เจาะลึกรอยแผลสิวแต่ละชนิด เลือกรักษาแบบไหนให้ตรงจุดที่สุด
เจาะลึกรอยแผลสิวแต่ละชนิด เลือกรักษาแบบไหนให้ตรงจุดที่สุด
รอยแผลสิวเป็นหนึ่งในปัญหาผิวที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่มั่นใจ ยิ่งเวลาต้องออกไปพบเจอผู้คนหรืออยากโชว์ผิวหน้าที่เรียบเนียนก็ยิ่งกังวล เพราะรอยแผลสิวมักจะทิ้งร่องรอยให้เห็นชัดบนใบหน้า ซึ่งอาจใช้เวลานานกว่าจะจางลง วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับรอยแผลสิวแต่ละแบบ ว่ามีลักษณะอย่างไร และควรดูแลหรือรักษาด้วยวิธีไหนให้เหมาะสม เพื่อให้รอยแผลสิวจางลงได้จริงและกลับมามั่นใจอีกครั้ง
รอยแผลสิวคืออะไร แล้วเกิดขึ้นได้ยังไง?
หลายคนที่เคยเป็นสิวคงเคยประสบปัญหาเรื่อง รอยแผลสิว ซึ่งเป็นร่องรอยที่หลงเหลือหลังสิวหาย ไม่ว่าจะเป็นรอยดำ รอยแดง หรือแม้กระทั่งรอยหลุมลึก การเข้าใจต้นเหตุของ รอยแผลสิว จะช่วยให้เราสามารถดูแลและป้องกันได้อย่างตรงจุดมากขึ้น
เส้นทางการเกิดรอยแผลสิวจากสิวอักเสบ
รอยแผลสิว มักเริ่มต้นจากปัญหาการอุดตันในรูขุมขน เมื่อเซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมตัวกับความมันส่วนเกิน จะก่อให้เกิดสิวอุดตันในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งสิวหัวขาวหรือสิวหัวดำ หากไม่ได้รับการดูแลหรือมีการบีบ แกะอย่างรุนแรง ก็จะทำให้สิวพัฒนาไปสู่การอักเสบ
เมื่อสิวเกิดการอักเสบ ร่างกายจะส่งเซลล์ภูมิคุ้มกันอย่างเม็ดเลือดขาวมาเพื่อกำจัดแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิว ซึ่งกระบวนการนี้เองที่อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้นเสียหาย โดยเฉพาะหากการอักเสบลุกลามลึกลงถึงชั้นหนังแท้ ทำให้เซลล์ที่สร้างคอลลาเจนทำงานผิดปกติ การซ่อมแซมผิวจึงไม่สมบูรณ์ และทิ้ง รอยแผลสิว ไว้เป็นร่องหรือหลุมลึก
นอกจากนี้ การอักเสบของสิวยังไปกระตุ้นเซลล์เม็ดสีในผิวให้ผลิตเมลานินมากขึ้น ส่งผลให้เกิด รอยแผลสิว ที่เป็นสีแดงหรือดำ ซึ่งพบได้บ่อยหลังสิวหายและอาจอยู่กับเราไปอีกนานหากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี
วิธีดูแลและรักษารอยแผลสิวแต่ละประเภทให้ได้ผล
การรักษารอยแผลสิวไม่สามารถใช้วิธีเดียวกันกับทุกประเภทได้ เพราะรอยแผลสิวแต่ละแบบมีสาเหตุและลักษณะเฉพาะตัว หากต้องการให้การรักษาเห็นผลชัดเจน จำเป็นต้องแยกแยะให้ถูกต้องว่ารอยที่เรากำลังเผชิญอยู่คือแบบไหน แล้วเลือกแนวทางการดูแลให้ตรงจุด
1. วิธีจัดการรอยแผลสิวประเภทที่เป็นรอยดำหรือรอยแดง
รอยแผลสิวแบบนี้มักเกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบหายแล้ว โดยสีที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากเม็ดสีหรือเส้นเลือดฝอยใต้ผิวที่เปลี่ยนไป การรักษารอยแผลสิวลักษณะนี้จึงเน้นการปรับสีผิวให้ดูสม่ำเสมอ และลดการอักเสบของผิว
แนวทางการดูแลด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
- วิตามินซี ช่วยลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน ทำให้จุดด่างดำดูจางลง
- Niacinamide เสริมความแข็งแรงของผิว และลดการสร้างเม็ดสี
- AHA/BHA ช่วยผลัดเซลล์ผิวด้านบนอย่างอ่อนโยน
- Azelaic Acid ช่วยลดการอักเสบและรอยแดงจากสิว
หัตถการที่ช่วยฟื้นฟูรอยแผลสิวที่ฝังลึกขึ้น
- IPL ช่วยจัดการกับรอยแดงจากเส้นเลือดฝอย
- Q-Switched / Pico ช่วยทำลายเม็ดสีผิดปกติใต้ผิว
- Microneedling กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและผลัดผิวจากภายใน
2. วิธีรักษารอยแผลสิวที่เป็นหลุม
หลุมสิวเกิดจากการที่การอักเสบของสิวลุกลามลึกถึงชั้นหนังแท้ แล้วเนื้อเยื่อซ่อมแซมได้ไม่เต็มที่ จึงเกิดเป็นรอยแผลสิวที่มีลักษณะเป็นหลุม ยิ่งลึกยิ่งต้องการการกระตุ้นคอลลาเจนอย่างต่อเนื่อง
แนวทางการรักษาที่นิยม
- Fractional Laser ยิงพลังงานเลเซอร์ลงลึกเพื่อกระตุ้นให้ผิวสร้างคอลลาเจนใหม่
- Microneedling หรือ Dermaroller กระตุ้นการซ่อมแซมผิวด้วยการสร้างแผลขนาดเล็กที่ควบคุมได้
- TCA CROSS แต้มกรดเข้มข้นเฉพาะจุดเพื่อเร่งการฟื้นฟูของผิวในบริเวณหลุม
- Subcision ใช้เข็มตัดพังผืดใต้ผิวที่ดึงรั้งให้หลุมดูลึก
- ฟิลเลอร์ เติมสารเพื่อยกหลุมให้ดูเรียบขึ้นในทันที
การรักษารอยแผลสิวประเภทหลุมมักต้องทำต่อเนื่องหลายครั้ง และอาจต้องผสมผสานหลายเทคนิคเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
3. การดูแลรอยแผลสิวที่มีลักษณะนูน
แผลเป็นนูนเกิดจากผิวสร้างคอลลาเจนมากเกินไประหว่างการฟื้นฟู ทำให้รอยแผลสิวไม่เรียบเสมอ การดูแลจึงเน้นการควบคุมการสร้างคอลลาเจน และลดอาการนูนของผิว
วิธีที่ใช้ในการดูแลรอยแผลสิวแบบนูน
- ฉีดยาสเตียรอยด์ ลดอาการอักเสบและการสร้างคอลลาเจนที่มากเกินไป
- เลเซอร์ชนิดเฉพาะ (PDL, CO2) ลดความแดง ความแข็ง และปรับพื้นผิวให้เรียบ
- แผ่นซิลิโคน ใช้ปิดทับรอยนูนเพื่อลดการยกตัวของแผล และช่วยให้ผิวยืดหยุ่นขึ้น
รอยแผลสิวใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะหาย ?
หลายคนสงสัยว่ารอยแผลสิวจะอยู่กับเราไปนานแค่ไหน ซึ่งคำตอบนั้นขึ้นอยู่กับประเภทของ รอยแผลสิว รวมถึงลักษณะผิวของแต่ละคน โดยแต่ละแบบก็มีระยะเวลาการจางหายที่แตกต่างกันออกไป ถ้าเรารู้ว่ารอยแบบไหนต้องใช้เวลาดูแลอย่างไร ก็จะช่วยให้วางแผนการรักษาได้ชัดเจนมากขึ้น
- รอยแผลสิวประเภทรอยแดง (PIE)
รอยแดงที่หลงเหลือจากสิวอักเสบมักจะจางลงภายในช่วง 1–3 เดือน ถ้าไม่มีการกระตุ้นซ้ำ และมีการดูแลผิวที่เหมาะสม เช่น หลีกเลี่ยงแสงแดดและใช้ผลิตภัณฑ์ลดการอักเสบ - รอยแผลสิวแบบรอยดำ (PIH)
สำหรับรอยดำที่เกิดจากเม็ดสีผิว อาจต้องใช้เวลานานประมาณ 3–6 เดือนกว่าจะจางลง โดยเฉพาะในคนที่มีสีผิวเข้มหรือไม่ได้ป้องกันผิวจากแสงแดดอย่างต่อเนื่อง - รอยแผลสิวชนิดหลุมและแผลเป็นถาวร
รอยลึกแบบนี้ไม่สามารถหายได้เอง ต้องพึ่งการรักษาเชิงหัตถการหลายรูปแบบ ซึ่งมักใช้เวลาต่อเนื่องตั้งแต่หลายเดือนจนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับระดับความลึกของแผลและเทคนิคที่เลือกใช้ เช่น เลเซอร์ หรือ Microneedling - รอยแผลสิวแบบนูน (Hypertrophic/Keloid)
แผลเป็นลักษณะนี้ต้องได้รับการดูแลอย่างจริงจังและต่อเนื่อง โดยทั่วไปต้องรักษาหลายครั้ง และอาจต้องใช้เวลานานหลายเดือนหรือเป็นปีจึงจะเห็นผลชัดว่ารอยเรียบลง
สรุปภาพรวมทุกเรื่องของรอยแผลสิวที่ควรรู้
รอยแผลสิวเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญหลังสิวหาย แม้จะดูเหมือนไม่ร้ายแรง แต่ก็ส่งผลต่อความมั่นใจไม่น้อย การรักษารอยแผลสิวมีทั้งวิธีธรรมชาติที่สามารถทำเองได้ และการรักษาโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ซึ่งสิ่งสำคัญคือการเลือกวิธีดูแลรอยแผลสิวให้ตรงกับสภาพผิวของเรา เพื่อให้ผิวกลับมาเรียบเนียนและดูสุขภาพดีอีกครั้ง
แน่นอนว่าการดูแลรอยแผลสิวไม่ใช่เรื่องที่เห็นผลในชั่วข้ามคืน ต้องอาศัยความตั้งใจและทำอย่างต่อเนื่อง หากดูแลอย่างมีวินัย รอยแผลสิวจะค่อย ๆ จางลงตามลำดับ และเมื่อรักษารอยแผลสิวได้แล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามคือการดูแลผิวอย่างถูกวิธีหลังสิวหาย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดรอยแผลสิวขึ้นมาใหม่ในอนาคต










