หนีเสือปะจระเข้! ชาวเขมรโวยหนัก ผักเวียดนามเต็มสารเคมี หลังแบนผักไทย
สวัสดีครับ วันนี้ผมมีคลิปมาเล่าให้เพื่อนๆ ฟังครับ เรื่องนี้ต้องบอกเลยว่า ทั้งช็อก ทั้งฮา ทั้งน่าคิด เพราะเป็นเหตุการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้นในฝั่งประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่าง “กัมพูชา” ที่ตอนนี้กำลังเจอปัญหาหนักเข้าให้แล้วครับ
จากที่ก่อนหน้านี้ออกนโยบาย ลดการนำเข้าผักผลไม้จากไทย เพื่อประชดไทยแบบเงียบ ๆ ก็ว่าได้ แต่เรื่องมันดันกลับตาลปัตร!
เพราะว่า...
ตอนนี้กัมพูชากำลังเจอวิกฤตใหม่ – ผักเวียดนามเต็มไปด้วยสารเคมี!
งานนี้ชาวเขมรขวัญผวากันทั้งเมือง!
เรื่องมันเริ่มจากตรงไหน?
ตอนแรกฮุนเซน (อดีตนายก) ประกาศนโยบายให้ลดการพึ่งพาผักผลไม้จากไทย
เพื่อ “สร้างความเข้มแข็งให้เกษตรในประเทศ”
แต่พอของไม่พอ ก็เลย เบนเข็มไปนำเข้าจากเวียดนามแทน
แต่ ๆ ๆ … ยังไม่ทันได้เฮ
ข่าวใหญ่จากฝั่งยุโรปก็หลุดออกมาว่า
“ผักผลไม้เวียดนามตรวจพบสารเคมีตกค้างเกินมาตรฐาน”
ถึงขั้นทุเรียนเวียดนามโดนเตือน ห้ามเข้า EU ชั่วคราวเลยนะครับ
ชาวเขมรผวา! ขึ้นแฮชแท็ก #ผักมีพิษ
หลังจากมีข่าวนี้แพร่ออกไป ก็ไม่แปลกที่ชาวกัมพูชาจะเริ่ม “ไม่ไว้ใจ”
ว่าผักผลไม้ที่ขายกันตามตลาดทั่วประเทศ จะปลอดภัยแค่ไหน?
บางคนถึงกับแซะว่า…
“ตอนแรกแบนของไทยเพราะว่าแพง ตอนนี้ต้องมานั่งกินสารเคมีแทนหรอ?”
“จะหนีเสือสุดท้ายโดนจระเข้หม่ำซะเอง!”
คอมเมนต์ชาวเขมร…แม่งเด็ดมาก!
“ก่อนจะแบนไทย ควรดูเวียดนามให้ดีด้วย ปลูกกันยังไงถึงได้เต็มไปด้วยยาฆ่าแมลง”
“กินไปเถอะผักพิษ พอไม่ไหวจะได้กลับมาอ้อนวอนไทยเหมือนเดิม!”
“พ่อค้าแม่ค้าในประเทศก็ไม่เบา ขึ้นราคากันเอาเอา สุดท้ายก็ไม่มีใครซื้อ!”
“ถ้าไม่อยากกินสารเคมี ก็ไปปลูกกินเองสิ จะได้รู้ว่ามันเหนื่อยแค่ไหน!”
บางคนถึงขั้นเสนอแบบฮาร์ดคอร์
“ไม่ต้องแค่ปิดฝั่งไทยแล้ว ตอนนี้ควรปิดฝั่งเวียดนามด้วย!”
ข้อเท็จจริงที่หลายคนมองข้าม…
ความจริงคือ ไม่ว่าจะไทย เวียดนาม หรือประเทศไหน
การทำเกษตรเพื่อขายในปริมาณมาก ก็มี “การใช้สารเคมี” เป็นเรื่องธรรมดา
แค่จะใช้มากหรือน้อย อยู่ที่ระบบควบคุม
ซึ่งไทยมีระบบ GAP, Q Mark หรือ มาตรฐานส่งออก EU
แต่ฝั่งเวียดนาม หลายพื้นที่ยังทำแบบ “ไร้ระบบ” หรือใช้สารแบบบ้าน ๆ
ที่แค่ฉีดแล้วเก็บขายเลยทันที ไม่รอระยะปลอดภัย
แถมงานนี้ยังทำให้เกิดคำถามอีก…
แล้วผักผลไม้ที่ผลิตในกัมพูชาเอง ปลอดภัยจริงเหรอ?
เพราะบางคนบอกว่า…
“ก็เห็นปลูกกันเอง แต่ยังแพงแถมไม่น่ากินเท่าไทยหรือเวียดนามเลย”
“ไม่กล้าแม้แต่จะซื้อของในประเทศ เพราะไม่รู้ว่าปลูกยังไง?”
บางคนเริ่มคิดได้ – หันมาปลูกเอง!
คอมเมนต์บางส่วนเริ่มออกแนว “ปลุกสำนึก”
บอกว่าถ้าไม่อยากกินผักสารพิษก็ต้อง “ปลูกเอง”
และสนับสนุนผักปลอดสารในชุมชน
บางคนก็โทษระบบกลางว่า…
“รัฐบาลควรเข้ามาช่วยควบคุมคุณภาพ ไม่ใช่ปล่อยให้คนหากำไรจากชีวิตกันเอง”
สรุปให้เข้าใจง่าย
-
กัมพูชาแบนผักผลไม้จากไทย → ของขาด
-
แก้ปัญหาโดยหันไปพึ่งเวียดนาม → มีข่าวสารพิษตกค้าง
-
ชาวเขมรเริ่มโวย → กลัวสารพิษ แถมของยังแพง
-
คนในประเทศเริ่มรู้ตัว → ปลูกเอง = ทางรอด
บทเรียนราคาแพงของการ “แบนด้วยอารมณ์”
จากตอนแรกที่อยากเป็นอิสระจากของไทย
วันนี้ชาวกัมพูชากำลังเผชิญกับ “ความจริง”
ว่าถ้าไม่มีระบบที่ดี และไม่มีการควบคุมที่เข้มแข็ง
สุดท้ายก็ต้องย้อนกลับมากินของปลอดภัยแบบเดิม (ที่เคยแบนไป)
แล้วเพื่อน ๆ ล่ะ คิดยังไง
คิดว่าชาวเขมรจะกลับมาซื้อผักไทยอีกมั้ย?
หรือจะดื้อดึงไปต่อกับเวียดนาม?
หรือสุดท้ายจะยอมลงทุนปลูกเองแบบจริงจัง?
แสดงความคิดเห็นกันเข้ามาได้เลยครับ
ใครมีมุมมองเด็ด ๆ หรือข้อมูลเพิ่มเติม แชร์กันได้นะครับ!
สำหรับวันนี้ ผมขอตัวลาไปก่อน แล้วเจอกันใหม่กระทู้หน้า สวัสดีครับ














