"แค่จะหาเงินช่วงปิดเทอม...ทำไมมันต้องเหนื่อยขนาดนี้วะ"
ปิดเทอมใหญ่ที่ผ่านมา ผมตัดสินใจว่าจะไม่กลับบ้าน เพราะอยากหาเงินใช้เองและเก็บไว้ใช้ตอนเปิดเทอม เพื่อจะได้ไม่ต้องขอเงินพ่อแม่เยอะเกินไป ความคิดตอนนั้นดูเรียบง่ายและมั่นใจมากว่า “งานพาร์ทไทม์มันต้องง่าย” แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ง่ายอย่างที่คิดเลย
วันแรกที่ออกไปหางานพาร์ทไทม์ ผมหางานร้านอาหารตามสั่งในละแวกมหาวิทยาลัย ใจคิดว่าทำแค่งานง่าย ๆ แค่ยืนทอดไข่ ผัดข้าว แต่พอได้ลงมือจริง ๆ ปรากฏว่าเหนื่อยกว่าที่คิดมากกกกก ต้องยืนอยู่หน้ากระทะร้อน ๆ ติดต่อกันเป็นชั่วโมง ๆ สับวัตถุดิบ เตรียมเครื่องปรุง เรียกออเดอร์ลูกค้า รับจ่ายเงิน บางทีลูกค้าเร่งรีบบ่นเสียงดัง ทำให้เราเครียดและกดดันสุด ๆ แม้จะพยายามทำเต็มที่ แต่ก็ยังรู้สึกว่ามือใหม่แบบเราไม่ชำนาญ และงานนี้ทำให้เราแทบจะหมดแรงวันละเกือบ 12 ชั่วโมง
เงินที่ได้วันละประมาณ 350-400 บาท นับว่าไม่มากเมื่อเทียบกับความเหนื่อยที่เจอ พอผ่านไปสองสัปดาห์ก็เริ่มมีอาการปวดหลัง ปวดขา มือชา แถมยังต้องตื่นเช้าตลอดเพื่อไปทำงาน ไม่ได้พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น แต่ก็ต้องทนเพราะไม่มีทางเลือก
หลังจากนั้น ผมตัดสินใจลาออกจากร้านอาหารเพราะไม่ไหวจริง ๆ อยากหางานใหม่ที่ไม่หนักเท่านี้ แต่ก็ไม่ง่ายเลยนะที่จะหางานพาร์ทไทม์ที่เข้ากับตารางชีวิตเราและที่สำคัญคือจ่ายเงินดีพอ
งานใหม่ที่ผมหาลองทำก็คืองานร้านสะดวกซื้อ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า เพราะไม่ต้องทำอาหาร ไม่ต้องยกของหนัก แต่พอได้ลงมือจริง ๆ ก็เหนื่อยไม่ต่างกันเลย งานต้องยืนตลอดเวลา 8 ชั่วโมงเต็ม สับสินค้า รับส่งของ จัดของเข้าชั้น แถมบางวันต้องเปิดปิดร้านเอง ลูกค้าบางคนก็คาดหวังเยอะ ไม่พอใจในบางเรื่อง บางคนพูดจาไม่สุภาพ บางครั้งเราต้องรับมือกับสถานการณ์ที่ทำให้เครียดมาก ๆ
ร่างกายเริ่มทนไม่ไหว ปวดขาและเท้าแทบทุกวัน มีบางวันที่ล้มตัวนอนหมดแรงกลับไปที่หอพัก แล้วก็คิดเลยว่าทำไมชีวิตมันต้องลำบากขนาดนี้กับแค่การหาเงินแค่ 400-500 บาทต่อวัน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะทำต่อเพราะอยากได้เงินเก็บ
วันหยุดก็แทบจะไม่มี เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเหมือนหุ่นยนต์ที่ถูกสั่งให้ทำงานอย่างเดียว พอเริ่มรู้สึกแบบนี้ เราก็ตัดสินใจลาออกจากงานนี้เช่นกัน
แต่ไม่ได้ยอมแพ้ง่าย ๆ นะครับ หลังจากลาออกจากงานร้านสะดวกซื้อ ผมหางานใหม่เรื่อย ๆ ทั้งเป็นเด็กส่งของในร้านอาหาร คลังสินค้า หรือแม้แต่รับจ้างล้างจาน งานแต่ละงานก็มีความหนัก ความเหนื่อยและความท้าทายแตกต่างกันไป
บางงานต้องยกของหนักมากจนปวดหลัง บางงานทำในสภาพแวดล้อมร้อนจัดหรือแออัด มีบางครั้งที่ผมรู้สึกท้อแท้ อยากยอมแพ้ แต่พอคิดถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ก็ลุกขึ้นสู้ต่อ
ในทุก ๆ งานที่ทำ ผมได้เรียนรู้มากมาย ทั้งเรื่องการบริหารเวลา การสื่อสารกับคน การแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้า แม้จะเหนื่อยแต่ก็ได้ฝึกฝนความอดทนและความรับผิดชอบมากขึ้น
สุดท้ายผมก็เจองานที่ใช่ เป็นพนักงานขายในร้านหนังสือที่มหาวิทยาลัย งานนี้เหมาะกับตัวเองมากกว่างานก่อนหน้านี้ ไม่หนักเท่าไร ได้คุยกับคนชอบอ่านหนังสือ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับสินค้าและการบริการลูกค้า แม้ว่ารายได้จะไม่มากนัก แต่ผมสามารถทำงานนี้ได้ยาว ๆ และรู้สึกมีความสุขกับงานมากขึ้น
สิ่งที่สำคัญที่สุดที่ได้จากประสบการณ์หาเงินช่วงปิดเทอมนี้คือ การเรียนรู้คุณค่าของเงิน ความเหนื่อย ความลำบาก และเวลาที่ใช้ไปเพื่อแลกเงินนั้น ทำให้ผมเห็นว่าเงินไม่ได้มาแบบง่าย ๆ และควรจะรักษาและใช้อย่างคุ้มค่าที่สุด
ผมภูมิใจที่ไม่ยอมแพ้ และได้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาได้ เพราะมันสอนให้ผมเติบโตทั้งในเรื่องทักษะชีวิตและความอดทนที่จะสู้ต่อไป
เจาะสถิติสลากกินแบ่งรัฐบาล ย้อนหลัง 10 ปี (งวด 2 มกราคม)
ส่องเลขเด็ดรับปีใหม่: "อาจารย์น็อตตี้ ตำหนักปู่ใหญ่" งวด 2/1/69
มิตรภาพใต้สมุทร เมื่อ "วาฬเพชฌฆาต" จับมือ "โลมา" ร่วมทีมล่าล่าเหยื่อ
APC M113 รถเกราะ 60 ปี ลุยสมรภูมิช่องอานม้า เสริม "เกราะไม้" กันจรวดสุดแกร่ง
ไทยซื้อระบบป้องกันทางอากาศใหม่ !
กัมพูชา ส่งจดหมายถึงทั่วโลก ลั่นไม่ได้อ่อนแอ แต่ถูกไทยบีบให้จนมุม
BBC ยกให้ "กรุงพนมเปญ" ติด TOP20..ปลายทางที่ดีที่สุดในโลก
สอยอีกหนึ่ง นายพลเขมรร่วง อีกราย


