"สลอด ตำแย หมามุ่ย"...พืชยอดนิยม ในการใช้เเกล้ง!
สลอด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Croton tiglium L. |
ชื่อสามัญ : Purging Croton, Croton Oil Plant |
วงศ์ : EUPHORBIACEAE |
ชื่ออื่น : บะกั้ง (แพร่) มะข่าง มะคัง มะตอด หมากทาง หัสคืน (ภาคเหนือ) ลูกผลาญศัตรู สลอดต้น หมากหลอด (ภาคกลาง) หมากยอง (แม่ฮ่องสอน) |
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 3-6 ม. ต้นเกลี้ยง ใบเดี่ยวรูปไข่ เรียงสลับกัน ปลายใบแหลม ฐานใบกลม ขอบใบหยัก แบบซี่ฟัน มีเส้นใบ 3-5 เส้น ที่ฐานใบมีต่อม 2 ต่อม เนื้อใบบาง ก้านใบเรียวเล็ก ดอกเล็ก ออกเดี่ยว ๆ หรือออกเป็นช่อที่ยอด ใบประดับมีขนาดเล็ก ดอกเพศผู้และดอกเพศเมียอยู่บนต้นเดียวกัน หรืออยู่ต่างต้นกัน ดอกเพศผู้ มีขนรูปดาว กลีบรองกลีบดอก 4-6 กลีบ ปลายกลีบมีขน กลีบดอก 4-6 กลีบ ขอบกลีบมีขน ฐานดอกมีขน และมีต่อมจำนวนเท่ากันและอยู่ตรงข้ามกันกับกลีบรองกลีบดอก เกสรผู้มีจำนวนมาก ก้านเกสรไม่ติดกัน เมื่อดอกยังอ่อนอยู่ ก้านเกสรจะโค้งเข้าข้างใน ดอกเพศเมีย กลีบรองกลีบดอกรูปไข่ มีขนที่โคนกลีบ ไม่มีกลีบดอก หรือถ้ามีก็เล็กมาก รังไข่มี 2-4 ช่อง ผลแก่จัดแห้งและแตก รูปขอบขนานหรือรี กว้าง 1-1.5 ซม. ยาวประมาณ 2 ซม. หน้าตัดรูปสามเหลี่ยมมนๆ เมล็ดรูปขอบขนานแกมรูปรี สีน้ำตาลอ่อน (ลีนา ผู้พัฒนพงศ์, 2530) |
สรรพคุณ :
วิธีการใช้
|
ตำแย
ส่วนที่เป็นพิษ ขนหรือหนามตามส่วนต่างๆ
ทำให้เจ็บคันและปวด
...
เป็นพืชล้มลุก สูงได้ถึง 1 เมตร ไม่ผลัดใบ
ทุกส่วนมีขนสากกระจายทั่วไป ใบเดี่ยวออกเรียงสลับ
ทรงใบรูปไข่ โคนใบมน ปลายแหลม ขอบใบหยักซี่ฟัน
บางทีเป็นพูโตๆหลายพู ดอกเล็กสีเขียวอ่อน ออกรวมกันเป็นช่อ
แบบหางกระรอกตามง่ามใบ ผลเล็ดกลม ผิวผลมีหนามแข็งหนาแน่น
ส่วนที่เป็นพิษ ขนหรือหนามตามส่วนต่างๆทำให้เจ็บคันและปวด
สารพิษและสารเคมีอื่นๆ เช่น histamine, acetylcholine,
5-hydroxytryptamine, formic acetic acid
การเกิดพิษ ขนที่ถูกผิวหนังจะมีอาการปวดแสบปวดร้อน บวมแดง ระคายเคืองมาก
(ข้อมูลจาก ไม้ประดับออนไลน์)
หมามุ่ย
หมามุ่ย
หมามุ่ย เป็นพืชตระกูลถั่วอายุข้ามปี
มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Mucuna pruriens L.
(พันธุ์พื้นเมือง)
Mucuna capitata (พันธุ์ไม่มีขนคัน)
ขึ้นเป็นแถวคลุมไม้อื่นจนแน่นทึบ
โดยเฉพาะในไร่ร้างจะพบหมามุ่ย
ขึ้นเต็มไปหมด จนกลายเป็นพืชที่มีปัญหา
แต่ละเถาจะติดก้านใบขนาดใหญ่ยาว
ประกอบด้วยใบย่อย 3 ใบ
ใบหนานุ่มมีขนอ่อน
ติดดอกช่วงปลายฤดูฝนเป็นช่อ
กลีบดอกสีม่วงอ่อนดูเด่น
หมามุ่ยให้ดอกช่อดอกยาวใหญ่
ทยอยกันบานจากโคนถึงปลายช่อ
ต่อมาก็ติดฝักถ้าเป็นพันธุ์ใหญ่ฝักจะแบน
ส่วนพันธุ์เล็กฝักจะกลม
ฝักจะมีขนอ่อนคลุม
ฝักแก่นี้เองจะกลายเป็นพืชที่มีพิษ
เพราะขนจะปลิวว่อนไปตอนต้นลม
ตั้งแต่ฤดูหนาวถึงฤดูแล้ง
ถ้ามีดงหมามุ่ยอยู่ในบริเวณใกล้เคียง
จะคันยุบยับไปทั้งตัว
ยิ่งเหงื่อตกยิ่งรู้สึกคันยิ่งขึ้น
แก้โดยถูกับผมหรือใช้เทียนขี้ผึ้ง
หรือใช้ข้าวเหนียวสุกนวดให้เป็นก้อน
กลิ้งเบา ๆ บริเวณที่คัน
โชคดีที่นักพฤษศาสตร์ปรับปรุงพันธุ์พื้นเมืองให้เป็นสายพันธุ์ใหญ่
ใบเล็ก ฝักไม่มีขนพิษและอายุสั้น
โดยนำมาปลูกเป็นปุ๋ยพืชสด หรือปลูกคลุมพื้นที่ว่างเปล่า
เมื่อประมาณ 15 ปีที่ผ่านมา มีนักวิชาการได้นำเมล็ดพันธุ์หมามุ่ยไม่มีพิษ
มาจากโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งอาจจะนำพันธุ์มาจากไต้หวันและได้นำมาขยายพันธุ์
ที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ
อ.พนมสารคาม จ. ฉะเชิงเทรา
ต่อมาได้กระจายนำพันธุ์ไปทั่วทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ยังมีการนำหมามุ่ยไม่คันมาปลูกข่มหญ้าขจรจบ
ดอกเหลืองในกระถางทดสอบ
พบว่าสามารถข่มวัชพืขได้ดีเช่นเดียวกับถั่วพร้า
และถั่วแปบในระยะแรกเพราะเป็นพืชที่มีเมล็ดใหม่
เปลือกบาง จึงงอกได้รวดเร็วมีใบใหญ่บังแสงได้มากพอ
จนวัชพืชไม่สามารถจะงอกได้
แต่หมามุ่ยชนิดนี้เป็นพืชล้มลุกอายุสั้นโทรมเร็ว
ไม่สามารถข่มวัชพืชข้ามปีได้
การใช้ประโยชน์ในการอนุรักษ์ดิน
ควรปล่อยให้ขึ้นคลุมพื้นที่ลาดเทซึ่งปล่อยทิ้งไม่ใช้ประโยชน์
จะช่วยยึดดินไม่ให้พังทลายในฤดูฝน
ถ้าเป็นหมามุ่ยพันธุ์พื้นเมือง ไม่ควรเข้าไปใกล้ ขณะติดฝักแก่ในฤดูแล้ง
เพราะขนจะปลิวมาแตะผิวหนังทำให้ผื่นคันได้
ส่วนพันธุ์ต่างประเทศใช้ปลูกคลุมดินเหมือนพืชคลุมดินทั่ว ๆ ไป
คัน ไหม ครับ!
ขอขอบคุณข้อมูลจาก www.arunsawat.com