว่ามัน "เร็วมาก"คือเข้าใจว่าเป็นสงครามอวกาศ แต่จับจุดโมเม็นตัมแทบไม่ถูกเลย เอาว่าไม่เป็นไรหยวนๆให้เพราะดูลื่นไหลไม่ติดขัด งานเพลงประกอบอลังการงานสร้างดูแล้วขนลุกตาม โดยส่วนตัวชอบเพลง Tozasareta Sekai ของ THE BACK HORN ทั้งจังหวะและเนื้อเพลงเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอดูหนังจบก็ทำให้รู้สึกเลยว่าช่างเข้ากันจริงๆ งานภาพงามไม่มีที่ติ สไตล์อนิเมชั่นยุคนี้ที่ผนวก 3D และ 2D อย่างลงตัว ภาพรวมทั้งหมดนี้ทำให้กันดั้มภาคนี้ถูกใจผมครับ

 

หากคุณ(โดยเฉพาะแฟนกันดั้ม)ไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์กันดั้มแบบเดิมๆ Awakening of the Trailblazer เป็นกันดั้มอีกภาคที่น่าติดตามชมเป็นอย่างยิ่ง แต่คุณจะต้องดูภาค TV ทั้งสองภาคมาแล้วจึงจะดูรู้เรื่องครับ

 

เปิดเรื่องเป็นกันดั้ม พอเห็นศัตรูแล้วมาครอส ท้ายๆนึกถึงยูเรก้า 7 แต่รวมๆอารมณ์เรื่องนี้มันเก็ตเตอร์นี่หว่า (ฮา)

 

ต่อไปนี้เป็นสปอยครับ (สปอยเอามันเข้าว่า หาสาระไม่ค่อยจะได้ หุหุ)

 

ปล. เจ้าของกระทู้นี้ เป็น ฟาสซิสต์  ไม่ใช่ประชาธิปไตย

ไม่ต้องมาแสดงความคิดเห็น เกรียนๆ แล้วอ้างว่า ฉันก็มีสิทธิ์ในการแสดงความคิดเห็น กระทู้ผม ของๆผม ก็อยากให้คนอ่านสนุกสนาน ได้ความรู้ ไม่ใช่เข้ามาเครียดนั่งด่าเกรียนกัน 

แนะนำว่า เกรียนคนไหนไม่พอใจ เม   ิง ก็ไปสร้างกระทู้เอง เกรียนเอง คุยคนเดียว ไป ที่นี้คนเขาเข้ามาเสพความบันเทิง

จบไหม!~