คดีฆาตกรรมที่ผีมาเป็นพยาน The Greenbrier Ghost เรื่องจริงสุดสยองจากอเมริกา

วันนี้ผมมีเรื่องเล่าสุดหลอนปนสืบสวน ที่อ่านแล้วบอกเลยว่าขนหัวลุก แต่ก็ยังเต็มไปด้วยความตื่นเต้นเหมือนนั่งดูหนังสืบคดีผสมผีดุ เรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ ในรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย ประเทศอเมริกา และถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่าเป็น “คดีเดียวที่มีวิญญาณเป็นพยานในศาล”

ใช่ครับ อ่านไม่ผิด—ผี! เป็นพยานในศาล!

จุดเริ่มต้นของความรัก…ที่กลายเป็นโศกนาฏกรรม

ย้อนกลับไปปี 1896 ที่เมืองเล็ก ๆ ใน Greenbrier County มีหญิงสาวสวยชื่อ Elva Zona Heaster หรือที่คนแถวนั้นเรียกกันว่า “โซนา” เธอเพิ่งแต่งงานกับชายหนุ่มรูปหล่อชื่อ Erasmus Stribbling Trout Shue หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า “เอ็ด ชูว์”

ตอนแรกชีวิตเหมือนจะสดใสสวยงาม แต่ใครจะรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีอดีตที่ดำมืด ทั้งนิสัยก้าวร้าว และเรื่องเล่าลือว่ามีภรรยาคนเก่าที่ตายไปอย่างน่าสงสัย

วันที่ทุกอย่างเปลี่ยนไป

วันที่ 23 มกราคม 1897 มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งถูกส่งไปที่บ้านของทั้งคู่ เพื่อฝากข้อความ แต่สิ่งที่เขาเจอคือ ร่างไร้ลมหายใจของโซนา นอนอยู่ที่พื้นบ้าน

เอ็ด ชูว์ สามีรีบเข้ามากอดศพภรรยา และไม่ยอมให้ใครแตะต้องร่างของเธอเลย แถมยังบังคับให้แต่งตัวศพด้วยชุดเดรสแขนยาวคอสูงแบบรัดแน่น พร้อมพันผ้าพันคอเพิ่มอีก

ตอนแรกหมอที่มาตรวจศพก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะเห็นสามีร้องไห้โวยวายจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ สุดท้ายก็ลงบันทึกว่าตายเพราะ “โรคหัวใจล้มเหลว” …จบข่าว

แต่เรื่องยังไม่จบง่าย ๆ ครับ

แม่ผู้ไม่เชื่อคำพูดใคร

แม่ของโซนา ชื่อ Mary Jane Heaster เธอเป็นผู้หญิงหัวแข็งและเชื่อสัญชาตญาณของตัวเองมาก และครั้งนี้หัวใจของคนเป็นแม่ก็บอกชัดเจนว่า “ลูกสาวฉันไม่ได้ตายเอง แต่ถูกฆ่า!”

หลังงานศพ เธอเก็บเสื้อผ้าของลูกสาวกลับมาบ้าน แต่ทันทีที่เอามาล้างน้ำ ก็สังเกตเห็นคราบสีน้ำตาลแดงตรงคอเสื้อ ไม่ว่าจะซักยังไงคราบนั้นก็ไม่ยอมจาง เธอมั่นใจทันทีว่านี่คือ ร่องรอยเลือด

และในคืนนั้นเอง เธอเริ่มเห็น “วิญญาณของโซนา” มาปรากฏตรงปลายเตียง

คำสารภาพจากผี!

ตลอด 4 คืน ที่ติดต่อกัน Mary Jane เล่าว่าวิญญาณลูกสาวมาหาเธอทุกคืน โซนาเล่าว่าเธอถูกสามีฆ่า โดยเล่าว่าในคืนหนึ่งพวกเขามีปากเสียงกัน แล้วเอ็ดโกรธจัดจน หักคอเธอ และเพื่อพิสูจน์ โซนาก็หันหัวหมุนรอบ 180 องศา ให้แม่เห็นแบบจะ ๆ

ลองนึกภาพนะครับ…กลางดึกเงียบ ๆ แล้ววิญญาณลูกสาวมาบอกว่าตัวเองถูกฆ่า แถมโชว์คอหักให้ดูอีก ใครไม่เชื่อก็คงยากแล้วล่ะ

จากผี…สู่หลักฐาน

Mary Jane ไม่ได้นิ่งเฉย เธอไปหาพนักงานอัยการในเมือง และเล่าเรื่องทั้งหมด แม้ตอนแรกเขาจะคิดว่าเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่แม่คนนี้ก็ยืนกรานไม่ถอย สุดท้ายพนักงานอัยการก็ยอมเปิดคดีใหม่

เมื่อมีการขุดศพโซนาขึ้นมาตรวจอีกครั้ง ผลก็ชัดเจนมาก—กระดูกคอหัก ตรงตามที่ผีเล่าเป๊ะ ๆ!

ศาลที่มี “วิญญาณ” เป็นพยาน

เมื่อคดีขึ้นสู่ศาลในปี 1897 อัยการนำพยานหลักฐานมาโชว์ชัดเจน ทั้งซากศพที่ยืนยันว่าถูกฆ่า ไม่ใช่ตายเอง

แต่สิ่งที่ทำให้คดีนี้กลายเป็นตำนานก็คือ การที่ฝ่ายจำเลยพยายามโจมตี Mary Jane โดยบอกว่าเธอแค่ฝันไปเอง ไม่ใช่หลักฐานจริง แต่ผลกลับตรงข้าม…คำให้การของแม่ที่บอกว่าผีลูกสาวมาเข้าฝัน กลายเป็นสิ่งที่คณะลูกขุนเชื่อ และถูกบันทึกลงในบันทึกการพิจารณาคดีจริง ๆ

สุดท้าย ศาลตัดสินว่า Erasmus Shue มีความผิดฐานฆาตกรรมภรรยา และถูกส่งเข้าคุกจนตายในปี 1900

คดีเดียวในโลกที่ “ผีบอก”

The Greenbrier Ghost จึงถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์กฎหมายอเมริกันว่าเป็น คดีฆาตกรรมเพียงคดีเดียวที่มีผีเป็นพยานในศาล

ฟังแล้วขนลุกไหมครับ? ไม่ว่าคุณจะเชื่อเรื่องผีหรือไม่ แต่เรื่องนี้ก็แสดงให้เห็นถึงความรักของแม่ที่ไม่ยอมให้ความจริงถูกปิดบัง และสุดท้ายก็เป็นความยุติธรรมให้ลูกสาวที่จากไป

สำหรับผม เรื่องนี้มันทั้งหลอน ทั้งดราม่า และทั้งตื่นเต้นแบบสุด ๆ บอกเลยว่าถ้าเอาไปทำหนังนี่ต้องดังแน่ ๆ เพราะมีครบเลย—ความรัก ความตาย ผีหลอน และศาลที่ต้องตัดสินจากสิ่งเหนือธรรมชาติ

แล้วเพื่อน ๆ ล่ะครับ…เชื่อไหมว่า “ผี” สามารถกลับมาบอกความจริงได้จริง ๆ? หรือคิดว่าเป็นเพียงภาพหลอนของคนเป็นแม่?