Rainy Day.
ทำไมเราถึงนอนหลับสบายในวันที่ฝนตก?
การนอนในวันฝนตกให้ความรู้สึกสบายเป็นพิเศษ ปรากฏการณ์นี้อาจเกิดจากปัจจัยทางวิทยาศาสตร์และจิตวิทยาหลายๆ อย่างร่วมกัน โดยมีรายละเอียดของเหตุผลประกอบหลักๆดังต่อไปนี้
ผมขอเริ่มที่ เอฟเฟกต์ "เสียงขาว(white noise)" ของฝนกันก่อนนะครับ...
"เสียงขาว" ของฝน ช่วยกลบเสียงรบกวนได้อย่างดี เสียงฝนเป็น “เสียงรบกวนสีขาว” ที่เป็นธรรมชาติ โดยมีความถี่สม่ำเสมอและต่อเนื่อง สามารถปิดกั้นเสียงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นฉับพลันได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เช่น เสียงยานพาหนะ เสียงมนุษย์) และลดโอกาสที่การนอนหลับจะถูกรบกวน
"เสียงขาว" ของฝนต่อการตอบสนองต่อการผ่อนคลายของสมองจากการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเสียงสีขาวที่สม่ำเสมอจะกระตุ้นระบบประสาทพาราซิมพาเทติกของสมอง ทำให้ระดับฮอร์โมนความเครียด เช่น คอร์ติซอลลดลง และทำให้ผู้คนเข้าสู่การนอนหลับลึกได้เร็วขึ้น
ข้อต่อมา คือ การหลั่งเมลาโทนิน เมื่อฝนตก...แสงสลัวก็ช่วยกระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน แสงจะอ่อนลงในวันฝนตก เมื่อจอประสาทตารับรู้สภาพแวดล้อมที่มืด ก็จะส่งสัญญาณไปยังสมองเพื่อกระตุ้นต่อมไพเนียลให้หลั่งฮอร์โมนเมลาโทนิน (ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมวงจรการนอน-การตื่น) ซึ่งเป็นการซิงโครไนซ์นาฬิกาชีวภาพ เพราะเมื่อแสงธรรมชาติลดลง ร่างกายของมนุษย์จะมีแนวโน้มที่จะดำเนินตามจังหวะเดิมของการ “พักผ่อนตอนพระอาทิตย์ตก” ส่งผลให้รู้สึกง่วงนอนมากขึ้น
ผลการทำความเย็นก็มีผลนะครับ เราจะมีความสบายของอุณหภูมิที่ลดลงและความชื้นที่สูงขึ้น การระเหยของน้ำฝนจะดูดซับความร้อนและลดอุณหภูมิโดยรอบ
มันทำให้ร่างกายมนุษย์มีแนวโน้มที่จะนอนหลับได้มากกว่าในสภาพแวดล้อมที่เย็นกว่าปกติเล็กน้อย เนื่องจากอุณหภูมิแกนกลางของร่างกายที่ลดลงเพียงเล็กน้อยเป็นสัญญาณสำคัญในการนอนหลับ
ส่วนความชื้นที่เหมาะสม ความชื้นของอากาศจะสูงขึ้นในวันที่ฝนตก ซึ่งจะช่วยบรรเทาความรู้สึกไม่สบายที่เกิดจากความแห้ง (เช่น โพรงจมูกหรือผิวแห้ง)ได้ดี แต่หากความชื้นไม่มากเกินไป ร่างกายก็จะรู้สึกสบายตัวมากขึ้น
ข้อถัดมา...สัญชาตญาณแห่งวิวัฒนาการ มันเป็นการผ่อนคลายทางจิตใจและเป็นผลของ “สถานที่ๆปลอดภัย”
มนุษย์ในสมัยก่อนพบว่าการทำกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่ฝนตกเป็นเรื่องยาก ดังนั้น การพักผ่อนในวันที่ฝนตกจึงอาจได้รับการพัฒนาขึ้นเพื่อเป็นกลยุทธ์เอาตัวรอด(ในการทำงาน) ความทรงจำทางพันธุกรรมนี้อาจทำให้ผู้คนรู้สึก “ปลอดภัย” ในวันที่ฝนตก ส่งผลให้พวกเขาละเลยความระมัดระวังของตนเอง
โดยที่มันเป็นสภาพแวดล้อมที่ปราศจากความเครียด ในวันฝนตกมักถูกมองว่าเป็นข้ออ้างที่สมเหตุสมผลสำหรับการ “ไม่ต้องออกไปทำงาน”
ซึ่งลดความรู้สึกถึงความรับผิดชอบและความวิตกกังวล และทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นเมื่อแรงกดดันทางจิตใจลดลง
ที่สุดคือ..กลิ่นหอมธรรมชาติและฤทธิ์ของประจุลบ เพทริคอร์ (PETRICHOR)เป็นกลิ่นเฉพาะตัว มันมักมีกลิ่นดิน มักจะหอมฟุ้งเมื่อฝนตก เป็นสารอินทรีย์ระเหยง่าย เช่น จีโอสมีน (Geosmin) เป็นเทอร์ปีนไบไซคลิกธรรมชาติที่มีกลิ่นคล้ายดิน ที่ถูกปล่อยออกมาเมื่อน้ำฝนสัมผัสกับดินแห้ง กระตุ้นให้สมองเกิดการตอบสนองต่อความสุข เช่นเดียวกับผลของอะโรมาเทอราพี
ส่วนบทบาทของไอออนลบ โดยในระหว่างพายุฝนฟ้าคะนอง แรงเสียดทานระหว่างฟ้าแลบและฝนในอากาศจะทำให้เกิดไอออนลบ
การศึกษาวิจัยแสดงให้เห็นว่าไอออนลบอาจช่วยปรับปรุงอารมณ์ บรรเทาอาการซึมเศร้า และเพิ่มคุณภาพการนอนหลับได้ดีขึ้น
องค์ประกอบสุดท้าย สัญญาณทางวัฒนธรรมและความเชื่อมโยงทางอารมณ์ การแสดงในวรรณกรรม ภาพยนตร์ และโทรทัศน์
ผลงานทางวัฒนธรรมจำนวนมากเชื่อมโยงวันฝนตกกับความเงียบสงบ การไตร่ตรอง หรือฉากโรแมนติก เป็นการตอกย้ำการรับรู้ที่เป็นนัยๆ ว่า "วันฝนตกเหมาะกับการพักผ่อน(จริงๆ)"
รวมถึงการปลุกความทรงจำในวัยเด็กให้ตื่นขึ้น หากบุคคลใดมีประสบการณ์ที่น่ารื่นรมย์ในการนอนหลับอย่างสบายในวันที่ฝนตก
ความทรงจำดังกล่าวจะส่งผลต่อประสบการณ์ในปัจจุบันผ่านรีเฟล็กซ์ที่ปรับสภาพไว้แล้วนั่นเอง
ดั่งหลายๆข้อที่กล่าวมาของ Rainy Day.....
การสร้างสภาพแวดล้อมการนอนหลับที่เหมาะสมผ่านการทำงานร่วมกันของหลายประสาทสัมผัส (เสียง แสง อุณหภูมิ กลิ่น)ในขณะที่กระตุ้นกลไกการผ่อนคลายทางสรีรวิทยาและจิตวิทยา ความรู้สึก "แสนสบายและปลอดภัย" นี้ไม่เพียงแต่เป็นปรากฏการณ์ที่สามารถอธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น
แต่ยังเป็นการผสมผสานระหว่างการตอบสนองตามสัญชาตญาณของมนุษย์ต่อธรรมชาติและประสบการณ์ที่สะดวกสบายที่ถูกสร้างขึ้นทางวัฒนธรรมอีกด้วย
หากคุณต้องการปรับปรุงคุณภาพการนอนหลับในแต่ละวันของคุณ ลองจำลองวันฝนตกด้วยการใช้เครื่องสร้างเสียงสีขาว(อาจจะเปิดผ่าน youtube) ปรับอุณหภูมิห้อง หรือใช้กลิ่นหอมที่ผ่อนคลายก็จะช่วยคุณได้มาก....
แต่ขอบอก..มันไม่มีประโยชน์เลยสำหรับคนที่เป็นโรคนอนไม่หลับ!

















