วิธีการตั้งชื่อของคนญี่ปุ่น ^_^
วิธีการตั้งชื่อของคนญี่ปุ่น ^_^
เรื่องของเรื่องก็คือ... มีคนถามเรื่องชื่อของอาคิมาสะกันมาหลายคน เพราะเมื่อวันก่อนบอกไปว่าจะตั้งชื่อลูกสาวที่อยู่ในท้องว่าคุเรฮะที่ใช้ตัวคันจิตัวโมมิจิ (紅葉) เนื่องจากจะคลอดประมาณต้นๆฤดูใบไม้ร่วง (แน่นอนว่าอ่านว่าโมมิจิก็ได้ และมีคนชื่อโมมิจิด้วย)
ก็มีบางคนทักว่าแล้วอาคิมาสะเกิดใบไม้ผลิทำไมถึงใช้อาคิ? ^_^;
คือตัวคันจิของชื่ออาคิมาสะที่เลือกไม่ใช่ตัว 秋 ที่แปลว่าใบไม้ร่วงค่ะ แต่เป็น 晶 ตัวนี้ ที่แปลว่าแสงสว่าง (คนมีความรู้คันจิหรือตัวจีนคงพอจะรู้ว่ามันน่าจะสว่าง เพราะเป็นตัวคันจิที่แปลว่าพระอาทิตย์ถึงสามตัว ^_^;) ส่วนตัว`มาสะ`ใช้ 真 ที่แปลว่าความจริง ความตรง ความแน่นอน ฯลฯ
^_^; ชื่อของคนญี่ปุ่นก็ประมาณนี้ คือถึงบอกชื่อมาคนฟังก็ตรัสรู้ไม่ได้ว่าชื่อเค้าสะกดยังไง ใช้คันจิตัวไหน? หรือเขียนตัวคันจิตัวนี้ก็ใช่ว่าจะอ่านแบบที่เราคิดเสมอไป (พออ่านกันได้จากเซนส์และความเคยชิน) เวลากรอกใบสมัครอะไรก็ตามที่ญี่ปุ่นจึงมีช่องให้กรอกคำอ่านเป็นตัวฮิรางานะ หรือคาตาคานะเสมอ (ไม่ใช่แค่ชื่ออย่างเดียว ช่องที่อยู่ก็ต้องเขียนคำอ่านให้เค้าด้วย เพราะชื่อสถานที่ญี่ปุ่นก็อ่านได้หลายแบบ เบื่อการกรอกมากแต่ชื่อเมืองที่อยู่นี่คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่ก็อ่านไม่ออก T^T)
เมื่อมีเด็กเกิดในบ้านคนญี่ปุ่น จะมีพิธีตั้งชื่อกันภายในครอบครัวที่เรียกว่าเมย์เมย์ 命名 ในวันที่เจ็ดหลังคลอด หลังจากนั้นก็เอาชื่อที่ว่าไปแจ้งเกิดที่อำเภอภายใน 7 วัน (พูดง่ายๆก็คือมีหน้าที่ต้องไปแจ้งเกิดภายใน 14 วันหลังคลอด)
กฏในการตั้งชื่อนั้นก็ไม่ใช่นึกอยากจะตั้งอะไรก็ตั้ง มันมีกฏของมันและเรื่องที่เราต้องระวังดังนี้
1. คันจิที่จะนำมาใช้ตั้งชื่อได้ได้แก่โจโยคันจิ 常用漢字 ปัจจุบันมี 2131 ตัว บวกกับจินเมย์โยคันจิ 人名用漢字 อีก 938 ตัว คันจิแปลกๆหรือมีความหมายเป็นอัปมงคลไม่สามารถจะนำมาใช้ได้
2. ถ้าคันจิตัวที่เราต้องการจะใช้อยู่ในกลุ่มที่ไม่สามารถใช้ได้ หรือชื่อที่เราจะตั้งไม่น่าจะมีคันจิก็สามารถตั้งเป็นฮิรางานะหรือคาตะคานะได้ เช่นใครจะตั้งชื่อลูกว่าเบจิต้า ก็คงต้องใช้คาตาคานะไปแทน
3. ไม่สามารถใช้ตัวภาษาอังกฤษ, ตัวเลข (ยกเว้นคันจิที่เป็นตัวเลข) หรือเครื่องหมายต่างๆในชื่อได้ จะมาทำเป็น เบจิต้า!, เบจิต้า?, เบจิต้า jr., เบจิต้า2009 เหมือนตั้งชื่ออีเมล์เราไม่ได้
4. ชื่อที่ตั้งแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนได้ง่ายๆ! ไม่เหมือนคนไทยที่หมอดูบอกให้ไปเปลี่ยนก็ไปเปลี่ยนที่อำเภอได้ ที่ญี่ปุ่นไม่สามารถเปลี่ยนชื่อได้นอกจากมีเหตุผลจำเป็นจริงๆ เช่นมีคนเรียกเราด้วยชื่ออื่นมาตลอด เราเลยจะเปลี่ยนไปใช้ชื่อนั้น ในกรณีนี้ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่ามีคนเรียกเราว่าชื่อนั้นจริง ต้องเอาหลักฐานพวกเอกสารหรือจดหมายต่างๆที่ส่งถึงเราด้วยชื่อนั้นไปแสดง เป็นต้น ทั้งนี้ืทั้งนั้นเราอาจจะต้องไปฟ้องศาลครอบครัว (家庭裁判所) เอาเองเพื่อขอเปลี่ยนชื่อ
5. สามารถใช้เครื่องหมายซ้ำในชื่อได้ (เหมือนไม้ยมก) เช่น 奈々 (นานะ) 羅々(ลาละ) แต่ต้องไม่ใช้กับคันจิในนามสกุล เช่น 立花々子 (ทาจิบานะ ฮานาโกะ @_@;) โดยทั่วไปแล้วไม่ควรใช้คันจิตัวเดียวกับที่อยู่ในนามสกุลด้วย จะทำให้ดูแปลกๆ... เช่น 真田 真里 (ซานาดะ มาริ) เป็นต้น...
6. หากนามสกุลของเรามีตัวคันจิที่เป็นตัวเลขอยู่ในชื่อแล้ว ไม่ควรตั้งชื่อให้มีตัวคันจิที่เป็นตัวเลขอยู่ เช่น 二宮 一郎 (นิโนะมิยะ อิจิโร่) แต่อันนี้ก็ไม่ใช่ข้อห้าม แค่อ่านแล้วบาล้านซ์มันจะแปลกๆเฉยๆ...
7. นึกถึงบาล้านซ์ของชื่อให้ดีๆ... เช่นนามสกุลเราเป็นคันจิตัวเดียว ถ้าตั้งชื่อเป็นคันจิตัวเดียวอีกเช่น 林空 (ฮายาชิ โซระ) มันจะดูประหลาดๆ... ถ้าจะตั้งว่าโซระอาจจะใช้คันจิตัวอื่นเช่น 宇宙 สำหรับการตั้งชื่ออ่านว่าโซระได้เหมือนกัน อย่าลืมนึกถึงบาล้านซ์ของรูปร่างหน้าตาคันจิด้วยเช่น 秋本未来 (อาคิโมโตะ มิไร) ดูแล้วมันเป็นคันจิกรุ๊ปเดียวกันเกินไป -_-;
ทีนี้พอรู้แนวทางคร่าวๆแล้ว... ก็มาดูกันว่าเราจะตั้งชื่อจากอะไรได้บ้าง ^_^
1. ตั้งชื่อจากเสียง
คือเลือกเสียงที่ชอบแล้วค่อยหาคันจิมาใส่ เช่นจะให้ลูกชื่อเซย์นะ ก็สามารถใช้คันจิ 聖奈、星七、清奈 หรือ 静菜 ฯลฯได้
2. ตั้งจากคันจิ
เช่นถ้าเรามีคันจิในดวงใจอยากจะใช้ตัวนี้อยู่แล้ว หรือบางคนชอบเอาคันจิของพ่อหรือแม่หรือบรรพบุรุษมาใส่ในชื่อด้วย ก็ตั้งจากคันจิที่ต้องการได้เลย เช่นพ่อชื่อ 真田幸村 (ซานาดะ ยูคิมุระ) ลูกอาจจะชื่อ 真田幸平 (ซานาดะ ยูคิฮิระ) เป็นต้น
3. ตั้งจากหน้าตาคันจิ
เพราะคันจิแต่ละตัวนอกจากความหมายแล้วยังจะมีอิมเมจในตัวของมันเองอีก ที่สำคัญคือหน้าตาเข้ากับนามสกุลเราแค่ไหนด้วย
4. ตั้งจากอิมเมจหรือความต้องการอยากให้ลูกเป็นยังไงของเรา
ตั้งจากอิมเมจเช่นลูกเกิดเดือนพฤษภาเลยชื่อ 皐 (ซัทสึกิ) หรือเกิดหน้าร้อนเลยชื่อ 海人 (ไคโตะ), เกิดใบไม้ผลิเลยให้ชื่อ 麗(อุราระ) เป็นต้น ตั้งจากความคาดหวังเช่น หวังให้ลูกมีโชคก็เลยตั้งว่า 恵美 (เมกุมิ), อยากให้เป็นคนสนุกสนานเลยให้ชื่อ 笑 (เอมิ) อยากให้เป็นคนมีความอดทนเลยให้ชื่อ 忍 (ชิโนบุ) เป็นต้น
5. นับเส้นคันจิเพื่อความเป็นมงคล
มีหลายวิธี อาจจะไปให้หมอดูคำนวณให้หรือคำนวณเองง่ายๆก็ได้ (ตามหนังสือตั้งชื่อจะมี)
6. ให้หมอดูหรือพระตั้งให้
เสียค่าใช้จ่ายตามเรตของวัดหรือตามที่หมอดูคนนั้นคิด ^_^;
7. ตั้งตามแฟชั่น สมัยนิยม
เช่นปีที่แล้ว Ranking ชื่อเด็กผู้หญิงท็อปฮิตสิบอันดับดังนี้ ยุย, มิยุ, เมย์, มิโอะ/ยุนะ, ฮินะ, อาโอย, ริโอ, โมโมกะ, ซากุระ/ โฮโนกะ/ ยูนะ... เลือกตามเค้าซักชื่อ
ที่เหลือก็แล้วแต่ความชอบของเราด้วย คันจิที่ใช้ตั้งชื่อไม่มีกำหนดคำอ่านแน่นอน บางทีเราอาจจะใช้คันจิตัวนี้แต่อ่านอีกแบบก็ได้ (แต่ควรให้มันมีคอมมอนเซนส์หน่อย) อย่าง 月 แต่ให้อ่านว่า รูนะ ก็ได้ หรือ 五月 แต่อ่านว่า เมย์ เป็นต้น บางคนตั้งชื่อคันจิเลียนเสียงชื่อหรือคำในต่างประเทศก็มี เช่น 花恋 (คะเรน)、 歌音 (คะนน) หรือ 絵美莉 (เอมิริ) ก็ได้
ส่วนการตั้งชื่อลูกทั้งสองของดิฉัน... คนโต อาคิมาสะนี่ตั้งจากเสียงแล้วหาคันจิมาใส่ เนื่องจากคันจิชื่อของปะป๊าเป็น 幸平 เป็นคันจิที่สามารถแบ่งซ้ายขวาออกเป็นสองซีกที่เท่ากันได้ทั้งสองตัว ก็เลยใช้คันจิของอาคิมาสะให้เป็นลักษณะเดียวกันคือ 晶真 (แบ่งซ้ายขวาเท่ากันเช่นเดียวกัน) ส่วนคุเรฮะ (紅葉) นี่ตั้งจากอิมเมจของฤดูกาล
นอกจากนี้แล้วคนญี่ปุ่นไม่นิยมมีชื่อเล่นที่ตั้งมาจากสิ่งของรอบข้างเหมือนชาวไทย และในความเป็นจริงก็ไม่้ควรจะเรียกชื่อกันตั้งแต่เจอหน้ากันครั้งแรก (แสดงความกันเองเกิน) ควรจะเรียกนามสกุลตามด้วย “ซัง” กันไปก่อนเพื่อความสุภาพเหมาะสม (แต่ส่วนใหญ่เห็นเป็นชาวต่างชาติก็ไม่ว่าอะไรน่ะ) ทว่าเราจะหงุดหงิดเล็กน้อยเวลามีคนมาเรียกเราด้วยนามสกุลไทย -_-; บางคนล้มเลิกความคิดที่จะเป็นเพื่อนกับเราไปเพราะขี้เกียจจำอีนามสกุลนี่ล่ะ
Credit :: http://hayashikisara.exteen.com/20090514/entry
เดี๋ยวจะเอาชื่อญี่ปุ่นมาให้ดูกันด้วยคับ อดใจรอนิดนึง ใครที่อยากมีชื่อ ญี่ปุ่นเก๋ๆ ความหมายดีๆ